อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 148 ท่านและหนานหนานรู้จักกัน
ตอนที่ 148 ท่านและหนานหนานรู้จักกัน
หนานหนานกลับไม่ได้สนใจเขา นอนเอนกายอยู่บนโต๊ะหิน ตะโกนอย่างไร้เรี่ยวแรง “เสี่ยวเฉิงเฉิง ข้าหิวแล้ว ขอกินข้าวเที่ยงได้หรือไม่?”
เย่หลานเฉิงหันไปมองเขา ยิ้มแห้ง ๆ หนึ่งที ก่อนจะหันมาอธิบายกับเย่ซิวตู๋ “ท่านลุงห้า นี่เป็นสหายของหลานเองขอรับ เขาเพิ่งเข้าวังมาได้ไม่นาน ยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องมารยาท ท่านลุงห้าอย่าได้ถือโทษโกรธเคือง”
เย่ซิวตู๋จะถือโทษโกรธเคืองได้อย่างไรกัน บุตรชายสุดที่รักคนนี้เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร เกรงว่าเขาคงไม่ยอมเรียนรู้เรื่องกฎเกณฑ์แต่โดยดีหรอก
เขาเงยหน้าขึ้น สายตาหยุดลงที่บนคานบ้าน
ผู้พิทักษ์ทมิฬสองคนที่นอนอยู่บนนั้นถึงกับร่างสั่นสะท้าน กลั้นหายใจอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าเคลื่อนที่ตามอำเภอใจ
“เข้าไปด้านในก่อน เรามีเรื่องอยากคุยกับเจ้า” เย่ซิวตู๋เหลือบมองลานบ้านก็พบว่าขันทีและนางข้าหลวงยังยืนอยู่อยู่ ก่อนจะมองไปที่พื้นที่แอบดูยุ่งเหยิง จึงโบกมือพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าไปทำงานเถอะ อืม ยกอาหารมาที่นี่ด้วย”
“เพคะ/ พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” นางข้าหลวงและขันทีรีบแยกย้ายออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไปทำงานของตนเอง
ลวี่ฝูที่ยืนมองอยู่ไกล ๆ ขมวดคิ้ว ท่านอ๋องซิวพูดประโยคนั้นไม่ได้จงใจกดเสียงให้เบาลง แม้ว่านางจะยืนอยู่ไกล ๆ แต่ก็ได้ยินคำพูดเกือบทั้งหมด
แต่ที่ทำให้นางไม่เข้าใจก็คือ เหตุใดท่านอ๋องซิวถึงปรากฏตัวที่นี่? ทั้งยังช่วยเฉิงซื่อจื่ออีก
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หากอ้างตามสถานการณ์ในตอนนั้น อันที่จริงเวยซื่อจื่อก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนทำความผิดก่อน แต่ถูกหนานหนานจัดการจนสะบักสะบอมขนาดนั้น ท่านอ๋องซิวออกหน้าก็ควรจะออกหน้าแทนเวยซื่อจื่อและคนอื่น ๆ สิ
หรรือว่า…เป็นเพราะรัชทายาท? ตอนนี้ท่านอ๋องซิวคิคจะยืนข้างรัชทายาทแล้วรึ?
ลวี่ฝูยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว เมื่อเห็นว่าทางนี้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จึงรีบกลับไปที่ตำหนักเสียงเหอ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ไทเฮาฟังทั้งหมด
หลังจากไทเฮาได้ยินเรื่องนี้ จากเดิมที่พิงเข้ากับเก้าอี้ถึงกับยืดตรงขึ้นเล็กน้อย ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เจ้าบอกว่าเขาช่วยหลานเฉิงรึ?”
“เพคะ ไทเฮา ท่าทางของท่านอ๋องซิวแปลกจริง ๆ เพคะ”
ไทเฮาเม้มพระโอษฐ์ ไม่ได้กล่าวสิ่งใด สิ่งที่น่าแปลกที่สุดก็คือ การที่เขาปรากฏตัวขึ้นภายในเรือนของเย่หลานเฉิง
“เจ้าออกไปก่อนเถิด ให้เราได้คิดสักหน่อย” ดูเหมือนว่า ราชวงศ์ของอาณาจักรเฟิงชางในตอนนี้ จะเกิดคลื่นพายุที่กลับมาพร้อมกับเย่ซิวตู๋อีกครั้งแล้ว
หายไปถึงสี่ปี จู่ ๆ ก็กลับมา จู่ ๆ ก็มาทำดีกับรัชทายาท เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
เขาไม่รู้หรือว่าฮองเฮากับเหมิงกุ้ยเฟยนั้นไม่ถูกกัน?
ไทเฮาไม่เข้าพระทัยเลย แต่ต่อให้พระนางคิดจนพระเศียรระเบิด ก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะหนานหนาน และคิดไม่ถึงด้วยว่าการปรากฏตัวของเย่ซิวตู๋ภายในวัง และการปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนานหนาน
เด็กคนนั้นดูเหมือนว่าจะอิ่มเอมใจเสียด้วย
เมื่อได้ยินเย่ซิวตู๋พูดว่าให้นำอาหารเข้ามา ดวงตาพลันเป็นประกาย เดินตามหลังเย่ซิวตู๋เข้าไปด้านในห้อง
เย่หลานเฉิงกลัวหนานหนานจะสร้างความขุ่นเคืองให้เย่ซิวตู๋ จึงกระซิบเตือนเขาอยู่หลายหน แต่กลับถูกอีกฝ่ายเบี่ยงตัวหลบออกไป
หนานหนานกระโดดขึ้นมาบนเก้าอี้ นั่งลูบท้องข้างโต๊ะ ใช้มือลูบตรงนู้นทีตรงนี้ที มองทางนู้นทีทางนี้ที ไม่ได้สบตากับเย่ซิวตู๋เลย
“หึ” เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง ก่อนจะจับเขาลงมากอด “เจ้าคงมีอะไรจะอธิบายกับข้าใช่หรือไม่?”
เย่หลานเฉิงรีบก้าวเท้ามาด้านหน้า “ท่าน…ท่านลุงห้า หนานหนานยังเด็ก ท่านลุงอย่าได้ทำร้ายเขาเลย”
อวี้ชิงลั่วหันมองเด็กที่อายุมากกว่าหนานหนานแค่สองปี มุมปากพลันกระตุกยิ้มเบา ๆ เย่ซิวตู๋พูดถูก เด็กคนนี้มีความกล้าหาญและมีความรับผิดชอบมากกว่ารัชทายาทเสียอีก
อย่างน้อย ๆ ตอนที่อยู่ต่อหน้าหนานหนาน เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะหดหัวถอยออกไป
ตอนที่พวกเขาทั้งคู่อยู่ข้างนอกก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเด็กคนนี้พยายามเข้ามาขวางตรงหน้าหนานหนานอยู่หลายหน ไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำร้ายหนานหนาน ฟังจากบทสนทนาเมื่อครู่ จนถึงตอนนี้เขาก็คงยังไม่รู้ว่าหนานหนานคือบุตรชายของเย่ซิวตู๋ และคงมองหนานหนานเป็นสหายคนหนึ่งจากใจจริง
ส่วนหนานหนานหรือ เขาก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กคนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็คงไม่เลวเลย
หนานหนานถูกเย่ซิวตู๋หิ้วปีกด้วยมือข้างเดียว จึงออกแรงใช้เท้าเตะเขาแรง ๆ สองครั้ง “ท่านลุงเย่ ปล่อยข้าลงนะ ไม่งั้นข้าจะไปฟ้องท่านแม่ บอกให้ท่านแม่วางยาพิษใส่ท่านให้ตายไปเลย”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบสองหน ท่านแม่ของเจ้ามีประโยชน์จริง ๆ
เย่หลานเฉิงจากเดิมที่กำลังจะยื่นมือออกมาช่วยถึงกับชะงักไปเล็กน้อย มองหนานหนานและเย่ซิวตู๋ด้วยความตกตะลึง มองพวกเขาทั้งคู่สลับกันไปมาอยู่หลายหน ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ท่านลุงห้า ท่าน…รู้จักกับหนานหนานหรือ?”
หนานหนานเรียกเขาว่าท่านลุงเย่?
เย่ซิวตู๋ตอบ “อืม” กลับมาเบา ๆ นี่ก็นับว่าไว้หน้าเย่หลานเฉิงมากแล้ว ก่อนจะหันหน้ากลับไปอีกครั้ง แค่นเสียงเย็นใส่หนานหนานพร้อมกับเอ่ยถาม “เจ้ายังมีหน้าให้แม่ของเจ้าวางยาพิษฆ่าข้าอีกหรือ? เจ้าตัวเล็ก ไม่เพียงแต่วางยาใส่เหวินเทียนโดยไม่ได้รับอนุญาต ยังกล้าตามเย่หลานผิงเข้ามาในวังอีก? ทั้งยังอยู่ที่นี่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องหลายวัน หรือเจ้าไม่รู้ว่าภายในวังแห่งนี้อันตรายมากเพียงใด? หากไม่ระวังตัว ชีวิตเล็ก ๆ ของเจ้าคงได้จบสิ้น”
เขาเป็นกังวลและหวาดกลัวอยู่ด้านนอกมาเป็นเวลาสองวันเต็ม ๆ แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับทำท่าทางไม่แยแส ตอนที่ถูกเขามองหน้า ก็ยังกล้าเบือนสายตามองไปทางอื่นอีก
เย่หลานเฉิงที่ฟังอยู่ข้าง ๆ ถึงกับอ้าปากค้าง “หนานหนาน เจ้า…เจ้าบอกข้าว่าไม่รู้นั่งรถม้าของใครเข้ามามิใช่หรือ?”
“โอ๊ย เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้วนะ อย่าเอาแต่เชื่อคำพูดของคนอื่นเข้าใจหรือไม่? เจ้าต้องหัดเรียนรู้ที่จะตัดสินด้วย มา ข้าจะสอนให้เจ้ารู้เท่าทันชีวิต ท่านลุงเย่ ท่านรีบปล่อยข้าลง ข้าต้องสำรวจชีวิตกับเสี่ยวเฉิงเฉิงสักหน่อย เข้าใจหรือไม่?” หนานหนานรีบดิ้นอีกครั้ง ทว่าแขนและขาเล็ก ๆ ของเขากลับดูคล้ายมดที่อยู่ในมือของเย่ซิวตู๋
เย่หลานเฉิงเบิกตาโต ไม่เปล่งเสียงพูดอยู่นาน
อวี้ชิงลั่วที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา ออกแรงผลักเขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านเขาไปยืนข้าง ๆ เย่ซิวตู๋ ตบบ่าเขาพลางพูดเคล้ารอยยิ้ม “ท่านปล่อยเขาลงเถอะ ข้าต้องสำรวจชีวิตกับเขาสักหน่อย”
หนานหนานชะงัก หันมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
ดูเหมือนว่าจะคุ้นตาอยู่เหมือนกัน แต่เขาไม่เคยเจอคนคนนี้มาก่อน คนที่อยู่ข้างกายของท่านพ่อมีแค่ท่านลุงเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ อีกไม่กี่คนมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้มีเด็กรับใช้เพิ่มอีกหนึ่งคนล่ะ? ทั้งยังเป็นเด็กรับใช้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนด้วย
ไม่ถูกสิ บางทีเขาอาจเคยเจอมาก่อน ถึงอย่างไรก็รู้สึกคุ้นตามากจริง ๆ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น อาจเป็นเพราะคนคนนี้ไม่ได้มีความโดดเด่น จึงไม่สะดุดตาเขาและไม่ได้เก็บไปใส่ใจ
แต่…แต่…คนที่เขาจำหน้าไม่ได้ กลับบอกว่าจะสำรวจชีวิตของเขา? มีเรื่องผิดพลาดอะไรหรือไม่ อวี้ฉิงหนานจำเป็นต้องสำรวจชีวิตกับคนอื่นด้วยหรือ? พูดเป็นเล่น เขานี่แหละที่จะพ่นน้ำลายใส่หน้าเข้าให้
เย่ซิวตู๋หันมองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง ก่อนจะวางหนานหนานลงบนพื้นด้วยรอยยิ้ม
ทันทีที่ขาทั้งสองข้างของหนานหนานเหยียบลงบนพื้น ก็เริ่มวางท่าวางทางในทันที ยกมือเท้าสะเอวเชิดคางขึ้นมองอวี้ชิงลั่วด้วยท่าทางดูหมิ่น “เจ้าน่ะรึจะสำรวจชีวิตของข้า? ข้าจะบอกอะไรให้ ข้าได้พูดคุยเกี่ยวกับคำถามลึกลับนี้กับผู้คนมามากมาย ไม่มีใครสู้ข้าได้สักคน”
“งั้นหรือ?” อวี้ชิงลั่วหรี่ตาแย้มยิ้ม
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นั่นแม่ไงหนานหนาน จำแม่ไม่ได้เหรอ ระวังโดนแม่จัดการนะ
ไหหม่า(海馬)