อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 167 คนของท่านหลังจากนี้
ตอนที่ 167 คนของท่านหลังจากนี้
เสนาบดีฝั่งขวากำลังครุ่นคิดถึงชื่อของเยว่ซิน เขารู้สึกได้ว่าชื่อนี้ดูเหมือนจะคุ้นหูมาก
ทว่าอวี๋จั้วหลินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และก้าวเท้าออกไปด้านนอกประตูใหญ่ มองคนสองคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ด้านนอก
“ไม่มีอะไรลำบากใจหรอก แค่สาวใช้ที่มีไว้ทำงานเพียงคนเดียว แม่นางอวี้อยากได้ตัวก็นำตัวไปเถิด” อวี๋จั้วหลินหันไปสบตามารดาของตนเอง ราวกับแอบไม่พอใจกับสิ่งที่มารดาของเขาทำ
ฮูหยินใหญ่ถึงกับสีหน้าดำอึมครึม มองบุตรของตนเองด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ นางไม่ได้ขี้งกสักหน่อย เพียงแต่นางกลัวว่าสาวใช้คนนั้นจะพูดทุกอย่างต่อหน้าแม่นางชิง ถึงเวลานั้นก็มีแต่ตระกูลอวี๋ของพวกเขามิใช่หรือที่เสียเปรียบ?
แต่คำพูดนี้นางมิอาจพูดต่อหน้าพวกเขาทั้งสองได้ ถึงอย่างไรอวี๋จั้วหลินก็ไม่ได้รู้จักเยว่ซิน และจำชื่อของนางไม่ได้ด้วยซ้ำ
ฮูหยินใหญ่แอบกังวลอยู่ในใจ ทว่ากลับทำอะไรไม่ได้
อวี้ชิงลั่วมองนางปราดหนึ่ง หันไปยิ้มขอบคุณอวี๋จั้วหลิน “เช่นนี้ คงต้องขอบคุณคุณชายอวี๋มาก ฮูหยินและคุณชายอย่าได้เป็นกังวล ข้าแค่รบกวนขอยืมตัวสาวใช้คนนั้นแค่ช่วงนี้เท่านั้น หลังจากโรคของคุณหนูอวี๋หายดีแล้ว ย่อมส่งตัวสาวใช้คนนั้นกลับมาที่จวนอวี๋ จะไม่เอาเปรียบให้นางต้องอยู่กับข้านานกว่าที่ตกลงไว้แม้แต่วันเดียว”
คำพูดนี้ฟังราวกับว่าจวนอวี๋ของพวกเขาช่างขี้งกเสียเหลือเกิน แม้แต่สาวใช้เพียงคนเดียวก็ให้ไม่ได้
เสนาบดีฝั่งขวาเดินมาจากทางด้านหลังอย่างช้า ๆ ในที่สุดเขาก็นึกออกแล้วว่าสายใช้ชื่อเยว่ซินคนนั้นเป็นใคร สาวใช้คนนั้น คือสาวใช้คนสนิทตอนที่อวี้ชิงลั่วยังไม่แต่งงานออกเรือนมิใช่หรือ?
เขาเคยเห็นสาวใช้คนนั้นสองครั้ง ภายหลังได้ยินว่าสาวใช้คนนั้นเข้ามาอยู่ในจวนอวี๋พร้อมกับอวี้ชิงลั่ว หลังจากเกิดเรื่องของชิงลั่ว เขาก็ไม่เคยถามไถ่เกี่ยวกับสาวใช้คนนั้นอีก
ทว่าจากบทสนทนาของพวกนางเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าสาวใช้เยว่ซินคนนั้นจะถูกตระกูลอวี๋กดขี่จนกลายเป็นสาวใช้ที่ถูกใช้แรงงานอย่างหนัก
เฮ้อ เป็นเพราะเขาประมาทเลินเล่อ จึงได้ลืมสาวใช้คนนี้ไปเสียสนิท หลายปีมานี้คาดว่าคงลำบากไม่น้อย
ก่อนหน้านี้อวี้ชิงลั่วปฏิบัติต่อสาวใช้คนนี้ดีมาก ตอนนี้เกรงว่าคงปวดใจแทบแย่แล้ว
“แม่นางชิงเองก็ถ่อมตนเกินไปแล้ว ดูอาการคนป่วยและจ่ายยาให้ แม้แต่สาวใช้เพียงคนเดียวยังไม่ยอมให้ท่าน” เสนาบดีฝั่งขวาเดินมาข้าง ๆ อวี๋จั้วหลิน ทั้งยังมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูหมิ่น กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “แม่นางชิงมีจิตเมตตาขนาดนี้ ขาดเหลือสิ่งใด จวนเสนาบดีฝั่งขวาของข้าย่อมมีให้ ก็แค่สาวใช้คนหนึ่งมิใช่หรือ? หากแม่นางชิงมีเวลาว่าง เชิญไปเลือกที่จวนเสนาบดีได้ ไม่ว่าท่านต้องการสาวใช้คนใด ข้ายินดีจะมอบสัญญาขายของนางให้ทันที เพื่อให้นางคอยปรนนิบัติแม่นางชิงด้วยใจนับจากนี้ และช่วยเหลือแม่นางชิงเพื่อร่วมกันทำความดี ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
อวี๋จั้วหลินหันกลับมามอง ถลึงตาใส่พลางขบฟันอย่างหนัก หลี่จื่อฟานผู้นี้มาร่วมความครึกครื้นอะไรอีกแล้ว เขาบอกไปแล้วมิใช่หรือว่าเขามอบสาวใช้คนนั้นให้แม่นางชิงแล้ว? เขาพูดแบบนี้หมายความมว่าอย่างไร?
“เสนาบดีฝั่งขวาใจกว้างจริง ๆ”
“เป็นเรื่องธรรมดา หากคนในครอบครัวของเราป่วย แม่นางชิงก็มารักษาอาการให้ที่จวนเซียงเย่อยู่แล้ว แม้แต่กับคนในจวนเฉียนเซียงก็ได้รับความเมตตาจากแม่นางชิงทั้งหมด หากว่าที่ใดต้องการความช่วยเหลือจากเรา เราก็เต็มใจช่วยเหลือโดยไม่มีข้อแม้”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ แม้นางจะทราบดีว่าหลี่จื่อฟานกำลังช่วยเหลือนาง แต่ก็ไม่เห็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้
นางหัวเราะเจื่อน รีบตอบไปว่า “เสนาบดีฝั่งขวาจริงจังเกินไปแล้ว นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น คุณชายอวี๋ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ช่วยเหลือ ท่านอย่าได้เข้าใจผิดเลย คุณชายอวี๋เองก็ทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อตระกูลมาโดยตลอด”
อวี๋จั้วหลินได้ยินอวี้ชิงลั่วพยายามแก้ต่างให้ตนเอง ภายในใจจึงรู้สึกได้รับคำปลอบโยน ทว่าคำพูดเหล่านั้นของเสนาบดีฝั่งขวา เขาจึงมิอาจปล่อยผ่านโดยไม่สนใจได้
“ท่านแม่ ไปหยิบสัญญาขายของแม่นางที่ชื่อเยว่ซินมาให้แม่นางชิง นับจากนี้สาวใช้คนนั้นเป็นของแม่นางชิงแล้ว หลังจากนี้ไม่ว่าจะจัดการอย่างไร ก็ให้แม่นางชิงเป็นผู้ตัดสินใจ”
ฮูหยินใหญ่ถึงกับรูม่านตาหดเล็ก ภายในใจยิ่งเกิดความลังเลยังตัดสินใจไม่ได้ นี่…นี่มัน…แม้แต่สัญญาขายก็ยังนำออกไปได้ นี่มิเท่ากับยิ่งทำให้อันตรายยิ่งขึ้นหรอกหรือ?
“ดูเหมือนว่าฮูหยินคงอาลัยอาวรณ์อยู่ไม่น้อย” เสนาบดีฝั่งขวาเห็นนางลังเล จึงพูดเสริมไปอีกหนึ่งประโยค
ฮูหยินใหญ่ขบฟันแน่น หมุนกายเดินไป “ข้าจะไปหยิบสัญญาขายมาให้” เสนาบดีฝั่งขวาผู้นี้สร้างปัญหาใหญ่จริง ๆ พูดถึงสัญญาขายขึ้นมาทำไมกัน? ทว่าอวี๋จั้วหลินและเสนาบดีฝั่งขวาก็ขัดแย้งกันมาโดยตลอด ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่จวนอวี๋ แต่ยังถูกเสนาบดีพูดจนกลายเป็นคนขี้งกที่ไม่ยอมให้เส้นขนหลุดแม้แต่เส้นเดียว เรื่องเช่นนี้นางจะยอมได้อย่างไร? หลังจากนี้หากเรื่องถูกแพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของจั้วหลินก็ยิ่งดิ่งลงเหวมิใช่หรือ?
ภายในใจของฮูหยินใหญ่ ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สำคัญเท่ากับอวี๋จั้วหลิน
ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่เชื่อว่าเยว่ซินสาวใช้ที่มีความขี้ขลาดและอ่อนแอนั่นจะกล้าพูดเรื่องเหลวไหลต่อหน้าแม่นางชิงด้วย แม่นางชิงก็คงไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูด ต่อให้แม่นางชิงรู้เรื่องนั้นจริง ๆ พวกนางก็ยังอธิบายได้อย่างทันท่วงทีอยู่ดี
ฮูหยินใหญ่ตัดสินใจได้แล้ว จึงเดินไปหยิบสัญญาขายของเยว่ซินภายในห้อง และสั่งให้คนไปนำตัวเยว่ซินออกมา
อวี๋จั้วหลินที่อยู่ห้องโถงด้านหน้ายิ้มเยาะใส่เสนาบดีฝั่งขวา ก่อนจะหันมาพูดกับอวี้ชิงลั่วด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม่นางชิง ในเมื่อท่านช่วยดูอาการให้คนของจวนข้า เช่นนั้นท่นก็อยู่ค้างที่นี่เถิด ข้าจะให้คนไปจัดเตรียมเรือนสะอาด ๆ ไว้ให้แม่นางชิง จะได้ไม่ต้องเดินทางให้เหนื่อยด้วย”
“คุณชายอวี๋ ข้าขอรับน้ำใจของท่านไว้ เพียงแต่การพักอยู่ที่จวนอวี๋คงไม่สะดวกข้าเท่าไรนัก อีกอย่างตอนนี้ข้าก็พักอยู่กับเถ้าแก่เนี้ยจินด้วย ข้ารู้สึกไม่ดีจริง ๆ ที่จะปล่อยให้นางอยู่คนเดียว ถึงอย่างไรนางก็อุตส่าห์เดินทางมาเป็นเพื่อนข้าถึงเมืองหลวง”
“เช่นนั้นก็ให้เถ้าแก่เนี้ยจิน…”
อวี้ชิงลั่วพูดแทรกเขา “คุณชายอวี๋ เถ้าแก่เนี้ยจินไม่ชอบพักอยู่ในจวนของตระกูลใหญ่ นิสัยของนางไม่ชอบการถูกพันธนาการจริง ๆ ดังนั้นโปรดคุณชายอย่าได้ถือสา”
อวี๋จั้วหลินรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ ทว่าเมื่อหันไปเห็นเสนาบดีฝั่งขวากำลังยืนอยู่ข้าง ๆ ราวกับกำลังดูเรื่องสนุก จึงรู้สึกได้ว่าหากเขายังพูดต่อไป คงเป็นได้แค่เรื่องขบขันของอีกฝ่าย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็คงไม่บังคับแม่นางแล้ว”
อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม มองไปด้านนอกก็พบว่าท้องฟ้าไม่ใช่เวลาช่วงเช้าแล้ว หากล่าช้ากว่านี้ เกรงว่าตอนที่เย่ซิวตู๋กลับมาไม่เจอนางคงได้มาหาเรื่องนางอีก จึงยกกระเป๋ายาที่พกติดตัวขึ้นมาเล็กเบา ๆ กล่าวว่า “คุณชายอวี๋ นี่ก็สายแล้ว เถ้าแก่เนี้ยจินยังรอข้าอยู่ ข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน”
“ข้าจะไปส่งแม่นางชิงเอง” หลี่จื่อฟานรอให้นางพูดประโยคนี้ เขาแทบอยากจะออกไปจากสถานที่เส็งเคร็งแห่งนี้เต็มทีแล้ว จวนแห่งนี้เขาไม่อยากอยู่นาน ๆ เลยจริง ๆ
อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้วมุ่น ไม่มีความสุขที่ต้องเห็นพวกเขาทั้งคู่กลับไปพร้อมกัน เขาส่งเสียงเรียกพ่อบ้านให้ไปเตรียมรถม้าไว้ ส่งอวี้ชิงลั่วกลับไปเป็นการส่วนตัว
เสนาบดีฝั่งขวาแค่นเสียงเย็น รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไป ทว่าเมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วเห็นด้วยจึงจนปัญญา ทำได้เพียงแค่ตามนางออกจากจวนอวี๋
รถม้าสองคัน คันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้าส่วนอีกคันจอดอยู่ด้านหลัง อวี้ชิงลั่วเพิ่งจะเดินมาถึงข้างรถม้า ก็พบเยว่ซินยืนก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ ด้วยเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน
พ่อบ้านยื่นสัญญาขายหนึ่งฉบับให้นาง “แม่นาง นี่คือของที่ฮูหยินให้ข้าน้อยนำมามอบให้ หลังจากนี้เยว่ซินได้กลายเป็นคนของแม่นางแล้ว”
“ขอบใจมาก” อวี้ชิงลั่วรับสัญญาขายมาเก็บไว้อย่างดี ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยใบหน้าซูบผอมทั้งยังมีเส้นผมแตกปลายคนนั้น
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ชิงลั่วเสน่ห์แรงจังค่ะ มีแต่ผู้มาแย่งตัว
ยินดีกับเยว่ซินด้วยนะคะที่พ้นนรกบนดินแห่งนี้เสียที
ไหหม่า(海馬)