อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 15 ไม่เจอท่านแม่เด็ดขาด
ตอนที่ 15 ไม่เจอท่านแม่เด็ดขาด
เขาพบว่าโม่เสียนรีบวิ่งเข้ามา ตอนที่เข้ามาในห้องรับแขกและเห็นหนานหนานที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พริบตาต่อมา รูม่านตาของเขาก็หดเล็กลงอีกครั้ง เขามองดูเด็กชายคนหนึ่งซึ่งกำลังจับแขนเสื้อของเย่ซิวตู๋อย่างไม่อยากเชื่อสายตา เขาถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
ข้างกายของนายท่านมีน้อยคนนักที่จะเข้าใกล้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กแปลกหน้าเช่นนี้ แม้ว่านายท่านจะเคยอุ้มเขาก่อนหน้านี้ แต่นั่นก็เป็นเพราะเด็กคนนี้ดื่มจนเมา เหตุไฉนตอนนี้เขากลับไม่โยนเด็กคนนี้ออกไป?
โม่เสียนลูบคอ การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงขณะค่อย ๆ เดินเข้ามาด้านใน พยักหน้าและกล่าวเสียงเบาว่า “นายท่าน เขา…”
“หืม?” เย่ซิวตู๋ช้อนสายตาขึ้นอย่างช้า ๆ มองดูอีกฝ่ายราวกับรอคำอธิบายจากเขา
โม่เสียนลูบคออีกหน ทำได้เพียงแค่ฝืนใจเอ่ยปากพูดไปว่า “พิษที่อยู่บนร่างกายของข้าถูกถอนออกแล้ว ที่นายท่านกล่าวสรุปไว้ไม่ผิดเลย เจ้าเด็กคนนี้ตามข้ามาเพราะกลิ่นสุราที่อยู่บนตัวข้าจริง ๆ” แม้ว่าเขาจะประหลาดใจกับความไวของจมูกเด็กคนนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ไม่ควรจะได้กลิ่นถึงจะถูก
เย่ซิวตู๋พยักหน้า และได้ยินโม่เสียนพูดต่อไปว่า “เดิมทีข้าคิดว่าจะพาเด็กคนนี้มาพบนายท่าน ตอนที่เดินมาถึงด้านหน้าจวนโม่เซวียนบังเอิญเจอกับอูตงพอดี นางสงสัยเกี่ยวกับพิษบนตัวข้าจึงช่วยจับชีพจรให้ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้จะฉวยโอกาสตอนที่ข้าเผลอ…อืม หนีมาอยู่ที่นี่”
ระหว่างที่พูด เขาก็ใช้สายตาสู้สุดชีวิตมองไปยังหนานหนาน อีกฝ่ายกลับมองมาที่เขาด้วยความดูหมิ่นถึงขีดสุดก่อนจะส่ายหน้า และเอ่ยปากพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านลุงโม่ อย่าหาว่าข้าสอนเลยนะ คนเราทำผิดก็ต้องปรับปรุง ทั้ง ๆ ที่ท่านเห็นสตรีดีกว่าสหาย พอเห็นสตรีงดงามหน่อยก็ตาเป็นมันแล้ว ยอมทิ้งข้าปรี่ตัวเข้าไปหาโดยไม่คิด คิดไม่ถึงเลยว่าจะโยนความรับผิดชอบมาที่ข้าทั้งหมด นิสัยของท่าน…นิสัยของท่านเช่นนี้ไม่ไหวเลย”
โม่เสียนมองตาขวาง แทบกระอักเลือดออกมา “เจ้า…พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า ข้าปรี่ตัวเข้าไปตอนไหน? เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นเจ้า…”
เย่ซิวตู๋ช้อนสายตามองอีกฝ่าย สายตานั้นมืดหม่นและลุ่มลึก โม่เสียนพูดไปได้แค่ครึ่งเดียวก็พูดต่อไม่ไหว ทำได้เพียงหลุบตาลงเล็กน้อย ทว่าภายในใจกลับอยากสับหนานหนานสักรอบอย่างหนัก กลับไปเขาต้องรวบยอดแค้นเก่าและแค้นใหม่เพื่อสะสางสักหน
เย่ซิวตู๋หลุบตามองเด็กที่อยู่ข้าง ๆ ก็พบว่าอีกฝ่ายยังคงทำสายตาสั่นระริกดั่งผู้บริสุทธิ์ ก็อดแอบชื่นชมไม่ได้
เจ้าเด็กคนนี้ไม่ว่าจะเป็นความกล้า ความสามารถหรือปัญญาก็แตกต่างจากคนธรรมดาอย่างสิ้นเชิง หากเลี้ยงดูให้ดี ภายภาคหน้าต้องกลายเป็นคนมีพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่ง เขากลับมีความคิดที่จะเก็บเด็กคนนี้ไว้ใช้ประโยชน์ เพียงแต่…เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เก็บไว้ข้างกายไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย
เขาช้อนสายตาขึ้นมองโม่เสียน ความเข้าใจกันโดยปริยายตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ทำให้โม่เสียนเข้าใจความคิดผ่านสายตาของนายท่านในเวลาอันรวดเร็ว เขารู้สึกประหลาดใจ แต่ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุมีผล ดูเหมือนว่า นายท่านคงอยากให้เขาไปตรวจสอบประวัติของเด็กคนนี้อย่างชัดเจน
เพียงแต่ หากให้สืบค้นจริง ๆ เช่นนั้นก็ต้องไปเจอมารดาที่หนานหนานพูดถึงก่อนถึงจะถูก
เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว เขาจึงก้าวเท้ามาด้านหน้าอีกก้าว กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “นายท่าน ข้าน้อยพาเด็กคนนี้กลับมาโดยไม่ได้รับอนุญาต พ่อแม่ของเด็กคนนี้คงเป็นกังวลมากแล้ว ในเมื่อพิษบนร่างกายของข้าน้อยถูกถอนออกไปแล้ว ตอนนี้ก็ควรส่งเด็กคนนี้กลับไปหาพ่อแม่ เพื่อไม่ให้ครอบครัวของเขาต้องเป็นกังวล”
เย่ซิวตู๋พยักหน้าเบา ๆ ตอบ “อืม” ทีหนึ่ง
โม่เสียนถอนหายใจอย่างช้า ๆ และก้าวเท้ามาด้านหน้าเพื่อนำตัวหนานหนานกลับไป
คิดไม่ถึงเลยว่าหนานหนานจะพลิกตัวลุกขึ้นยืน การเคลื่อนไหวกระฉับกระเฉงและเบาหวิวเป็นอย่างยิ่ง เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น ก็ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยปากพูดด้วยเหตุผลเป็นจริงเป็นจัง
“ไม่ได้ ข้ายังกลับไปตอนนี้ไม่ได้”
“ทำไม?” โม่เสียนขมวดคิ้ว
หนานหนานเม้มปาก สายตาแอบเหลือบมองไปที่พยัคฆ์ทมิฬเล็กน้อย ก่อนจะรีบดึงกลับมาอีกครั้ง เอ่ยปากพูดด้วยท่าทางระมัดระวังอย่างมาก “ลุงโม่ แม้ว่าข้าจะให้ยาถอนพิษกับท่านไปแล้ว แต่พิษอยู่ในร่างกายของท่านนานเกินไป พิษที่อยู่บนร่างกายแท้จริงแล้วยังถอนออกมาไม่สะอาดหมดจด ดังนั้นเพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ข้าเคยทำไว้ ข้าคิดว่าข้ายังต้องอยู่ต่อไป อืม นี่ข้าทำเพื่อท่านเชียวนะ”
ราวกับเพื่อยืนยันความจริงจังในคำพูดของเขา หนานหนานยังออกแรงพยักหน้าอย่างหนักแน่นด้วย
โม่เสียนมุมปากกระตุกวูบ “อูตงตรวจชีพจรให้ข้าแล้ว บนร่างกายของข้าไม่เหลือพิษตกค้างแล้ว”
อูตงอะไรนั่นช่างน่ารังเกียจจริง ๆ หนานหนานถึงขั้นเกลียดอีกฝ่ายในทันที เพียงแต่ใบหน้าเล็ก ๆ ยังคงย่นเป็นซาลาเปา ท่าทางก็ดูจริงจังมาก “โถ่เอ๊ย ข้าก็บอกไปแล้วไง นั่นก็เป็นเพราะเกี่ยวกับยาถอนพิษที่ท่านเพิ่งกินเข้าไป ดังนั้นชีพจรถึงได้เต้นปกติ แต่ผ่านไปอีกสองวัน ไม่สิ ผ่านวันพรุ่งนี้ไปอาการก็จะกำเริบอีก ถึงเวลานั้นท่านหาข้าไม่เจอ ท่านก็ต้องตายนะ ตายเชียวนะ ตายแล้วท่านก็จะไม่ได้กินของอร่อย ๆ ไม่ได้ดื่มของดี ๆ ไม่ได้ปรี่ตัวเข้าหาสตรีรูปงามแล้ว”
โม่เสียนขบฟันกรอด “ข้าบอกแล้วไงว่าเข้าไม่ได้ปรี่ตัวเข้าใส่…ช่างเถอะ ข้านี่มันโง่จริง ๆ ที่มายืนอธิบายเหตุผลเรื่องนี้กับเจ้า”
โม่เสียนโบกมือ คำพูดเกินจริงจนน่ากลัวของหนานหนานไม่ได้เข้าหูของเขาเลย เขาอยากก้าวไปด้านหน้าอีกสองสามก้าว “ข้าจะพาเจ้ากลับไปก่อน จะได้เจอหน้าท่านแม่ของเจ้าด้วย บางทีนางอาจถอนพิษที่อยู่บนร่างกายของข้าได้”
เจอท่านแม่? หนานหนานเบิกตาโตด้วยความตื่นตระหนก ร่างเล็ก ๆ เริ่มหดอยู่บนตัวของเย่ซิวตู๋อย่างสุดชีวิต
พูดเป็นเล่น หากท่านแม่ทราบว่าเขาเกือบแลกด้วยชีวิตน้อย ๆ ของตนเองเพียงเพราะอยากดื่มสุรา นางไม่มีทางยอมรับลูกโง่เขลาคนนี้เป็นแน่ ดังนั้นออกไปไม่ได้เด็ดขาด
เย่ซิวตู๋พบว่าหนานหนานแสดงอารมณ์ต่อต้าน สายตาของเขากวาดมองร่างเล็ก ๆ นี้ ก่อนจะยกมือห้ามการเคลื่อนไหวของโม่เสียน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้หนานหนานอยู่ต่ออีกสักสองสามวันเถอะ รอจนกระทั่งพิษที่อยู่บนตัวของเจ้าถูกถอนออกจนหมดค่อยส่งกลับไป”
หนานหนานชะงัก เขาหันมากวาดสายตาสำรวจเย่ซิวตู๋ หัวใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อย่างหนัก คงไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายรู้แผนในใจของตนเองหรอกกระมัง? คงไม่หรอกกระมัง ทั้ง ๆ ที่เขาก็ปิดบังไว้อย่างดี ไม่หรอก อืม จับไม่ได้แน่นอน อย่าทำให้ตนเองตกใจสิ
โม่เสียนอ้าปากค้าง สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
เพียงแต่เย่ซิวตู๋กลับมองหนานหนานที่เอนอยู่บนร่างกายของเขาทั้งตัวด้วยความสนใจ เขาอยากรู้เสียเหลือเกิน เด็กคนนี้มีวัตถุประสงค์อะไรถึงได้อยากอยู่ที่นี่อย่างสุดชีวิต เป็นเพราะแค่อยากดื่มสุราอย่างเดียวจริง ๆ งั้นหรือ
ความสงสัยภายในใจของเย่ซิวตู๋ได้รับคำตอบในเวลาอันรวดเร็ว
ในคืนนั้น หนานหนานแอบเข้าไปในห้องของเขา
ตอนที่ได้ยินฝีเท้าแผ่วเบาจากด้านนอก เย่ซิวตู๋กำลังนั่งเปลี่ยนผ้าพันแผลที่บริเวณหน้าอกอยู่ในห้อง
เสียงจากด้านนอกดังกุกกัก ๆ ไม่ได้มีความนิ่งสงบและระมัดระวังในแบบที่คนที่มีทักษะการต่อสู้พึงมีเลยสักนิด ทั้งยังเผยให้เห็นถึงกลิ่นอายของความเป็นโจรเล็ก ๆ ด้วย รวมถึง…เสียงสะดุดเพราะไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว ก้มเป่าเทียนที่อยู่บนโต๊ะ และรอคอยเสียงฝีเท้าคู่นั้นที่ก้าวใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ อย่างเงียบ ๆ
………………………
สารจากผู้แปล
คิดว่าทำอะไรแล้วจะรอดเหรอหนานหนาน นายท่านเย่รู้หมดแหละ
ไหหม่า (海馬)