อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 177 ตัดสินใจแล้ว
ตอนที่ 177 ตัดสินใจแล้ว
ระหว่างที่หนานหนานพูด เขาก็ลากเย่หลานเฉิงให้ลุกขึ้นยืนด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะเดินไปที่ห้องเล็กทางซ้ายมือ
สิ่งแรกที่เดินมาถึง ปลายนิ้วมือก็แตะน้ำลายในปาก ก่อนจะเจาะหน้าต่างกระดาษอย่างช้า ๆ ดวงตากลมโตราวกับราวกับเม็ดองุ่นจ้องมองเข้าไปด้านใน
เพียงแต่ด้านในนั้นมืดตึ๊ดตื๋อ ดูไม่เหมือนกับมีคนอยู่ในนี้
หนานหนานส่ายหน้า ดึงตัวเย่หลานเฉิงไปยังห้องที่สองอย่างเงียบเฉียบ
เย่หลานเฉิงยังไม่หายจากอาการมึนงง โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินข่าวที่ว่าเคอกงกงถูกโบยด้วยไม้จนตายอยู่ด้านนอก ทำให้เขาเกิดอาการมึนงงไปชั่วขณะ หากไม่ใช่เพราะหนานหนานลากเขา เย่หลานเฉิงคงเกือบจะสะดุดขาล้มลงไปกองที่พื้นแล้ว
ทว่าท่าทางโซเซเช่นนี้ กลับทำให้เขาได้สติกลับมา
ตอนที่หันกลับมาเห็นท่าทางของหนานหนาน เขาก็รีบรั้งอีกฝ่ายไว้ ไอกระแอมเสียงเบากล่าวว่า “หนานหนาน ห้องเล็กเหล่านี้หากไม่ใช่ห้องของพวกคนรับใช้ก็อาจจะเป็นห้องไว้กินอาหารหรือไม่ก็สถานที่เก็บของ ท่านอาเจ็ดไม่ได้พักอยู่ในนี้หรอก…หนานหนาน? หนาน…”
“ชู่” จู่ ๆ หนานหนานก็ยกมือขึ้นมาปิดปากอีกฝ่าย รีบย่อตัวลงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
เย่หลานเฉิงเห็นท่าทางผิดปกติของหนานหนาน จึงรีบกดเสียงให้เบาลง กระซิบถามว่า “เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
หนานหนานเอียงศีรษะ ราวกับรู้สึกว่าเมื่อครู่ตนเองอาจตาฝาดไป หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง ชะโงกหน้ามองเข้าไปด้านในรูที่ถูกเขาเจาะ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก็รีบกลับมาย่อตัวลงใหม่อีกครั้ง
เย่หลานเฉิงตกใจไปกับอาการของหนานหนาน จึงกำนิ้วมือด้วยท่าทางตื่นตระหนกเช่นกัน
“หนาน…หนานหนาน เกิดอะไรขึ้น?”
“เสี่ยวเฉิงเฉิง เมื่อครู่…ดูเหมือนว่าข้าจะเห็นท่านลุงเสิ่นของข้า” หนานหนานขมวดคิ้ว เมื่อครู่เขาเห็นเสิ่นอิงจริง ๆ ตอนแรกนึกว่าตาฝาด จึงหันกลับไปดูอีกรอบ คนคนนั้นที่ถูกมัดติดกับชั้นวางของคือท่านลุงเสิ่นจริง ๆ
เพียงแต่ ท่านลุงเสิ่นมักอยู่ข้างกายท่านพ่อมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่ ทั้งยังถูกคนมัดตัวไว้อีก
หรือว่า เขาจะถูกคนจับตัวมา? เช่นนั้น…เช่นนั้นท่านพ่อรู้เรื่องนี้หรือยัง?
เย่หลานเฉิงเกิดเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาในหัวครั้งแล้วครั้งเล่า “ท่านลุงเสิ่น? ใครหรือ?”
“เขาเป็นผู้อารักขาข้างกายของท่านพ่…ท่านอาเย่ เป็นคนดีมาก ๆ เลย”
เย่หลานเฉิงชะงัก “เจ้าหมายถึงคนของท่านอาห้าของข้าหรือ?”
“อื้อ เขาถูกมัดติดกับชั้นวางของ ดูคล้ายกับถูกทารุณกรรมเลย” หนานหนานนั่งลงบนพื้น จับศีรษะเริ่มนั่งสมาธิ ถูกจับตัว ทักษะการต่อสู้ของท่านลุงเสิ่นยอดเยี่ยมขนาดนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกคนจับตัว
เช่นนั้นเขาต้องทำอย่างไร? ออกจากวังไปบอกท่านพ่อ? หรือจะเข้าไปช่วยด้วยตนเอง? หรือจะให้ไปบอกฮ่องเต้เพื่อให้ฮ่องเต้มาปล่อยตัวท่านลุงเสิ่น
ถึงอย่างไรในห้องนั้นก็ยังมีอีกสองคนที่กำลังเฝ้าจับตาอยู่
เย่หลานเฉิงเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ผู้อารักขาของท่านอาห้าถูกจับตัวอยู่ที่นี่? ท่านอาห้าก็เป็นบุตรชายของเหมิงกุ้ยเฟยมิใช่หรือ? เหตุใดเหมิงกุ้ยเฟยถึงได้จับตัวผู้อารักขาของท่านอาห้า
เด็กทั้งสองคนนั่งลงบนพื้นพร้อมกัน คนหนึ่งครุ่นคิดว่าจะช่วยเหลืออย่างไร ส่วนอีกคนกำลังนึกถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างคนเหล่านี้
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม กระทั่งฮ่องเต้จัดการเรื่องหลังจากนั้นภายในห้องบรรทมของเหมิงกุ้ยเฟยจนเสร็จ เด็กทั้งสองคนนี้ก็ยังนั่งอยู่บนพื้นในท่าเดียวกัน ไม่แม้แต่จะไหวติง
ฮ่องเต้ถึงกับมุมพระโอษฐ์กระตุกวูบ นึกถึงหนานหนานและเย่หลานเฉิงที่ไม่ได้สร้างปัญหาหรือมีการเคลื่อนไหวใด ๆ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเด็กสองคนนั้นคิดอะไรอยู่ บอกว่าจะช่วยฮ่าวถิงมิใช่หรือ? ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปนานขนาดนั้แล้ว ฮ่าวถิงทางฝั่งนั้นก็ยังเงียบไร้การเคลื่อนไหว ภายในลานที่อยู่ด้านนอกก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเด็กสองคนนั้น คงมิใช่ว่ากลับไปแล้วหรอกกระมัง?
เหมิงกุ้ยเฟยนั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างนิ่งเงียบ แม้ว่าเปลือกตาของนางจะเริ่มหนักอึ้งเพราะความง่วง แต่ก็พยายามทำให้ตนเองตื่นตัวไว้ นางอยู่กับฮ่องเต้มาหลายปีแล้ว ฮ่องเต้คิดอะไรนางก็พอจะคาดเดาได้ นางทราบดีว่าภายในพระทัยของฮ่องเต้คงกำลังเกิดความสงสัยเกี่ยวกับคำพูดของขันทีคนนั้น ในเวลานี้ ทางที่ดีที่สุดคืออยู่เงียบ ๆ ไว้ อย่าได้อธิบายอะไรให้มากมาย วิธีนี้จะช่วยคลายความสงสัยของฮ่องเต้ได้
ถึงอย่างไรฮ่องเต้ก็ยังรู้สึกกังวลใจอยู่ดี จึงโบกมือให้เหมียวกงกงออกไปดู
เหมียวเชียนชิวเดินออกจากประตู ก่อนจะตรงไปที่มุมมืดแห่งเดิมอีกครั้ง หลังจากได้ฟังสิ่งที่ผู้พิทักษ์ทมิฬเล่า สีหน้าพลันเกิดอารมณ์ความรู้สึกมากมาย
จะให้เขาไปกราบทูลความจริงกับฮ่องเต้ว่า ตอนนี้เด็กน้อยสองคนนั้นกำลังนั่งครุ่นคิดถึงปัญหาอยู่ที่ห้องทางซ้ายมือ?
จะให้เขาไปกราบทูลความจริงกับฮ่องเต้ว่า พวกเขานั่งอยู่อย่างนั้นมาครึ่งชั่วยาม โดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ?
จะให้เขาไปกราบทูลความจริงกับฮ่องเต้ว่า เด็กสองคนนั้นลืมไปแล้วว่าเป้าหมายที่เดินทางมาถึงที่นี่คืออะไร?
เหมียวเชียนชิวหมุนกายกลับมาด้วยท่าทางขมขื่น ตอนที่กลับมายืนอยู่ข้างพระวรกายของฮ่องเต้ เขาก็เล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากผู้พิทักษ์ทมิฬให้พระองค์ฟังไปหนึ่งรอบ มุมพระโอษฐ์ของฮ่องเต้ถึงกับขึงตึง รีบลุกขึ้นโดยพลัน
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงหันกลับมาตรัสกับเหมิงกุ้ยเฟยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ในเมื่อจับตัวนักฆ่าได้แล้ว กุ้ยเฟยก็รีบพักผ่อนให้สบายใจเถิด เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ยังไม่ได้จัดการ ต้องกลับแล้ว”
เหมิงกุ้ยเฟยย่อตัวลงเล็กน้อย ไม่ได้กล่าวรั้งให้อยู่ต่อ “หม่อมฉันน้อมส่งฝ่าบาทเพคะ”
ฮ่องเต้พยักหน้า หมุนกายออกไป
จนกระทั่งออกจากตำหนักอี๋ซิ่ง ความขุ่นเคืองเมื่อครู่ก็ถูกลมหนาวยามราตรีปัดเป่าเบา ๆ จนหายไปครึ่งหนึ่ง ท้ายที่สุดพระองค์ก็ยังไม่สบายพระทัยอยู่ดี ตรัสกำชับเหมียวเชียนชิวว่า “เชียนชิว เจ้าสั่งให้คนดูเด็กสองคนนั้นให้ดี หากยอมอยู่เฉย ๆ ไม่สร้างปัญหาอะไรก็แล้วไป แต่ถ้าคนของกุ้ยเฟยเจอตัวเมื่อไร สั่งให้ผู้พิทักษ์ทมิฬปรากฏตัวออกมา บอกว่าเราต้องการเจอเด็กสองคนนั้น แล้วพาตัวพวกเขากลับไป”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเข้าใจแล้ว”
จักรพรรดิจึงวางใจลง
เหมิงกุ้ยเฟยมองดูเงาที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ใบหน้าไร้ซึ่งการแสดงออกทางอารมณ์ “เฟยเกอ เมื่อครู่เหมียวเชียนชิวออกไปทำอะไรข้างนอกห้อง?”
“รายงานเหนียงเหนียง เมื่อครู่เหมียวกงกงไปที่ด้านนอกประตูเล็กข้าง ๆ ห้องนอน คาดว่าน่าจะไปพบกับผู้พิทักษ์ทมิฬของฝ่าบาทเพคะ” เมื่อเทียบกับเจี่ยนเซียง เฟยเกอคือนางข้าหลวงข้างกายที่มีทักษะการต่อสู้ที่หาได้ยากยิ่ง
เหมิงกุ้ยเฟยพยักหน้า “ได้ยินหรือไม่ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน?”
เฟยเกอรีบคุกเข่าลง “หม่อมฉันสมควรตาย วรยุทธ์ของผู้พิทักษ์ทมิฬคนนั้นไม่น้อยเลย บ่าวจึงไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไปเพคะ”
“ลุกขึ้นเถิด เราเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าคอยเฝ้าจับตาอยู่ด้านนอกก็แล้วกัน”
“เพคะ” เจี่ยนเซียงและเฟยเกอพยักหน้า ก่อนจะหันสบตากัน หลังจากช่วยปรนนิบัติถอดชุดให้เหมิงกุ้ยเพื่อเข้านอน ก็ทำการดับไฟและถอยออกจากห้องอย่างเงียบ ๆ
ฮ่องเต้เสด็จกลับไปแล้ว เหมิงกุ้ยเฟยก็พักผ่อนแล้ว แม้ว่าทหารยังคงเฝ้าระวังนักฆ่าอย่างจริงจัง ทว่าบรรยากาศกลับไม่ได้ตึงเครียดเหมือนเมื่อครู่แล้ว
หนานหนานนั่งอยู่นาน ในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ว่าขาทั้งสองข้างชาจนแข็งไปหมด ใบหน้าพลันบิดเบี้ยวขณะล้มลงไปกองที่พื้น
เย่หลานเฉิงได้สติกลับมาในทันที จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บแปล๊บไปทั้งตัว ราวกับถูกลงโทษอย่างไรอย่างนั้น
หนานหนานนอนขดตัวอยู่บนพื้นราวกับหนอนตัวหนึ่ง จนกระทั่งสบายตัวแล้ว จึงถอนหายใจออกมา ดวงตาเป็นประกายขณะมองเย่หลานเฉิง กระซิบเสียงเบาว่า “เสี่ยวเฉิงเฉิง ในที่สุดข้าก็ตัดสินใจได้แล้ว”
“ตัดสินใจอะไร?”
หนานหนานกำหมัดด้วยท่าทางราวกับมีความชอบธรรมอย่างยิ่งยวด “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไปช่วยท่านลุงเสิ่นออกมาเอง”
มีเพียงวิธีนี้ ที่จะทำให้อวี้ฉิงหนานอย่างเขาได้แสดงความสามารถอันมากล้น นี่แหละถึงจะทำให้ท่านแม่เปลี่ยนมุมมองมองเขาใหม่
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เจ้าเด็กเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว คอยดูต่อไปค่ะว่าจะช่วยเสิ่นอิงออกมายังไง
ไหหม่า(海馬)