อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 17 อวี้ชิงลั่ววางยาพิษ
ตอนที่ 17 อวี้ชิงลั่ววางยาพิษ
“นายท่าน เผิงอิงฟื้นแล้วขอรับ” เสิ่นอิงไม่อาจควบคุมความสุขและความโล่งอกบนใบหน้าไว้ได้
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว มุมปากของเขากระตุกขึ้นเป็นเส้นโค้งอย่างอ่อนโยน กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “สตรีนางนั้นมีความสามารถอยู่บ้างสินะ”
“ใช่ขอรับ คุณหนูอวี้เก่งกาจมากขอรับ” ในน้ำเสียงของเสิ่นอิงเต็มไปด้วยความเลื่อมใสและเชื่อมั่นอวี้ชิงลั่ว “จู่ ๆ บาดแผลของเผิงอิงก็เริ่มเสื่อมสภาพช่วงกลางดึก คุณหนูอวี้ใช้มีดเล็กเล่มบาง ๆ ตวัดไปมาบนตัวเขา ทักษะมือนั้นรวดเร็วจนตาลาย ขนาดอูตงที่ข้าเคยเห็นก็ยังไม่มีความสามารถเช่นนี้ นอกจากนี้ยาที่นางให้เผิงอิงกินก็ทำให้สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมาก ใบหน้าที่เคยหมองคล้ำหายไปจนไม่เหลือเลย ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานนางต้องผลิตยาถอนพิษออกมาได้ และเผิงอิงก็จะหายดีในอีกไม่นานขอรับ”
เย่ซิวตู๋ชะงักไป ที่แท้สตรีผู้นั้นก็แซ่อวี้
“นายท่าน คุณหนูอวี้ดูไม่เหมือนกับคนชั่วเลย มิเช่นนั้นนางคงไม่ช่วยรักษาให้เผิงอิงแบบทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเช่นนี้ บางที นางอาจหลงเข้ามาในจวนโม่โดยไม่ทันได้ระวังตัวจริง ๆ ที่สำคัญก็คือ…นางมีความสามารถดี ๆ ติดตัว นายท่านคิดว่า…”
เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขาพลางถาม “เจ้าสืบหาตัวตนของนางแล้ว?”
“ยังขอรับ” เสิ่นอิงกระแอมเบา ๆ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “แต่เหวินเทียนไปสืบหาให้แล้ว ข้าคิดว่าอีกไม่นานคงได้รับข่าวคราวกลับมา”
เรื่องนี้ เหวินเทียนคือผู้มีฝีมือชั้นสูง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็รอให้สืบหาตัวตนของนางให้ชัดเจนแล้วค่อยว่ากัน”
เสิ่นอิงแอบถอนหายใจ ตอนนี้เขาคิดว่าอวี้ชิงลั่วคือผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้อย่างแบบสนิทใจ นางมีทักษะทางการแพทย์ยอดเยี่ยม ทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาดี ที่สำคัญคือ ไม่ได้คิดเองเออเองเหมือนอูตง
จากการประเมินด้วยสายตาของผู้มีความเชี่ยวชาญกว่ายี่สิบปีอย่างเขา อวี้ชิงลั่วเต็มไปด้วยพลังบวก ไม่เหมือนคนชั่วร้ายแม้แต่น้อย
“เจ้าดูแลเผิงอิงมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
เสิ่นอิงพยักหน้า เขาเช็ดใบหน้าซีดเผือดของตนเอง ก่อนจะหมุนกายเดินกลับเรือนของตนเอง
ครั้นเขาเดินออกไป สายตาของเย่ซิวตู๋ก็เบือนไปทางอื่นเล็กน้อย เขามองไปยังเสาแท่งนั้นที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลโดยไม่พูดอะไร กลับไปที่ห้องหยิบกล่องใบเล็กที่เหวินเทียนให้เขาเมื่อวานขึ้นมา
นั่นคือของที่เหวินเทียนขโมยมาจากมือของนักฆ่าเหล่านั้นที่ถูกมารดาของเขาส่งมา กล่องถูกปิดผนึกไว้ ด้านบนนั้นมีรูกุญแจขนาดเล็กอันวิจิตรประณีต ดูเหมือนว่าจะผลิตออกมาได้อย่างบรรจงมาก
เขามองอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอกประตู จึงวางกล่องไว้ใต้โต๊ะ จากนั้นเสียงของอูตงก็ดังขึ้น “นายท่าน”
“เข้ามาสิ”
อูตงถือกล่องยาขนาดเล็กอยู่ในมือ นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ และสาวเท้าเข้ามาด้านในด้วยการย่างก้าวที่ค่อนข้างหนักอึ้ง
“นายท่าน ข้ามาเปลี่ยนยาให้” และถือโอกาส…ฟังคำพูดเหล่านั้นของเสิ่นอิงด้วย
นางคิดไม่ถึงเลย สตรีแซ่อวี้ผู้นั้นมาที่นี่แค่หนึ่งวัน แต่ทำให้เสิ่นอิงประเมินนางในทางที่ดีได้มากขนาดนี้ ฟังความหมายจากคำพูดของนายท่าน ดูเหมือนว่าเขาเองก็ชื่นชมความสามารถของนางมากเช่นกัน หากตรวจสอบเจอว่าวัตถุประสงค์ของสตรีแซ่อวี้ผู้นั้นไม่ได้มีเรื่องไม่ดี เกรงว่า…
ถึงเวลานั้น ทั่วทั้งจวนโม่ไหนเลยจะมีตำแหน่งให้อูตงอย่างนาง?
ไม่ได้การ นางจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด นางไม่ยอมให้สตรีแซ่อวี้ผู้นั้นอยู่ในจวนโม่ และอยู่ข้างกายนายท่าน นางรักษาเผิงอิงได้สินะ? นางเองก็อยากเห็นเช่นกัน สตรีแซ่อวี้นั่นจะทำให้เผิงอิงมีชีวิตต่อไปได้เยี่ยงไร
เย่ซิวตู๋เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ มองดูกล่องยาขนาดเล็กในมือของอีกฝ่ายปราดหนึ่ง แต่กลับหมุนกายลุกขึ้น “ข้าเปลี่ยนยาเองแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”
อูตงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ร่างกายแข็งทื่อทันใด “นายท่าน บาดแผลบนตัวของท่านรุนแรงมาก ท่านลงมือด้วยตนเองอาจทำให้บาดแผลถูกดึงจนตึง อาจทำให้…”
“แผลไม่ได้ปริ เจ้ากลับไปเถอะ” เย่ซิวตู๋หันหลังให้นางแล้ว ท่าทางของเขาดูไม่อยากจะสนทนากับนางต่อ
อูตงถึงกับสีหน้าดูไม่จืดทันที นายท่านไม่ยอมให้สตรีผู้ใดเข้าใกล้เขามาก่อน ตั้งแต่นางติดตามนายท่าน นายท่านไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่ากับเมื่อวานมาก่อน ด้วยเหตุนี้เมื่อวานจึงเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวที่นางได้ใกล้ชิดนายท่าน
เดิมทีนางคิดว่าช่วงเวลาล้างแผลในทุก ๆ วัน นางและนายท่านน่าจะใกล้ชิดกันมากอีกหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่านี่แค่วันที่สอง นายท่านก็ลงมือทำด้วยตนเองแล้ว นางที่เป็นลูกศิษย์ของหมออาวุโสฉงซานคนนี้อยู่ในจวนโม่จะไปมีประโยชน์อันใด?
อูตงรู้สึกไม่เต็มใจ ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทำได้เพียงแค่เม้มปากแน่นและเดินออกจากห้องเย่ซิวตู๋ด้วยท่าทางแข็งทื่อ
เย่ซิวตู๋กุมหน้าอก ลุกขึ้นยืนอย่างเฉยเมย
แดดเริ่มร้อนจ้าแล้ว เย่ซิวตู๋สั่งให้ผู้พิทักษ์ทมิฬเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเดินทางกลับเมืองหลวงในอีกไม่กี่วัน จากนั้นก็เดินกลับเข้าห้องตำรา นั่งอยู่ในนั้นตลอดทั้งเช้ากว่าจะออกมา
เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่เขาเพิ่งเดินออกมา ก็พบว่าสีหน้าของพ่อบ้านจวนโม่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าซีดเซียว “นายท่าน เกิดเรื่องแล้วขอรับ”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านเผิง…สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดี ดูเหมือนว่าเมื่อวานคุณหนูแซ่อวี้จะใส่ยาพิษอีกชนิดเข้าไป”
ยาพิษอีกชนิด?
เย่ซิวตู๋หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขาก้าวเท้าลงบันไดหนึ่งก้าวและเอ่ยถามเสียงขรึมว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ เพียงแต่เมื่อครู่จู่ ๆ ท่านเผิงก็เริ่มอาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำคำโต สีหน้าก็ดูดำหมองลงอย่างหนัก แค่เห็นก็ทราบได้ว่าอาการทรุดลง สาวใช้ที่ดูแลท่านเผิงตกใจแทบแย่ นี่ก็รีบมาหาข้าน้อย ตอนที่ข้าน้อยไปดู ระหว่างทางได้เจอกับอูตงและท่านเหวิน อูตงดูอาการให้ท่านเผิงอยู่ครู่หนึ่ง และแจ้งว่าเป็นพิษอีกชนิดที่มีความซับซ้อนยิ่งกว่า หากมิอาจถอนพิษได้ภายในครึ่งชั่วยาม เกรงว่า…”
พ่อบ้านเหงื่อท่วมไปทั้งหน้า เมื่อครู่เขาวิ่งมาอย่างสุดกำลัง ตอนนี้ลมหายใจก็ยังไม่นิ่ง “ท่านเหวินโกรธมาก จึงถามสาวใช้ว่าเกิดอะไรขึ้น สาวใช้คนนั้นแจ้งว่าเมื่อเช้าอาการก็ยังดี ๆ อยู่ แต่หลังจากกินยาของแม่นางอวี้เข้าไปในช่วงเที่ยง ก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว”
เย่ซิวตู๋สีหน้าไม่สู้ดี เขาหมุนกายสาวเท้าไปที่จวนที่เผิงอิงพักอยู่
อวี้ชิงลั่ววางยาพิษ?
เย่ซิวตู๋ยิ้มด้วยรอยยิ้มเย็นชา เขาไม่คิดว่าสตรีผู้นั้นจะโง่เขลาเช่นนี้ กล้าลงมือกับเผิงอิงในจวนโม่ หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ เช่นนั้นคงไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตามากเกินไปหน่อยแล้ว
พ่อบ้านชะงัก และรีบสาวเท้าตามไปอย่างรีบร้อน
ใช้เวลาเดินไปได้ครึ่งชั่วยาม ก็พบเสิ่นอิงที่กำลังรีบมาเพราะได้ยินข่าวเรื่องนี้เช่นกัน ทั้งสามคนไม่พูดไม่จา เพียงแต่สาวเท้าไปด้านหน้าด้วยความเร่งรีบยิ่งขึ้น
“เผิงอิงอยู่ภายใต้การรักษาของเจ้ามาโดยตลอด ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว เจ้ายังจะหลุดพ้นอีกรึ?”
พวกเขายังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงตวาดด้วยความเกรี้ยวกราดของเหวินเทียน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายที่เขากำลังตะคอกใส่…คืออวี้ชิงลั่ว
เสิ่นอิงขมวดคิ้วมุ่น เขาหันไปมองเย่ซิวตู๋ปราดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึก เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
ทว่า ไม่ว่าจะคิดอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าอวี้ชิงลั่วจะทำเรื่องเช่นนี้ ไม่เพียงแต่นางและเผิงอิงที่ไม่มีความแค้นต่อกัน หากนางมีความคิดอยากปล่อยให้เผิงอิงตายจริง ๆ นางคงไม่ลงมือช่วยตั้งแต่แรก และไม่มีความจำเป็นต้องเลือกลงมือในตอนนี้ เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นการขุดหลุมฝังศพตนเองอย่างสมบูรณ์
เหวินเทียนคนที่นิ่งสงบมาโดยตลอดถึงกับโกรธเคืองขนาดนี้ อาจเพราะเกิดความกังวลจนจิตใจยุ่งเหยิงก็เป็นได้
…………………………
สารจากผู้แปล
น่าจะใช้วิธีพิษถอนพิษแหละมั้ง ไม่งั้นจะช่วยทำไมตั้งแต่แรก
สงสัยก็แต่อูตงนี่แหละที่แอบวางยาพิษเองหรือเปล่าแล้วใส่ร้ายว่าชิงลั่วเป็นคนทำ
ไหหม่า (海馬)