อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 156 อวี้ชิงลั่วนังแพศยานั่น
ตอนที่ 156 อวี้ชิงลั่วนังแพศยานั่น
“อืม ก็สมควรที่เจ้าจะคุ้นตา มิเช่นนั้นก็เท่ากับตาบอดแล้ว” เย่ซิวตู๋พยักหน้า แสดงท่าทีดูหมิ่นเขาอย่างไม่เกรงใจ
เย่ฮ่าวหรานถึงกับตกตะลึง มองดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในรถม้าก็เกิดเสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้น “เฮ้ย เจ้านี่เอง เจ้า เจ้าคืออวี้…อวี้…”
เสียงของเขาดังมาก ทำให้คนที่เดินอยู่บนท้องถนนข้างนอกถึงกับชะงัก
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดึงหมอนนิ่ม ๆ ใบหนึ่งที่อยู่ด้านหลังออกมา โยนใส่หน้าของเย่ฮ่าวหราน
“เอ่อ…พี่ห้า” หมอนนุ่มไหลลงจากหน้าของเย่ฮ่าวหรานอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นสีหน้าได้รับความอยุติธรรม “ท่านไม่เห็นต้องโยนหมอนใส่ข้าเลย ข้ามีความพอดี…”
อวี้ชิงลั่วปิดปากขำเพราะทนไม่ไหว คนคนนี้ทำท่าทางขุ่นเคืองต่อเย่ซิวตู๋ราวกับภรรยาที่กำลังแสดงท่าทีแง่งอนใส่สามีของตนเอง ช่างเป็นคู่ที่คู่ควรเสียเหลือเกิน
เย่ซิวตู๋ถลึงตามองนาง ในสมองของสตรีผู้นี้คงเกิดความคิดยุ่งเหยิงขึ้นอีกแล้ว
เย่ฮ่าวหรานรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ พี่ห้าทุบเขายังไม่คิดจะปลอบใจ ไม่คิดจะมองหน้าเขาสักนิด ท่าทางขอโทษก็ไม่มีให้เห็น เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ไม่เจอกันสี่ปี พี่ห้าไม่รักเขาแล้ว น่าสงสารจริง ๆ เฮ้อ…
ทว่า การแต่งตัวของอวี้ชิงลั่วก็สุดยอดมากจริง ๆ นอกจากดวงตาคู่นั้นแล้ว เป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นถึงใบหน้าเดิมของนาง สตรีผู้นี้ปลอมตัวเป็นด้วยหรือ? จุ๊ ๆ ไม่แปลกใจเลยที่พี่ห้าจะปล่อยให้นางทำตัวเหิมเกริมเช่นนี้ ทั้งยังดูแลดีกว่าเขาเสียอีก เป็นสตรีของเขาสินะ ให้ความสำคัญกับสตรีมากกว่าสหาย พี่ห้านี่เกินเยียวยาแล้ว
“อวี้ชิงลั่ว เหตุใดเจ้าถึงได้แต่งกายเป็นเด็กรับใช้เข้ามาในวัง?”
อวี้ชิงลั่วไม่ได้บอกเขาเรื่องที่นางไปหาหนานหนาน แค่เห็นนางก็เข้าใจแล้วว่า คนคนนี้มีความสงสัยเกี่ยวกับหนานหนานมาก นางขยับหมอนอิงอยู่ครู่หนึ่ง เปลี่ยนอิริยาบถให้สบายขึ้น ย้อนถามกลับไปโดยไม่ตอบคำถามของเขา “แล้วเจ้ามานอนทำอะไรอยู่ในรถม้าคันนี้?”
คงไม่ใช่เพราะเบื่อหน่ายจึงมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่เพื่อหลอกให้เย่ซิวตู๋ตกใจเฉย ๆ แบบนั้นคงไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
เย่ฮ่าวหรานถูกเบี่ยงเบนความสนใจในเวลาอันรวดเร็ว โบกมือด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าในวังมีหมอปีศาจอะไรนั่น คิดจจะประลองทักษะทางการแพทย์กับแม่นางคนหนึ่งที่อวี๋จั้วหลินหามา หากแม่นางคนนั้นพ่ายแพ้ พี่ห้าต้องออกหน้าเพื่อขอโทษหมอปีศาจผู้นั้น จุ๊ ๆ พี่ห้า ท่านอยากให้ฝั่งไหนชนะ?”
เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขาปราดหนึ่ง คนคนนี้คงว่างมาก ว่างมากจริง ๆ
ทว่าความอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ภายในใจของเย่ฮ่าวหรานก็เพิ่งเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ เขาชะโงกหน้ามาด้านหน้า พยายามที่จะถามหาคำตอบให้ได้ “พี่ห้า อวี๋จั้วหลินนั่นเป็นถึงศัตรูของแม่นางอวี้เชียวนะ ถึงอย่างไรก็ไม่ควรหวังว่าสตรีนางนั้นที่เขาหาจะได้รับชัยชนะ แต่ถ้าแม่นางคนนั้นแพ้ขึ้นมา พี่ห้าก็ยังต้องขอโทษอยู่ดี เฮ้อ ข้าว่านะพี่ห้า ตอนนั้นพี่คิดอะไรอยู่เนี่ย เหตุใดถึงได้ขุดหลุมฝังตัวเองล่ะ?”
อวี้ชิงลั่วออกแรงพยักหน้าตาม นั่นสิ ๆ ยืนกรานจะขุดหลุมฝังตัวเอง ก็สมควรแล้วแหละ
ดูเหมือนว่าเย่ฮ่าวหรานจะยังไม่รู้ว่านางเป็นหมอปีศาจ มิเช่นนั้นเขาคงไม่…รู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นเช่นนี้
เย่ซิวตู๋หลับตาลง เอนตัวเข้ากับข้างรถม้าเพื่องีบหลับพักสายตา
“พี่ห้า ท่าน…” เย่ฮ่าวหรานเกิดอาการคันยุบยิบ ภายในใจรู้สึกเสียความสมดุลอย่างมาก จึงหันกลับมาถามอวี้ชิงลั่ว “น้องชิงลั่ว เจ้าอยากให้ใครชนะ?”
“ข้าอายุมากกว่าเจ้าหนึ่งปี” อย่ามาเรียกนางว่าน้องนะ
มุมปากของเย่ฮ่าวหรานกระตุกวูบ ไม่ให้เขาเรียกนางว่าพี่สะใภ้ห้า และไม่ให้เรียกว่าน้อง หรือจะให้เขาเรียกนางว่าพี่? เช่นนั้นเขาก็ต้องเสียเปรียบให้กับนางอย่างหนักน่ะสิ ไม่สมดุลเลยจริง ๆ
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด จู่ ๆ ความเร็วของรถม้าก็ชะลอลง เพียงไม่นานก็หยุดลงอย่างช้า ๆ
เสียงของผู้อารักขาตำหนักอ๋องดังขึ้นจากด้านนอก “ท่านอ๋อง ถึงตำหนักแล้วขอรับ”
เย่ซิวตู๋ส่งเสียง ‘อืม’ เบา ๆ ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน จู่ ๆ ก็มีเสียงโวยวายดังขึ้นจากด้านนอก “พวกเจ้ากลับมาแล้วหรือ เย่ซิวตู๋ นังหนูอวี้ชิงลั่วเล่า?”
สิ้นสุดเสียงนี้ ม่านรถก็ถูกใครบางคนแหวกออก จินหลิวหลีขมวดคิ้วพุ่งตัวมาขวางไว้ที่ด้านนอกรถม้า
ทว่าวินาทีต่อมา นางถึงกับสูดลมเย็นเข้าเต็มปอดแรง ๆ ก่อนจะสะบัดม่านกั้นรถม้าลง หันหน้าวิ่งหนีไป
ตอนที่กำลังหมุนตัว เย่ฮ่าวหรานก็ส่งเสียงตะโกนขึ้น “หลีเอ๋อร์ เจ้าจริง ๆ ด้วย”
ครั้นกล่าวจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อและกระโดดตามลงไป
อวี้ชิงลั่วอยู่ใกล้กับเขา จึงถูกแขนเสื้อของอีกฝ่ายปัดใส่หน้าจนรู้สึกเจ็บ นางถึงกับพูดด้วยท่าทางดุร้าย “เจ้าบ้านี่”
“โดนเจ้าหรือ?” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว มองไปที่ใบหน้าที่เกิดรอยแดงขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่ลังเล
อวี้ชิงลั่วยกมือขึ้นมาลูบหน้า แต่ไม่ได้ทำท่าทางเกินจริง นางแค่รู้สึกเจ็บตอนที่ถูกวาดเข้าใส่ ทว่าสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกสงสัยยิ่งกว่านั้นก็คือ…
“เย่ฮ่าวหรานกับจินหลิวหลีรู้จักกันหรือ?” เรื่องนี้ เหตุใดนางถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน และไม่พบเบาะแสแม้แต่น้อย
เย่ซิวตู๋ประคองให้นางลงจากรถ มงอดูใบหน้าของนางอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากมั่นใจว่าไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร จึงทำท่าทางราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง “เมื่อห้าปีก่อน มีคนซื้อตัวนักฆ่าเพื่อมาจัดการกับน้องแปด นักฆ่าคนนั้นเป็นสตรี”
“จินหลิวหลี?” อวี้ชิงลั่วคาดเดา แต่ก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นอีกครั้ง “แต่หลิวหลีลงมือ เหตุใดถึงทำภารกิจไม่สำเร็จ?”
“แค่ก น้องแปดคนนี้เป็นพวกขี้เล่น ตอนที่ถูกจัดการจนกำลังจะหมดลม ยังมีเวลาไปหยอกล้อนักฆ่าคนนั้น ท้ายที่สุดเกิดอะไรขึ้นข้าเองก็ไม่แน่ใจ” เย่ซิวตู๋ยักไหล่ “แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี น้องแปดก็เอาแต่ตามหานักฆ่าคนนั้น เมื่อไรก็ตามที่เขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับนาง เขาก็จะตามหา แต่น่าเสียดายที่จู่ ๆ นักฆ่าคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อสองปีก่อน น้องแปดไม่ได้รับเบาะแสใด ๆ จึงได้แต่กลับเมืองหลวงอย่างจนปัญญา”
อวี้ชิงลั่วถึงกับมุมปากกระตุกวูบ ดังนั้นเขากำลังบอกนางว่า นักฆ่าหญิงคนนั้นที่มีชื่อว่าเยว่เซี่ยซิวหลัว อาจมีความสัมพันธ์กับเย่ฮ่าวหราน?
มิน่าเล่า มิน่าเล่าจินหลิวหลีถึงเคยบอกกับนางว่าจะไม่มาที่เมืองหลวง ไม่แปลกใจที่คราวก่อนตอนที่เย่ฮ่าวหรานปรากฏตัวภายในจวน จินหลิวหลีก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนที่นางกลับมาถึงที่ห้อง สีหน้าก็ดูผิดปกติมาก ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้คนที่นางกำลังหลบซ่อนก็คือเย่ฮ่าวหรานนี่เอง
อา เพียงครู่เดียวก็ได้ดูเรื่องสนุกแล้ว
อวี้ชิงลั่วมองดูเงาของคนที่กำลังเดินตามหลังกันราวกับมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น สายตาของนางร้อนผ่าวราวกับมีไฟแผดเผา
เย่ฮ่าวหรานวิ่งอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้เขาไม่มีความสามารถอื่น แต่พลังขาของเขาถูกฝึกฝนมาไม่เป็นสองรองใคร
จินหลิวหลีรู้สึกประหลาดใจ ภายในใจของนางถึงกับตื่นตระหนกจนผิดปกติ วิ่งไปวิ่งมาก็เข้ามาในซอยที่เป็นทางตันเส้นหนึ่ง นางรู้สึกหงุดหงิดในทันที ตอนที่เงยหน้ามองก็รีบกระโดดไปยังกำแพงที่อยู่ทางซ้ายมือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เย่ฮ่าวหรานหอบหายใจเล็กน้อย ตอนที่กำลังไล่ตามมาถึงปากซอยก็พบท่าทางราวกับอีกฝ่ายกำลังแยกร่าง จึงสบถด่าเสียงเบาและกระโดดตามขึ้นไป
จินหลิวหลีรู้สึกหงุดหงิด ไม่เจอกันมาหลายปี เหตุใดคนคนนี้ถึงได้เก่งกาจขนาดนี้?
นางหันซ้ายมองขวา ท้ายที่สุดจึงบุกเข้าไปด้านในห้องฟืนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างจนปัญญา
เย่ฮ่าวหรานหรี่ตายิ้มขณะเข้าใกล้ กระโดดเข้าไปด้านในหน้าต่างที่ถูกเปิดไว้ ต้อนอีกฝ่ายเข้ากับด้านข้างของกำแพง หอบหายใจอย่างหนัก “เจ้าวิ่ง วิ่งสิ ยังจะกล้าวิ่งอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าตามหาตัวเจ้ามานานเพียงใด?”
จินหลิวหลีไม่พูดไม่จา เม้มปากผลักเขาออกไป การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ จู่ ๆ ภายในลานที่อยู่ด้านนอกก็มีชื่อหนึ่งที่ทำให้การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งคู่หยุดชะงักพร้อมกัน
“ของของนังแพศยาอวี้ชิงลั่วนั่น ยังกล้าเก็บไว้อีกรึ”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรือบาปไม่ทันแล่น เรืออ๋องแปดกับหลิวหลีก็พุ่งแรงแซงทางโค้งมาชนจนจมหายซะแล้ว
ใครกล้าด่าชิงลั่ว ระวังโดนพิษแล้วจะพูดไม่ออกนะ
ไหหม่า(海馬)