อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 14 แผนบุรุษรูปงามของหนานหนาน
ตอนที่ 14 แผนบุรุษรูปงามของหนานหนาน
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยื่นมือออกไปลูบเสือดำเพื่อให้มันสงบลง จากนั้นมองดูเงาเล็ก ๆ นั้นผ่านม่าน โม่เสียนดูแลอย่างไรกัน ถึงปล่อยให้เขาออกมาปรากฏตัวในห้องโถงแห่งนี้เพียงลำพัง
ขาสั้น ๆ ของหนานหนานก้าวเข้ามา ตอนนี้เขามายืนอยู่ด้านในห้องโถงแล้ว เพียงแต่ดวงตาเป็นประกายกวาดมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นใคร จึงเหลือบมองม่านที่ทั้งยาวและกว้างผืนนั้นตรงหน้า ด้านหลังนั้น…ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่
ร่างเล็ก ๆ โค้งลงเล็กน้อย หนานหนานหรี่ตาลงเพื่อมองให้ละเอียดรอบคอบขึ้นอีกหน่อย
เพียงแต่คนคนนั้นกลับนิ่งไม่ไหวติง ราวกับเป็นไม้แกะสลัก และไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น
คงไม่ใช่ว่านอนหลับอยู่กระมัง? หรือจะเป็นไม้แกะสลักจริง ๆ?
หนานหนานไม่ใช่อวี้ชิงลั่ว ในสมองของเขาไม่ได้มีความพิถีพิถันมากขนาดนั้น เขายึดหลักเมื่อเกิดความสงสัยก็ต้องทำให้กระจ่าง ขาสั้น ๆ เล็ก ๆ ของเขาวิ่งมาด้านหน้าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นมือออกมาและแหวกม่านออก…
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว นิ้วมือยังคงวางอยู่บนตัวของเสือดำอย่างไม่ไหวติง ทว่าสายตากลับมองสำรวจเด็กที่อยู่ตรงหน้า เขามักรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา
“ว้าว…” หนานหนานเปล่งเสียงร้อง ดวงตาเบิกกว้าง เขากระโดดพรวดมาด้านหน้าโดยไม่พูดอะไร…ก่อนจะโอบเข้าที่คอของเสือดำ…และเริ่มถูหัวไปมา
“เสือดำ เสือดำนี่นา คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเสือดำ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเสือดำจริง ๆ น่ารักจังเลย มา เจ้าเด็กน้อย กอด ๆ นะ ข้ารักเจ้านะ” หนานหนานหลับตาลงและใช้มือเล็ก ๆ จับไว้แน่น รัดแน่นเสียจนเสือดำตัวนั้นเกือบอ้าปากกัดหัวของเขา
หากไม่ใช่เพราะมือของเย่ซิวตู๋ตบหลังของมันเบา ๆ เกรงว่าตอนนี้ภายในห้องโถงคงมีกลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งแล้ว
เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่หรี่ตามองเด็กคนนี้ ท่าทางตื่นเต้นเช่นนี้… ดูเหมือนว่าเขาคงลืมเรื่องที่เจอหน้ากันตอนที่เขาดื่มเหล้าจนเมามายไปจนหมดสิ้นแล้ว
“เสือดำ เจ้าเองก็ชอบข้าใช่หรือไม่? แน่นอนล่ะ ข้าหล่อเหลาและน่าดึงดูด เจ้าก็ต้องชอบข้าอยู่แล้ว แล้วเจ้ายินดีที่จะไปกับข้าหรือเปล่าล่ะ? แน่นอน ดูท่าทางนิ่งขรึมของเจ้าก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง”
หนังตาของเย่ซิวตู๋ถึงกับกระตุกวูบอย่างห้ามไม่อยู่ เด็กคนนี้พูดเองเออเองยังพอทน แต่ยังคิดจะลักพาตัวเสือดำของเขาไปอีก?
เด็กคนนี้ไม่เห็นเจ้าของคนนี้อยู่ในสายตาของเขาเลยใช่หรือไม่
“พยัคฆ์ทมิฬยอมรับเจ้านายแค่คนเดียว”
เสือดำที่อยู่ข้าง ๆ ราวกับฟังเข้าใจ มันจึงพยักหน้าขณะอดกลั้นความเจ็บปวด
ดูเหมือนว่าตอนนี้หนานหนานเพิ่งจะค้นพบว่าด้านหน้าของเขายังมีคนอีกหนึ่งคน เขารีบเงยหน้าขึ้นในทันที ศีรษะเล็ก ๆ แกว่งไปมา สายตาจ้องเขม็งมาที่เย่ซิวตู๋
“ท่านคือเจ้าของเสือน้อยนี่หรือ?”
เสือน้อย? เขาตีสนิททั้ง ๆ ที่เจอกันครั้งแรก…เก่งจริง ๆ
เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเย็นชา “แน่นอน”
“…” หนานหนานมองเขา ก่อนจะก้มหน้ามองพยัคฆ์ทมิฬ วัดส่วนสูงของตนเองอีกครั้ง เขาเองก็รู้จักข้อบกพร่องตัวเองดีเพราะพบว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่าไม่อาจใช้ไม้แข็งได้
งั้น…ก็ใช้ไม้อ่อนสิ? แล้วจะใช้วิธีไหนเล่า?
แผนบุรุษรูปงาม? ไม่ได้ เขาบริสุทธิ์และสูงส่งมิอาจทำให้ตนเองเสียเปรียบ
แผนสาวงาม? ท่านแม่ก็ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยสิ และเขาก็ไม่มีสาวงามที่ใช้ได้เสียด้วย
เย่ซิวตู๋มองลูกตาของหนานหนานที่กลอกไปมาอย่างเกียจคร้าน แค่เห็นก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาเองก็ไม่ได้ดูถูกความคิดของเด็กคนนี้ แค่โม่เสียนที่ตกอยู่ในเงื้อมมือของเด็กคนนี้ เขาก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้แตกต่างจากเด็กทั่วไป คาดว่าคงอยู่ในกลุ่มผู้ที่มีความฉลาดปราดเปรื่องเหล่านั้นที่มีจำนวนเพียงน้อยคน
แต่เด็กแบบนี้ จะวางแผนใส่โม่เสียนตามมาที่จวนโม่เพียงเพราะอยากดื่มสุรางั้นหรือ?
หนานหนานครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง และจับมือเขาไว้อย่างจริงจังด้วย
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วและดึงมือกลับมา
หนานหนานขมวดคิ้วตาม ท่าทางนั้นเลียนแบบเหมือนเย่ซิวตู๋ทุกอย่าง เพียงแต่ตอนนี้ กลับยื่นมือมาจับที่เสื้อของเขา
เย่ซิวตู๋อดทนอดกลั้น แต่ก็ยอมปล่อยให้หนานหนานจับ
“เจ้าของเสือน้อย พวกเรามาคุยกันสักหน่อยเป็นอย่างไร?”
“ข้าขอปฏิเสธ”
สีหน้าของหนานหนานไม่สู้ดีแล้ว เขาทำหน้าย่นจนกลายเป็นซาลาเปา “ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าจะคุยเรื่องอะไร เหตุใดท่านถึงปฏิเสธข้า?”
“พยัคฆ์ทมิฬมีเจ้านายได้แค่คนเดียว” ไม่ต้องคิดก็พอจะทราบได้ว่าเด็กคนนี้มีแผนอะไรอยู่ในใจ
หนานหนานทำแก้มป่อง มือเล็ก ๆ ยังคงจับแขนเสื้อของเย่ซิวตู๋จนแน่น ถลึงตามองอีกฝ่ายอย่างขึงขัง
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ราวกับได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ ในที่สุดเด็กชายจึงเบนสายตากลับมา เขาก้มหน้าและเหลือบตามอง สีหน้าบนใบหน้าเปลี่ยนไปทันใด ใบหน้าเล็ก ๆ ปรากฏเป็นรอยยิ้มสดใสถึงขีดสุด
ช่างเถิด เขาจะยอมเสียสละสักหน่อย แผนบุรุษรูปงามก็แล้วกัน
“เจ้าของเสือน้อย ท่านคิดว่าหนานหนานน่ารักหรือไม่?”
เย่ซิวตู๋ห้ามใจมิให้มุมปากกระตุก เขาพยักหน้าเบา ๆ และยอมพูดคุยไร้สาระกับหนานหนานอย่างอดทนซึ่งหาได้ยากยิ่ง “อืม ไม่เลว”
“งั้นท่านจะทนไหวหรือ หากหนานหนานต้องปวดใจ เจ็บเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ จนท้ายที่สุดต้องถึงคราวล้มหายตายจาก?” ดวงตากะพริบปริบ ๆ ร่างกายของหนานหนานแทบจะพิงอยู่บนตัวของเขาแล้ว
ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็เบือนหน้าไปทางอื่นเพราะทนไม่ไหว ใบหน้าของเขาดูซับซ้อน “เจ้าเป็นผู้ชายนะ”
เหตุไฉนถึงได้ใช้สำบัดสำนวนที่ใช้บรรยายสตรีเช่นนี้?
หนานหนานพยักหน้า “โถ่เอ๊ย นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญสักหน่อย ข้าต้องทราบอยู่แล้วว่าข้าเป็นบุรุษ หากท่านสงสัยจะให้ข้าถอดกางเกงให้ท่านดูก็ย่อมได้ สิ่งที่ข้าอยากบอกก็คือ…เอ๋? หรือเป็นเพราะข้าคือบุรุษ ดังนั้นท่านจึงไม่เข้าใจว่าต้องสงสารข้า ปกป้องข้า ทำให้ข้าพึงพอใจ? พูดแบบนี้…” หนานหนานเริ่มลูบคาง “ดังนั้น แผนบุรุษรูปงามก็ใช้ไม่ได้ผลสินะ?”
“…” ตอนนี้เย่ซิวตู๋รู้สึกสงสัยในตัวบิดามารดาของเด็กคนนี้เสียเหลือเกิน สรุปแล้วต้องต่างจากคนธรรมดามากเพียงใด ถึงได้สอนบุตรให้แตกต่างจากคนอื่นเช่นนี้
ภายในใจของหนานหนานเริ่มคิดสะเปะสะปะอีกรอบ สายตาจรดลงบนพยัคฆ์ทมิฬที่ยืนประจันหน้าด้วยความรู้สึกร้อนผ่าว เจ้าเสือตัวนั้นตกใจจนรู้สึกได้ว่าพลังปราณที่อยู่รอบตัวเปราะบางลงเล็กน้อย
เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขาปราดหนึ่ง นิ้วมือเริ่มลูบไปที่หลังของเสือดำอย่างแผ่วเบา เขากลับอยากเห็นเสียเหลือเกินว่าเด็กคนนี้ยังมีความคิดอะไรอีก
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ด้านนอกก็เกิดเสียงฝีเท้าฟังดูรีบร้อนดังขึ้น
เย่ซิวตู๋หรี่ตาเงยหน้ามอง…
…………………………
สารจากผู้แปล
งุ้ยยย เอาทักษะการออดอ้อนคนมาจากไหนเนี่ยหนานหนาน แก่แดดแก่ลมเหลือเกิน
ไหหม่า (海馬)