อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 142 เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร
ตอนที่ 142 เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร
หนานหนานพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างออกรส ทั้งประหม่าและตื่นเต้น ทว่ากลับทำให้ขันทีและนางข้าหลวงที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ เกิดความสนใจ จ้องมองเขาด้วยความตกตะลึงเพื่อให้เขาเล่าต่อ
ไทเฮาก็ไว้หน้าเขามาก “อ๋อ เจอกับอะไรหรือ?”
“ข้าได้เจอกับหยวนเป่า[1] ขนาดใหญ่มีสีทองอร่ามก้อนหนึ่ง ทองเชียวนะ” หนานหนานตื่นเต้นมาก ดวงตายิ่งเป็นประกายมากขึ้น แสดงท่าทางราวกับเป็นประสบการณ์ที่เขาพบเจอจริง ๆ “ตอนนั้นหนานหนานตกตะลึงจนมึนงงไปหมด ข้าเพิ่งจะนอนฝันอยู่บนเตียงว่ามีเงินจำนวนมากแท้ ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่ตื่นขึ้นมา จะได้เห็นทองแท่งใหญ่ หนานหนานไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง จึงหยิบทองก้อนนั้นขึ้นมากัดแรง ๆ ออกแรงกัดเลยนะ ออกแรงกัดเหมือนกับตอนดื่มนมเลย แต่ก็กัดไม่แตก ทองแท่งนี้นี้เป็นของจริง”
ขันทีและนางข้าหลวงทั้งหมดเบือนหน้าหัวเราะเงียบ ๆ ไทเฮาถึงกับส่ายพระพักตร์เพราะขบขันด้วยความพูดของเขา
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่เจ้ารู้จักกับฮ่องเต้ตรงไหนกัน?”
“ย่อมต้องเกี่ยวข้อง” หนานหนานพยักหน้าหงึกหงัก “เพราะทองแท่งนั้น เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้มอบให้ข้า”
“หืม?” ไทเฮาถึงกับเลิกพระขนงอย่างห้ามไม่อยู่
หนานหนานเล่าเรื่องต่อไป “ฮ่องเต้ตรัสว่า หากข้าอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวเฉิงเฉิง ทองแท่งนี้จะเป็นของข้า โถ่ ข้ารักทองขนาดนั้น แค่อยู่เป็นเพื่อน ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เนื้อลดน้อยลงสักหน่อย ดังนั้นข้าก็เลยรีบซ่อนทองไว้อย่างรวดเร็ว บอกไปว่าเรื่องนี้ข้าจะรับไว้ ฮ่องเต้ตรัสว่า หลังจากนี้จะให้ทองแท่งใหญ่ขนาดนี้กับข้าทุกเดือน หากมีทอง แม้แต่ท่านพ่อและท่านแม่ข้าก็สามารถเหวี่ยงออกไปให้ไกลสุดลูกหูลูกตาได้ ดังนั้น ข้าจึงกลายเป็นสหายของเสี่ยวเฉิงเฉิงอย่างที่เห็น”
หนานหนานพูดอย่างมีความสุข ราวกับว่าการที่เขาได้ทองหนึ่งแท่งในทุกทุกเดือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเขา แม้แต่บิดามารดาก็ไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้นแล้ว
เหมียวกงกงกล่าวว่า หากคนอื่นถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างหนานหนานและฮ่องเต้ ให้บอกไปว่าฮ่องเต้สั่งให้คนพาตัวหนานหนานที่อยู่ในฝันมา
ส่วนเรื่องอ้อมค้อมเกี่ยวกับทองเหล่านั้นที่เล่าไปตอนกลาง ๆ เรื่อง ทั้งหมดเป็นสิ่งที่หนานหนานแต่งเติมเข้าไปตามใจชอบ
แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นจุดสำคัญของเขาก็ตาม
ไทเฮาจิบพระสุธารสชาหนึ่งอึก พระนางรู้สึกได้ว่าในคำพูดไร้สาระมากมายที่หนานหนานพูดเหล่านั้น จุดสำคัญอยู่ตรงที่ความจริงแล้วเขาชอบทองมากที่สุด คราหน้าหากจะให้รางวัลอะไรกับเขา มอบทองให้เขาก็สิ้นเรื่องแล้ว หากมีทองจะให้เขาทำอะไรก็ย่อมได้
เจ้าเด็กคนนี้ ปรากฏว่าเป็นผู้ที่โลภในทรัพย์สินเงินทองสินะ
“พูดเช่นนี้ พ่อกับแม่ของเจ้าก็ยังไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ในวังงั้นหรือ?”
หนานหนานพยายามครุ่นคิด ส่ายหน้ากล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ฮ่องเต้ตรัสว่า พระองค์จะจัดการเรื่องพ่อกับแม่ให้เอง”
ไทเฮาหรี่พระเนตรลงเล็กน้อย ดังนั้นหากพระนางอยากทราบประวัติความเป็นมาของเด็กน้อยคนนี้ ก็คงต้องไปถามฮ่องเต้เองงั้นหรือ?
“ไทเฮาเหนียงเหนียง หนานหนานเป็นสหายของเสี่ยวเฉิงเฉิงมีปัญหาอะไรหรือไม่?” หนานหนานกะพริบตาปริบ ๆ ถามด้วยท่าทางใสซื่อ
ถึงอย่างไรไทเฮาก็อายุมากแล้ว เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา พระทัยจึงอ่อนยวบลงทันใด จึงไม่ได้ถามอะไรอีก ทำได้เพียงแค่แย้มยิ้มตรัสว่า “เปล่า เราดีใจมากที่มีเจ้าคอยอยู่เป็นเพื่อนหลานเฉิง”
ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของหนานหนาน แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหลานเฉิงก็คงไม่เลวเลย
ไทเฮานึกถึงเรื่องราวในอดีต ก็แอบรู้สึกละอายใจต่อเย่หลานเฉิง มารดาของเด็กคนนั้นสูญเสียอำนาจไปแล้ว ส่วนรัชทายาทก็แสนจะธรรมดาไร้ซึ่งความโดดเด่นใด ๆ ทั้งยังถูกตนเองตำหนิไล่ตะเพิดไปอยู่ที่เรือนมุมตะวันตกเฉียงเหนือ ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ เด็กคนหนึ่งที่ถูกทุกคนทอดทิ้ง ดูเหมือนว่าจะมีชีวิตลำบากมากเป็นแน่
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฮ่องเต้จะนึกถึง สิ่งนี้ทำให้พระนางโล่งอกเช่นกัน
ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเด็กที่พระนางตั้งความหวังไว้สูงว่าจะอบรมสั่งสอนและเลี้ยงดูด้วยพระนางเอง
หนานหนานรู้สึกได้ว่าไทเฮาถามคำถามค่อนข้างมาก ทั้งยังไม่มีความคิดจะรั้งให้เขาอยู่กินข้าวที่นี่ และไม่ได้มีท่าทีว่าจะมอบทองเป็นรางวัลให้เขา หากเขายังอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่เพียงแต่พลาดอาหารชาววังที่ยกไปให้เสี่ยวเฉิงเฉิง บางทีเขาอาจจะถูกไทเฮาเหนียงเหนียงถามถึงเรื่องที่เขาแอบกินโจ๊กรังนกจนถูกคนตราหน้าว่านักฆ่าด้วย
หากเป็นเช่นนั้น เรื่องราวคงรุนแรง ความพยายามในการพูดโดยไม่สนใจว่าตนเองจะกระหายก่อนหน้านี้ก็คงเปล่าประโยชน์
ด้วยเหตุนี้ หนานหนานจึงพิจารณาอย่างจริงจังไปรอบหนึ่ง ตัดสินใจได้ว่ารีบกลับไปหาเสี่ยวเฉิงเฉิงให้เร็วที่สุดจะดีกว่า
“ไทเฮาเหนียงเหนียง นี่ก็สายแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนได้หรือไม่? มิเช่นนั้นเสี่ยวเฉิงเฉิงคงหาตัวข้าไม่เจอ ข้าต้องกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเขาแล้ว”
ไทเฮาถึงกับชะงัก ได้ยินน้ำเสียงนุ่ม ๆ ของเขา จึงพยักหน้าหันไปพูดกับลวี่ฝูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “ก็ดีเหมือนกัน เด็กคนนั้นเราเองก็ไม่ได้เจอหน้ามานานแล้ว ลวี่ฝู เจ้าไปกับหนานหนาน นำผลไม้แช่อิ่มและขนมไปให้เขาด้วย”
“เพคะ” ลวี่ฝูทราบถึงความหมายของไทเฮา พระนางกำลังสั่งให้นางไปแจ้งเพื่อยกเลิกการกักบริเวณแล้ว ทั้งยังตัดสินพระทัยให้เฉิงซื่อจื่อมาคารวะทักทายในวันพรุ่งด้วย
หนานหนานบุ้ยปาก อันที่จริงเขาอยากพูดว่าไม่จำเป็นต้องให้ท่านน้าลวี่ฝูช่วยถือขนมให้เขาก็ได้ เช่นนี้เขาคงแอบกินไม่ได้แล้ว
ทว่าเมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรเสี่ยวเฉิงเฉิงก็ไม่ชอบกินของพวกนี้อยู่แล้ว ถึงเวลานั้นก็คงเข้าไปอยู่ในท้องของเขาอยู่ดี
คิดเช่นนี้ ภายในใจของเขาจึงเกิดความสมดุลขึ้นมาก กล่าวลาอย่างมีความสุข จูงมือลวี่ฝูออกจากวังไปพร้อมกัน มุ่งหน้าไปยังมุมตะวันตกเฉียงเหนือ
ลวี่ฝูรู้สึกชอบหนานหนานมาก นางอยู่ในวังมาหลายปี คุ้นชินกับชีวิตที่ต้องอยู่ในกฎอันหมองหม่นและหวาดผวา จู่ ๆ ก็มีเด็กน้อยที่น่าสนใจบุกเข้ามาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่เพียงแค่ทำให้ไทเฮามีความสุข แต่ยังทำให้ฮ่องเต้มองต่างไปจากเดิม หลังจากนี้เกรงว่าคงมีอนาคตไกลไร้ขีดจำกัดแล้ว
“ท่านน้าลวี่ฝู” หนานหนานพูดด้วยน้ำเสียงหวานหยาดเยิ้ม เขาทราบดีว่าใครควรเข้าใกล้และใครควรอยู่ให้ไกล และรู้ด้วยว่าใครชอบเขา ยกตัวอย่างเช่นลวี่ฝูที่อยู่ตรงหน้าเขา
“มีอะไรหรือ?” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกนางว่าท่านน้า ภายในใจของลวี่ฝูก็ยิ่งได้รับความอบอุ่น
“หยกแขวนเหรินอวี๋มีราคาสูงมากเลยใช่หรือไม่?”
การย่างก้าวของลวี่ฝูชะงัก มุมปากกระตุกวูบ ตอนนี้นางมั่นใจได้ว่า เด็กคนนี้…รักเงินมากจริง ๆ
“หนานหนาน หยกแขวนเหรินอวี๋ไม่สามารถนำไปแลกเป็นเงินได้ ของที่ไทเฮามอบให้มิอาจทำหายตามอำเภอใจได้ เข้าใจหรือไม่?”
การแสดงออกทางสีหน้าของหนานหนานถึงกับบิดเบี้ยว นำไปแลกเป็นเงินไม่ได้? เช่นนั้นหยกแขวนชิ้นนี้มีประโยชน์อะไรสำหรับเขาเล่า? นำไปกินก็ไม่ได้ แม้แต่จะทำหายโดยไม่ได้ตั้งใจก็ไม่ได้ เศร้าจัง รู้แบบนี้เขาคงไม่รับมา เขาอุตส่าห์หลงตื่นเต้นอยู่ตั้งครึ่งค่อนวัน
“หนานหนาน ของที่ไทเฮามอบให้ มีราคามากกว่าเงินทองและเครื่องประดับเหล่านั้นอีกนะ” เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังของเขา ลวี่ฝูจึงส่ายหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กอายุห้าขวบ เรื่องเหล่านี้ต้องให้คนอื่นตักเตือนให้ดีถึงจะดี
หนานหนานถอนหายใจออกมาเบา ๆ เก็บหยกแขวนไว้ ทว่าความตื่นเต้นกลับไม่ได้สูงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
เขาเงียบขรึมตลอดทาง แม้แต่คำถามที่ลวี่ฝูถามเขาก็ทำท่าทางเหม่อลอย ลวี่ฝูเห็นก็อดขำไม่ได้
“เย่หลานเฉิง เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร เราพูดด้วยเหตุเจ้าถึงได้กล้าทำเป็นไม่ได้ยิน”
ตอนที่พวกเขาทั้งคู่กำลังเดินเข้าไปด้านในเรือนขนาดเล็กของเย่หลานเฉิง จู่ ๆ ด้านในนั้นก็มีเสียงหยิ่งผยองดังขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………
[1] หยวนเป่า (元宝) หมายถึง เงินตำลึงจีน
สารจากผู้แปล
สกิลโม้ของหนานหนานนี่ไม่มีใครเทียบได้เลยนะคะ
ใครมาหาหลานเฉิงกัน?
ไหหม่า(海馬)