อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 162 คนในตระกูลมอบให้
ตอนที่ 162 คนในตระกูลมอบให้
อวี๋จั้วหลินยังคิดอยากจะขัดขวางหลี่จื่อฟาน “เสนาบดีฝั่งขวาทำงานหนักและยุ่งตลอดทั้งวัน ข้าคงไม่รบ…”
“มาถึงหน้าประตูแล้ว หรือท่านอวี๋จะไม่เชิญข้าเข้าไปดื่มน้ำชาสักหน่อยเลยหรือ?” หลี่จื่อฟานยิ้มอย่างอบอุ่น หลังจากก้มหน้ามองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่งจึงมองไปยังประตูสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
ปล่อยให้อวี้ชิงลั่วเข้าไปในรังหมาป่าถ้ำเสือแห่งนี้เพียงลำพัง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางวางใจ
อวี๋จั้วหลินลอบขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน เจ้าหน้าที่ชั้นสูงผู้นี้สามารถกดคนให้ตายได้ เขาเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะโต้เถียงอยู่หน้าประตูใหญ่ที่มีคนสัญจรผ่านไปมา มิเช่นนั้นคงเป็นที่ขบขันของผู้อื่น
เป็นเพราะจนปัญญา อวี๋จั้วหลินจึงได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ เชิญเขาให้เดินเข้าไปด้านใน
“แม่นางชิง วันนี้ท่านเป็นแขกผู้มีเกียรติ เชิญก่อน” หลี่จื่อฟานกลับถอยหลังให้อวี้ชิงลั่วหนึ่งก้าว ทว่ายังคงแย้มยิ้มราวกับสายลมฤดูวสันต์
อวี๋จั้วหลินมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหลี่จื่อฟานมองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตาที่ไม่ปกติ แตกต่างจากเสนาบดีฝั่งขวาที่เขาเคยเห็นโดยทั่วไปราวกับคนละคน ภายในใจของเขาจึงเกิดความตื่นตัวขึ้นทันใด ตอนที่เดินเข้าไปด้านใน จึงเดินขวางอยู่ด้านหน้าอวี้ชิงลั่วกึ่งตั้งใจและไม่ตั้งใจ เพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากเกินไป
อวี้ชิงลั่วถึงกับกลอกตาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ก็เดินตามพวกเขาทั้งสองเข้าไป หลี่จื่อฟานตามเข้ามาแล้ว ส่วนอวี๋จั้วหลินถึงอย่างไรก็เป็นแค่…เจ้าหน้าที่ระดับล่างเท่านั้น
นางกวาดสายตามองซ้ายทีขวาที แม้จวนอวี๋จะไม่ถึงขั้นเป็นตระกูลขุนนางที่ดีที่สุดในเมืองหลวง แต่อวี๋จั้วหลินก็เคยเป็นแม่ทัพระดับสองมาก่อน บรรยากาศที่จัดแต่งภายในนี้ยังคงดูหรูหราและสูงส่ง แตกต่างจากครอบครัวธรรมดาค่อนข้างมาก
ทว่าเมื่อเทียบกับตำหนักอ๋องของเย่ซิวตู๋แล้วกลับมีความแตกต่างกัน อย่างน้อย ๆ สาวใช้และหญิงชราที่อยู่ดูแลภายในเรือนก็ไม่ได้ขี้ขลาดตาขาวเอาแต่หดหัวในกระดองเหมือนกับที่จวนอวี๋ แค่ได้เห็นเสนาบดีฝ่ายขวาก็ไม่รู้ว่าต้องหลบหลีกหรือทำความเคารพ เอาแต่ยืนค้างอยู่กลางทาง จนกระทั่งถูกอวี๋จั้วหลินตำหนิให้ออกไป
อวี้ชิงลั่วและอีกสองคนที่เหลือเดินเข้ามาที่ห้องโถงด้านหน้าอย่างช้า ๆ อวี๋จั้วหลินสั่งให้คนยกน้ำชาเข้ามา สั่งให้สาวใช้ไปที่สวนด้านหลังเพื่อแจ้งหลี่หรานหร่านว่าหมอปีศาจมาถึงแล้ว
ฮูหยินใหญ่ของจวนอวี๋ได้ยินว่าเสนาบดีฝั่งขวามา ในใจก็ถึงกับตกตะลึง รีบสั่งให้สาวใช้ข้างกายไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น สาวใช้คนนั้นรีบวิ่งมาที่ลานด้านหน้า จึงได้พบกับสาวใช้ที่เดินมาเพื่อรายงานพอดี ทั้งสองคนได้รับบทสรุป จึงวิ่งไปรายงานต่อฮูหยินใหญ่
ครั้นฮูหยินใหญ่ได้ยินว่าเขามาดูอาการให้หลี่หรานหร่าน ใบหน้าพลันปรากฏความยินดี สั่งสาวใช้ให้รีบแต่งตัวนางอย่างเรียบร้อย และรีบไปที่เรือนด้านหน้า
“คารวะท่านเสนาบดีเจ้าค่ะ” ฮูหยินใหญ่เป็นคนมีมารยาทและรอบคอบ ปฏิบัติตนตามกฎเกณฑ์
อวี้ชิงลั่วจิบน้ำชาเบา ๆ หนึ่งคำ มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม คนคนนี้คือฮูหยินใหญ่คนที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความยากลำบากให้อวี้ชิงลั่วที่แม่นมเก๋อพูดถึงหรือ? ได้ยินมาว่าตอนแรกนางเป็นแค่บุตรีของแม่ค้าขายข้าวที่อยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บริเวณชานเมืองแห่งหนึ่ง บังเอิญไปช่วยเหลือนายท่านตระกูลอวี๋ที่ประสบปัญหาและมาถึงบ้านของนาง นายท่านของตระกูลอวี๋ชายชราผู้ซื่อตรงเห็นความสำคัญของคำมั่นสัญญามาก นางคิดว่าในเมื่อนายท่านอวี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนาง เช่นนั้นก็ต้องทดแทนบุญคุณ
ตอนนั้นบิดาของฮูหยินใหญ่ได้พูดออกมาว่า ตอนที่ฮูหยินใหญ่ช่วยเหลือนายท่านอวี๋ทำให้นางต้องเสื่อมเสียชื่อเสีย ต้องตอบแทนบุญคุณ จึงทำได้เพียงแค่แต่งงานกับฮูหยินใหญ่
ฮูหยินอาวุโสอวี๋ตัดสินใจให้ทั้งคู่แต่งงานกันในทันที ตระกูลอวี๋ในตอนนั้นยังไม่โดดเด่นเท่ากับตอนนี้ นายท่านตระกูลอวี๋ก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น เมื่อฮูหยินใหญ่แต่งงานกับเขา นางก็ต้องทำงานบ้านส่วนใหญ่เองทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ ตอนที่อวี้ชิงลั่วและอวี๋จั้วหลินหมั้นหมายกัน ก็เป็นตระกูลอวี๋ที่ไต่เต้าขึ้นมาจากจวนอวี้ ถึงอย่างไรตอนนั้นท่านปู่ของอวี้ชิงลั่วก็เป็นเจ้าหน้าที่ใหญ่ระดับสองภายในราชสำนัก หากมิใช่เพราะนิสัยของเขา และคิดว่าอวี๋จั้วหลินต้องประสบความสำเร็จในอนาคตเป็นแน่ คงไม่ยกอวี้ชิงลั่วที่เพิ่งเกิดออกมาให้คู่กับเขา
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาดี ๆ อยู่ได้ไม่นาน ตอนที่อวี้ชิงลั่วอายุครบหนึ่งสัปดาห์ท่านปู่ก็เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ท่านพ่อของอวี้ชิงลั่วไม่มีท่านปู่คอยชี้นำ จึงไร้ความสามารถ ทำให้ตระกูลอวี้ค่อย ๆ เสื่อมโทรมเพราะบิดาของนาง
ส่วนทางฝั่งตระกูลอวี๋ เป็นเพราะอวี๋จั้วหลินสอบผ่านจอหงวนจึงไต่เต้าขึ้นไปอยู่ระดับสูงได้ ทั้งตระกูลจึงได้รับเกียรติ ฮูหยินใหญ่รู้สึกปีติยินดี เริ่มเกิดความคิดอยากผลักไสอวี้ชิงลั่วออกไป และคิดหาสตรีสูงศักดิ์ภายในราชสำนักให้มาแต่งงานกับอวี๋จั้วหลินใหม่อีกครั้ง
แต่น่าเสียดาย ตอนนั้นฮูหยินอาวุโสอวี๋ยังอยู่ การหมั้นหมายเมื่อตกลงกันแล้วก็มิอาจยกเลิกได้ง่าย ๆ อวี๋จั้วหลินไม่มีความสุข แต่ก็ไม่สามารถขัดต่อคำสั่งของท่านพ่อและท่านย่าได้ ภายในใจของเขาจึงไม่เต็มใจ ด้วยความอยากสร้างความอับอายให้อวี้ชิงลั่วในวันแต่งงาน หลังจบพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน เขาก็หาสตรีมาคนหนึ่งและแอบอ้างว่าเป็นคนที่เขารัก หลังจากนั้นก็ออกจากจวนอวี๋ไม่ยอมกลับมาที่จวนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม
ฮูหยินอาวุโสโกรธเคืองเสียจนทำให้นางถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อติดเตียง หลังจากนั้นไม่นานก็ลาลับโลกนี้ไป
ฮูหยินใหญ่จึงเห็นนางเป็นตัวซวย หลังจากนั้นก็ไม่เคยมองนางด้วยสายตาที่เป็นมิตรอีกเลย
อวี้ชิงลั่วพอจะจินตนาการได้ เจ้าของร่างเดิมที่ไม่มีใครช่วยเหลือ ในตอนนั้นต้องผ่านชีวิตมาแบบไหนบ้าง
“ผู้นี้คือแม่นางชิงใช่หรือไม่?” ฮูหยินใหญ่เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ อวี้ชิงลั่วตั้งแต่เมื่อใดมิอาจทราบได้ และพูดแทรกความคิดยุ่งเหยิงที่อยู่ในสมองของนาง
อวี้ชิงลั่ววางแก้วลง แย้มยิ้มจาง ๆ “ฮูหยิน”
“ดี ๆๆ น้ำเสียงนี้แค่ได้ยินก็รู้แล้วว่าเป็นแม่นางผู้ประพฤติตนดีและน่ารัก” ฮูหยินใหญ่ยิ้มแย้มแจ่มใส กวาดตาสำรวจอวี้ชิงลั่ว ก่อนจะหันไปพูดกับอวี๋จั้วหลิน “จั้วหลิน เจ้าอยู่ที่นี่พูดคุยกับท่านเสนาบดีไปก่อนนะ แม่จะพาแม่นางชิงไปดูอาการหรานหร่านที่เรือนด้านหลังสักหน่อย”
“ก็ได้ขอรับ” แม้ว่าอวี๋จั้วหลินจะอยากตามไปด้วย แต่หลี่จื่อฟานยังนั่งจิบน้ำชาอยู่ที่นี่ ไม่ลุกขึ้นยืนและไม่มีท่าทีว่าจะขอตัวกลับ เขาจึงรู้สึกเกรงใจหากต้องไล่ให้กลับไป
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืน ก้มหน้าให้เสนาบดีฝั่งขวาและอวี๋จั้วหลินเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามหลังฮูหยินใหญ่ไปที่เรือนด้านหลังด้วยท่าทางสง่างาม
ครั้นฮูหยินใหญ่ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ ก็รู้สึกได้ว่านี่คือคุณหนูจากตระกูลใหญ่ แม้ว่าจะได้ยินอวี๋จั้วหลินเล่าให้ฟังว่าแม่นางผู้นี้คือหมอปีศาจที่คนพูดถึงกัน แต่ก็ไม่เคยมีใครพูดว่าหมอปีศาจจะเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ไม่ได้
“ขอบังอาจถามแม่นางชิง เรือนของท่านอยู่ที่ใดกัน ในเรือนมีผู้หลักผู้ใหญ่คนใดอีกหรือไม่? แม่นางอายุยังน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้” หมอปีศาจ? ไม่ได้มีความคล้ายคลึงกับหมอปีศาจที่ผู้คนเล่าลือกันเลยจริง ๆ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนที่น่ากลัวอะไรด้วย
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปากยิ้มเยาะอย่างห้ามไม่อยู่ นางพอจะเดาออกถึงความคิดเล็ก ๆ นั้นของฮูหยินใหญ่ คงเป็นเพราะเห็นว่าบุตรชายของตนสนใจแม่นางคนอื่น จึงอยากจะจับคู่อย่างนั้นสิ? ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับสถานะของหลี่หรานหร่านแล้ว ก็ยังเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการของอวี๋จั้วหลินไม่ได้
อวี้ชิงลั่วเบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อย หยิบหยกแขวนเหรินอวี๋ชิ้นนั้นออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าฮูหยินมีความรู้เกี่ยวกับหยกหรือไม่ ช่วยดูหยกแขวนชิ้นนี้ให้ข้าได้หรือไม่? นี่เป็นของที่คนในตระกูลให้ข้ามา บอกว่าห้ามทำสิ่งนี้หาย”
ฮูหยินใหญ่ถึงกับชะงัก รับหยกไปดูอย่างระมัดระวัง หลังจากที่นางมีบุตรชายเป็นแม่ทัพ ฮูหยินใหญ่ก็คิดอยากแทรกซึมเข้าไปอยู่ในแวดวงสตรีสูงศักดิ์ของชนชั้นสูง นางจึงใส่ใจกับของเหล่านี้ไม่น้อย
ครั้นหยกแขวนชิ้นนี้มาอยู่ในมือของนาง ดวงตาพลันสว่างวาบขึ้น ส่งเสียงประหลาดใจออกมาในทันที “แม่นางชิง นี่เป็นของที่คนในตระกูลให้มาจริง ๆ หรือ?”
“ใช่ เป็นของสำคัญมากด้วย” มันเป็นของที่หนานหนานให้มา เขาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่นางมีในตอนนี้
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คิดจะจับชิงลั่วเป็นอนุฯให้ลูกชายเหรอฮูหยินใหญ่ เดี๋ยวได้โดนวางยายกจวนแล้วจะรู้สึก สิ้นเผ่าพันธุ์กระจั๊วก็ตอนนี้แหละ
ไหหม่า(海馬)