อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 186 เสียหน้า
ตอนที่ 186 เสียหน้า
เสียงของรัชทายาทสูงขึ้นเล็กน้อย ท่าทางเย่อหยิ่งนั้นเป็นรูปแบบเฉพาะของเหล่าลูกหลานในราชวงศ์ส่วนใหญ่จริง ๆ
ทว่าเมื่อคำพูดนี้มาถึงหูของอวี้ชิงลั่ว มันกลับทำให้นางหงุดหงิดไม่น้อย รัชทายาททำตัวไร้เหตุผลขนาดต้องถ่อมาถึงตำหนักอ๋องซิวแห่งนี้เชียว
“รัชทายาท ในเมื่อน้องห้าไม่อยู่ที่ตำหนัก พวกเราก็กลับกันเถอะเพคะ วันหน้าค่อยมาใหม่ หากท่านไม่ชินกับน้ำชานี้ กลับไปถึงตำหนักรัชทายาท หม่อมฉันจะให้คนชงน้ำชาดี ๆ ให้…”
เสียงที่ฟังดูนุ่มนวลอีกเสียงดังอยู่ข้างหูอวี้ชิงลั่วอย่างฉับพลัน คำพูดนี้ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกสุขใจ และมีความไพเราะเสนาะหู
อวี้ชิงลั่วหันไปมองพ่อบ้านหยาง กระซิบถาม “คนที่พูดคือไท่จื่อเฟย?”
“ขอรับ” พ่อบ้านหยางพยักหน้าเบา ๆ
อวี้ชิงลั่วเข้าใจได้ ได้ยินมาว่าไท่จื่อเฟยเป็นคนอยู่เป็น หลายปีมานี้หากรัชทายาทไม่มีพระชายาคนนี้คอยอยู่ข้างกาย เกรงว่าคงไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบได้
มีไท่จื่อเฟยอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าสถานการณ์คงไม่เลวร้ายเกินไป
ขณะที่อวี้ชิงลั่วคิดจะก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน ในเวลานี้เสียงแหลม ๆ ของสตรีอีกคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา “ไท่จื่อเฟยพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก รัชทายาทมาเยือนถึงที่นี่ ท่านอ๋องซิวไม่อยู่ก็นับว่าเสียมารยาทมากพออยู่แล้ว อีกอย่างบ่าวรับใช้ของตำหนักอ๋องซิวแห่งนี้ต่างก็ทำตัวไม่รู้ความกันสักคน รัชทายาทอยู่ที่นี่ยังกล้าดูถูกเช่นนี้ อีกอย่างน้ำชานี่ก็รสชาติแย่มาก รัชทายาทของเราเป็นนายท่านที่อยู่ต่ำกว่าคนเพียงคนเดียวแต่อยู่สูงกว่าคนนับหมื่น จะให้ดื่มชาคุณภาพแย่เช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง พ่อบ้านหยางจึงกระซิบอธิบายข้างหูของนาง “คนนี้คืออนุชายาคนใหม่ของรัชทายาท ได้ยินมาว่านางทำให้รัชทายาทมีความสุขอย่างมาก รัชทายาทไปที่ใดก็จะมีนางติดตามไปด้วย ความเย่อหยิ่งของนางจึงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อครู่ตอนที่อยู่หน้าประตู ก็เป็นนางนี่แหละขอรับที่ดึงรัชทายาทเข้ามา”
หากไม่มีสตรีผู้นี้อยู่ที่นี่ ดูจากความกล้าหาญของรัชทายาทแล้วเขาคงไม่กล้าบุกเข้ามา กอปรกับคำพูดโน้มน้าวใจของไท่จื่อเฟยที่อยู่ข้าง ๆ บางทีตอนนี้คงกลับไปแล้ว
การมีเจ้านายอยู่ไม่สุขเช่นนี้ อีกทั้งสถานะของรัชทายาทยังนับว่าสูงส่ง ในเมื่อมาถึงแล้วจะมีเหตุผลอะไรให้กลับไปมือเปล่า จึงลากรัชทายาทให้เข้ามาด้านใน
คนในตำหนักอ๋องซิวนั้นแตกต่างจากตำหนักอื่น พวกเขาไม่สนใจอะไรใดๆ หากจะเป็นการสร้างความขุ่นเคืองให้คนอื่น ๆ ต่อให้รัชทายาทมาถึงที่นี่พวกเขาก็กล้าลงมือขัดขวาง ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็กำชับไว้แล้ว ใครกล้าบุกเขามาให้ทุบไล่ตะเพิดออกไปได้เลย
รัชทายาทอยากเข้ามา ผู้เฝ้าประตูเหล่านั้นมีความคิดจะลงมือ แต่เป็นเพราะพ่อบ้านหยางห้ามไว้
ถึงอย่างไรภายในตำหนักแห่งนี้ พ่อบ้านหยางก็ได้รับความไว้วางใจจากท่านอ๋อง และทราบดีว่าตอนนี้นายน้อยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉิงซื่อจื่อ เป็นเพราะเขาเห็นแก่หน้าของเฉิงซื่อจื่อ จึงเชิญให้อีกฝ่ายเข้ามา ใครจะไปคิดว่ารัชทายาทที่ไม่กล้าแม้แต่จะเถียงด้วยเหตุผลในวันปกติ ตอนนี้จะเรียนรู้หาวิธีเอาผิดแล้ว
อวี้ชิงลั่วถึงกับเดาะลิ้นจนเกิดเสียง เสน่ห์ของสตรีช่างร้ายกาจไม่น้อยจริง ๆ ทำให้นิสัยของคนคนหนึ่งเปลี่ยนไปได้อย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าสตรีผู้นี้คงมีความงดงามมาก
น่าเสียดายไท่จื่อเฟย ความพยายามทั้งหมดที่ทำไว้ถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปด้านในห้องโถงด้านหน้าต่อ
ไท่จื่อเฟยดูหมิ่นที่สตรีผู้นั้นพูดมาก แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการยั่วโมโหรัชทายาททำให้เขาเกิดความฉุนเฉียวขึ้นมาอีก ด้วยเหตุนี้จึงกระซิบโน้มน้าวใจรัชทายาทว่า “ของที่อยู่ในตำหนักอ๋องซิวจะเป็นของคุณภาพแย่ได้อย่างไรกันเพคะ? รัชทายาท น้องห้าอยู่ข้างนอกตลอดทั้งปี บางทีเขาอาจได้ชาดี ๆ ที่หาได้ยากมาต้อนรับพวกเราก็เป็นได้นะเพคะ เราทำแบบนี้คงเป็นการเข้าใจความปรารถนาดีของน้องห้าผิด หม่อมฉันลองดื่มใบชานี้ดูแล้ว กลับรู้สึกสดชื่นมากเลยนะเพคะ”
“ไท่จื่อเฟยฉลาดปราดเปรื่องจริง ๆ” อวี้ชิงลั่วเดินเข้ามาเคล้ารอยยิ้ม เมื่อได้ยินคำพูดของสตรีผู้นั้นเมื่อครู่ และได้ยินคำพูดโน้มน้าวใจของไท่จื่อเฟย ภายในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
นางสาวเท้าเข้ามาด้านในห้องโถงด้านหน้า มุมปากกระตุกเป็นเส้นโค้งเบา ๆ อารมณ์ท่าทางสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย ทว่ากลับดูมีพลังจนน่าทึ่ง ทำให้คนมิอาจเพิกเฉยได้
พ่อบ้านหยางแอบแค่นเสียงเย็นใส่รัชทายาทและคนเหล่านี้อยู่ในใจ แต่ก็เดินตามหลังอวี้ชิงลั่วเข้ามาด้านในอย่างระมัดระวัง
รัชทายาทและอีกสองคนที่เหลือได้ยินเสียงนี้ต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ รีบหันมองไปตามต้นเสียง ก็พบกับสตรีชุดสีขาวผู้ดูเย็นชาทว่ากลับมีพลังที่มิอาจเพิกเฉยได้กำลังเดินเข้ามาด้านในห้องโถงด้วยท่าทางสง่างาม ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด
ในทางตรงกันข้าม รัชทายาทได้เห็นนางก็แอบเกิดอาการประหม่าเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองรัชทายาทปราดหนึ่ง ก่อนจะหันมองไปทางไท่จื่อเฟย กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ไท่จื่อเฟยช่างเข้าถึงสุนทรียภาพของรสชาติชายิ่งนัก ใบชานี้ไม่ใช่สิ่งที่เมืองหลวงแห่งนี้มี ไม่สิ ควรพูดว่าทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีชาชนิดนี้ขาย มีแค่ตำหนักอ๋องซิวเท่านั้นที่มีเก็บไว้สองสามกล่อง ท่านอ๋องโปรดปรานชานี้อย่างมาก”
นี่เป็นของจากเจียงเฉิง อันที่จริงเป็นใบชาที่ไม่ถึงกับเป็นใบชาระดับสูง ทว่ารสชาติเมื่อได้ลิ้มลองกลับไม่ได้เลวร้าย อย่างน้อย ๆ อวี้ชิงลั่วก็ชื่นชอบ
ทว่าเย่ซิวตู๋กลับไม่ชอบ คนคนนั้นชอบดื่มน้ำเปล่า แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวคนวางยาพิษหรือเพราะเหตุผลใด แค่น้ำที่อยู่ในแก้วมีกลิ่นแปลก ๆ นิดหน่อย เขาก็ไม่ยื่นมือไปสัมผัสแล้ว อืม นอกเสียจากอยู่ต่อหน้านาง คาดว่าคงคิดว่านางเป็นหมอปีศาจ ต่อให้โดนยาพิษก็ยังมีคนรักษา
ไท่จื่อเฟยชะงัก แต่ก็ยังแย้มยิ้มให้อวี้ชิงลั่วเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นดูคล้ายกับเย่หลานเฉิง ทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนและสบายใจอย่างมาก
เพียงแต่อนุชายาที่อยู่ข้าง ๆ กลับทนไม่ไหว นางใช้สายตากวาดมองอวี้ชิงลั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า ขมวดคิ้วถามว่า “เจ้าเป็นใคร? รัชทายาทและไท่จื่อเฟยกำลังคุยกัน กล้าดีอย่างไรถึงได้พูดแทรก?”
อวี้ชิงลั่วรำคาญสตรีไร้ความสามารถที่เอาแต่ทำตัวอวดดีคิดว่าตนเองเก่งกาจมากที่สุด นางจึงหันกลับมายิ้มเยาะ “แล้วเจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาส่งเสียงพูดอยู่ที่นี่? มีที่ให้เจ้านั่งด้วยรึ?”
เป็นแค่อนุชายาคนหนึ่ง ยังกล้ามานั่งข้าง ๆ รัชทายาท ทั้งยังคิดว่าตนเองมีสถานะสูงส่ง ช่างน่าขันสิ้นดี
“ข้า…” จ้าวผิงถึงกับดีดตัวขึ้นด้วยความโกรธ ใช้มือทั้งสองข้างคว้าแขนเสื้อของรัชทายาทพูดอย่างไม่พอใจว่า “รัชทายาท ท่านดูสตรีผู้นี้สิเพคะ ไม่เพียงแต่ทำตัวไร้มารยาทไม่รู้จักกฎเกณฑ์ต่อหน้าท่าน แต่ยังกล้าสั่งสอนหม่อมฉันต่อหน้าท่านอีก นางคิดว่าตนเองเป็นใครถึงไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา ท่านเป็นถึงรัชทายาทนะเพคะ แม้แต่สตรีคนหนึ่งยังกล้าดูหมิ่นท่าน หลังจากนี้จะสร้างบารมีได้อย่างไร มิเท่ากับปล่อยให้คนอื่นดูหมิ่นหรอกหรือ?”
จอมสร้างปัญหาจริง ๆ อวี้ชิงลั่วแอบครุ่นคิดเงียบ ๆ
ไท่จื่อเฟยเม้มปากด้วยสีหน้าขึงขัง “พอแล้วจ้าวผิง ที่นี่คือตำหนักอ๋องซิว เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำตัวกำเริบเสิบสาน ”
“รัชทายาท ท่านดูสิเพคะ แม้แต่ไท่จื่อเฟยก็รู้เช่นเห็นชาติกับคนนอกรังแกพวกเราทั้งสอง ไท่จื่อเฟยเป็นชายาของท่านนะเพคะ แม้แต่นางก็ยังไม่ยืนอยู่ข้างท่าน ไม่เห็นท่านอยู่ในสายตา ไม่แม้แต่จะไว้หน้าท่านด้วยซ้ำ”
คำพูดที่บอกว่าไม่ไว้หน้านั้นแทงใจดำรัชทายาทจริง ๆ เขาจึงก่นด่าด้วยความโกรธเคืองว่า “ไท่จื่อเฟย เราที่เป็นรัชทายาทยังไม่ได้พูดอะไร ต้องให้เจ้ามาพูดแทรกตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ครั้นกล่าวจบ ก็รีบหันมาลูบบ่าลูบหลังจ้าวผิงที่กำลังร้องห่มร้องไห้เบา ๆ กระซิบปลอบใจว่า “คนดี อย่าโกรธไปเลย ที่นี่ยังมีเราที่ให้ความเป็นธรรมกับเจ้าได้ อย่าร้องไห้เลย”
จ้าวผิงบีบน้ำตาด้วยท่าทางสะอึกสะอื้น ราวกับเป็นภรรยาน้อยที่ได้รับความอยุติธรรม
รัชทายาทพลันแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียง ก่อนจะหันมามองอวี้ชิงลั่วด้วยหน้าตาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นังขนมผิงนี่วอนหาเรื่องเสียแล้ว อย่าคิดว่าที่นี่คือตำหนักรัชทายาทนะ ท่านอ๋องซิวไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ขนาดฮ่องเต้มาเชิญยังปฏิเสธเลย
คาดว่าเข็มพิษในมือชิงลั่วคงสั่นหนักมาก
ไหหม่า(海馬)