อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 147 ผ่านมาพอดี
ตอนที่ 147 ผ่านมาพอดี
ทุกคนถึงกับตกใจจนสะดุ้งโหยงเพราะน้ำเสียงเย็นชานี้ จึงทยอยพากันหยุดมือลง
เย่หลานเวยและอีกสองคนที่เหลือหันไปมอง ก็พบกับบุรุษร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งแรงสังหารกำลังเดินเข้ามา การย่างก้าวเป็นไปอย่างมั่นคงและทรงพลัง แต่ละก้าวคล้ายกับเหยียบลงบนกลางใจของคน
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร?” เย่หลานเวยเห็นท่าทางเช่นนั้น พลันลืมความรู้สึกเจ็บปวดบนร่างกายไปจนหมดสิ้น มีเพียงความรู้สึกหวาดกลัวภายในใจที่มาจากจิตใต้สำนึก น้ำเสียงที่เอ่ยถามก็สั่นเครือ
ทว่าหนานหนานกลับมีดวงตาเป็นประกาย ในที่สุดเขาก็หยุดพักได้เสียที เขารีบวิ่งไปที่เก้าอี้หินข้าง ๆ รินน้ำให้ตนเองและเย่หลานเฉิง ก่นจะยกแก้วขึ้นมาดื่มจนเกิดเสียง “อึก ๆ”
เย่หลานเฉิงถึงกับมุมปากกระตุกวูบ ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ใช่เวลาที่จะมานั่งดื่มน้ำชาหรือ?
เพียงแต่ เย่หลานเวยและคนอื่น ๆ ไม่รู้จักก็ไม่ได้หมายความว่านางข้าหลวงและขันทีที่เป็นคนรับใช้ของพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เคยเห็น ทันทีที่เห็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งคนนี้ก้าวเท้าเข้ามา จึงพากันคุกเข่าจนเกิดเสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้นคนแล้วคนเล่า
“คารวะท่านอ๋องซิว”
ท่านซิวอ๋อง? เย่หลานเวยและคนอื่น ๆ ถึงกับรูม่านตาขยาย ท่านอ๋องซิวคือท่านลุงห้าคนที่ท่านพ่อเอาแต่พูดถึงว่าเป็นผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากเสด็จปู่มิใช่หรือ?
จริงด้วย ได้ยินมาว่าท่านลุงห้ากลับมาที่เมืองหลวงแล้ว แต่…เหตุใดถึงได้ปรากฎตัวขึ้นที่นี่?
เย่หลานเฉิงก็ชะงักเช่นกัน แม้แต่หนานหนานที่ยัดจอกน้ำชาใส่มือของเขาก็ไม่รับรู้แล้ว เขาเคยเจอท่านลุงห้า ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงที่เขาอายุสามขวบ แต่นั่นก็เป็นเมื่อสี่ปีก่อน ความทรงจำในวัยเด็กเลือนรางอย่างสมบูรณ์แล้ว รูปร่างหน้าตาของท่านลุงห้าเป็นเช่นไรเขาก็จำได้ไม่ชัดเจนแล้ว
แต่เขายังรู้สึกได้ ดูเหมือนว่าท่านลุงห้าจะแตกต่างจากท่านลุงคนอื่น ๆ พลังของเขาแข็งแกร่งมาก เป็นคนที่เขารู้สึกอิจฉาและเลื่อมใส
คิดไม่ถึงเลย ท่านลุงห้าจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่
เย่ซิวตู๋เหลือบมองไปยังเด็กน้อยที่กำลังนั่งดื่มน้ำอยู่บนโต๊ะหิน ก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาที่บริเวณกลางลานกว้างทีละก้าว ยิ้มด้วยรอยยิ้มเย็นชา “พี่สาม พี่สี่และน้องหกช่างมีความสามารถจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าตำแหน่งซื่อจื่อจะใหญ่ขนาดนี้ แม้แต่รัชทายาทก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแล้ว”
เย่หลานเวยและอีกสองคนที่เหลือได้สติกลับมา เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดบนร่างกาย พวกเขาก็รีบวิ่งมาข้าง ๆ เย่ซิวตู๋พร้อมกับเริ่มร้องเรียน “ท่านลุงห้า คือท่านลุงห้าใช่หรือไม่ขอรับ? ท่านลุงห้า ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับหลานนะขอรับ เจ้าเด็กบ้านั่น คิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำร้ายหลาน”
เจ้าเด็กบ้า? ดวงตาของเย่ซิวตู๋หรี่ลงทันใด โบกมือผลักเย่หลานเวยให้ออกไป ก่อนจะถลึงตามองอีกฝ่ายราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองและกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “นี่คือสิ่งที่ครอบครัวของเจ้าสอนหรือ? เย่หลานเฉิงเป็นถึงทายาทของรัชทายาท มีสิทธิ์อะไรถึงได้มาทำตัวอวดดีถึงที่นี่?”
เย่หลานหลี่และเย่หลานจ้าวตกใจกับการกระทำของเย่ซิวตู๋ ทั้งสองคนรีบถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว ไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียงพูดออกมา
เย่หลานเวยถูกหนานหนานชนเข้าใส่ถึงสองหน ทั้งยังถูกเย่ซิวตู๋ผลักจนล้มซ้ำอีกครั้ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เขาจะเต็มใจได้อย่างไรกัน?
“เปล่านะขอรับ ท่านลุงห้าเข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ได้…”
“เปล่า?” เย่ซิวตู๋ยิ้มเยาะ “เปล่างั้นหรือ แล้วพวกเจ้าพาบ่าวรับใช้จำนวนมากขนาดนี้บุกมาสร้างปัญหาถึงที่นี่ทำไม? หากมิใช่เพราะวันนี้ข้าผ่านมาทางนี้ ไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะทำให้รัชทายาทต้องอับอายเพียงใด อายุยังน้อยกลับกล้าทำตัวหยิ่งผยองเช่นนี้ ตะโกนทุบตีคนอื่นตะโกนจะฆ่าคนอื่นด้วยท่าทีอวดดีขนาดนี้ ต่อให้เป็นพ่อของเจ้า หากฆ่าคนตายก็คงมีชื่อเสียงดังกระฉ่อน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
อวี้ชิงลั่วที่ยืนเป็นมนุษย์ล่องหนอยู่ด้านหลังเขาอดกลอกตามองบนไม่ได้ คนคนนี้ช่างหลับหูหลับตาพูดเสียเหลือเกิน อะไรที่บอกว่าผ่านมาทางนี้พอดี?
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งคู่เดินตามแมงป่องมาถึงที่นี่ ทั้งยังยืนดูความวุ่นวายจากด้านนอกอยู่ครู่หนึ่งแล้ว จนกระทั่งหนานหนานเล่นจนสาแก่ใจ เล่นจนเหนื่อยแล้ว จัดการกับเย่หลานเวยอย่างหนักไปยกหนึ่งแล้ว จนกระทั่งคนคนนั้นวิ่งออกไปเพื่อตามหมอหลวง จนกระทั่งคนเหล่านั้นเริ่มใช้ไม้เพื่อทุบตีคนอื่นโดยไม่ใส่ใจอะไรแล้ว เขาจึงปรากฏตัวออกมาเพราะทนดูไม่ได้เพื่อตำหนิเย่หลานเวยและอีกสองคนที่เหลือให้หนัก
จะว่าไป เย่หลานเวยก็ช่างน่าสงสาร ถูกหนานหนานใช้เข็มทิ่มไม่พอ ตอนนี้แม้แต่การฟ้องเพื่อร้องเรียนก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
นางก้าวเท้ามาด้านหน้าอย่างเงียบ ๆ ประคองเย่หลานเวยให้ลุกขึ้นยืน ดึงเข็มที่หนานหนานแทงเข้าที่บนร่างกายของเขาออกมา ก่อนจะถอยหลังออกมายืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่อฟัง
เย่หลานเวยไม่กล้าลงมือกับเด็กรับใช้ข้างกายของท่านอ๋องซิว ทว่าภายในใจกลับรู้สึกโกรธ เขารู้สึกได้ถึงความอยุติธรรมและความไม่เต็มใจ แม้แต่ความเจ็บปวดบนร่างกายก็ลืมไปเสียสนิท
“ท่านลุงห้า ทั้ง ๆ ที่พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย คนคนนั้นไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากไหน…”
“พอแล้ว เราไม่อยากฟังคำอธิบายจากเจ้า เรื่องในวันนี้ เราจะไม่เอาเรื่องเจ้า หากครั้งหน้ายังกล้าดูหมิ่นรัชทายาทเช่นนี้อีก จะไม่ให้อภัยโดยเด็ดขาด” เย่ซิวตู๋ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูด หลังจากสั่งสอนเสร็จ ก็หมุนกายมองไปยังคนรับใช้เหล่านั้น ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้าก็เหมือนกัน ซื่อจื่ออายุยังน้อยจึงใจร้อน พวกเจ้าที่เป็นคนดูแลไม่รู้กฎเลยหรือ? อยู่ข้าง ๆ ไม่เพียงแต่จะไม่โน้มน้าวใจ แต่ยังกล้ามาฆ่าคนถึงที่จวนแห่งนี้ ทำไม รังเกียจที่อายุยืนยาวเกินไปหรือ?”
อวี้ชิงลั่วถึงกับแอบกุมขมับเงียบ ๆ เขาช่างเป็นคนที่เรียนรู้และใช้งานจริง ๆ เมื่อเช้าเหมิงกุ้ยเฟยเพิ่งจะพูดประโยคนั้นกับเสิ่นอิง ตอนนี้เขากลับนำคำพูดเหล่านั้นมาใช้ที่นี่แล้ว
เหล่าคนรับใช้เหล่านั้นถึงกับคุกเข่าลงบนพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ต่างพากันโขกศีรษะลงพื้นอย่างสุดชีวิตเพื่อยอมรับผิด “บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวสมควรตาย โปรดท่านอ๋องเมตตาด้วย”
“ไสหัวออกไปให้หมด” เย่ซิวตู๋สะบัดชายแขนเสื้อ ทุกคนยังไม่ทันได้เห็นอย่างชัดเจน แขนเสื้อของเขาก็ตบเข้าใส่คนรับใช้ที่ถือไม้ตะบองพุ่งเข้าใส่หนานหนานเป็นคนแรก เลือดแอบซึมออกมาเล็ก ๆ ในทันที “นำตัวซื่อจื่อของพวกเจ้าไปด้วย ให้หมอหลวงดูอาการให้เรียบร้อย หากได้รับบาดเจ็บจนอันตรายถึงชีวิต พวกเจ้าก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว”
“บ่าว…บ่าวขอตัวลาขอรับ” เหล่าคนรับใช้รีบลุกขึ้นยืนด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ก่อนจะประคองเย่หลานเวยและคนอื่น ๆ ออกไปอย่างระมัดระวัง
เด็กคนอื่น ๆ เมื่อเผชิญหน้ากับเย่หลานเฉิงและหนานหนานที่อายุน้อยกว่าตนเองย่อมแสดงท่าทีหยิ่งผยอง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของเย่ซิวตู๋ที่เย็นชาจนทำให้พวกเขาตัวสั่น กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
แม้ว่า…แม้ว่าบาดแผลบนร่างกายของพวกเขาจะเป็นผลงานของหนานหนาน แต่เย่ซิวตู๋กลับบอกว่าเป็นความผิดของคนของพวกเขา ซื่อจื่อทั้งสามคนไม่กล้าโต้แย้ง ทำได้เพียงแค่ปล่อยให้คนรับใช้ยกร่างตัวเองออกไป
ปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ พวกเขาไม่เพียงแค่จะไม่ได้เปรียบ แต่ยังได้รับบาดเจ็บจนเจ็บไปทั้งตัว ทั้งยังถูกท่านลุงห้าสั่งสอนอีกยกใหญ่
จนกระทั่งถูกยกออกมาจากประตูจวน เย่หลานเวยจึงรู้สึกได้ถึงความอยุติธรรมที่พลั่งพรูขึ้นมา ทั้งยังรู้สึกไม่เต็มใจ เขายังอยากเข้าไปคุยกับเย่ซิวตู๋ให้ชัดเจน อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ควรปล่อยให้บ่าวสุนัขนั่นหนีเอาตัวรอดไปได้
ตอนที่เขากำลังจะลงมือ กลับถูกเย่หลานหลี่และเย่หลานจ้าวรั้งไว้ ท่านลุงห้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะช่วยเหลือรัชทายาท ต่อให้พูดมากกว่านี้ก็เปล่าประโยชน์ แม้ว่าพวกเขาอายุยังน้อย แต่ก็ทราบดีว่าเรื่องภายในราชวงศ์คดเคี้ยวไปมาไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น โดยเฉพาะการต่อสู้ระหว่างพวกผู้ใหญ่ บางทีพวกเขาอาจทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ต้องลำบากไปด้วย
เย่หลานเวยไม่เต็มใจแต่ก็จนปัญญา จึงได้แต่เดินครวญครางตามพวกเขาออกไปด้วยความเจ็บปวด
หลังจากพวกเขาเดินออกไปไกลแล้ว เย่ซิวตู๋จึงหมุนกายกลับมา มองจากมุมลงที่ต่ำไปยังเด็กน้อยทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า
เย่หลานเฉิงรีบก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว ทำความเคารพอย่างชาญฉลาด “หลานคารวะท่านลุงห้า”
“อืม” เย่ซิวตู๋พยักหน้าด้วยท่าทางเย็นชาและดูสูงส่ง ทว่าสายตากลับมองข้ามเขาและทอดมองไปยังหนานหนานที่ยืนอยู่ด้านหลัง
………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พ่อแม่มารับแล้วหนานหนาน จะโดนทำโทษแบบไหนกันนะ
ไหหม่า(海馬)