อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 193 เขาจูบหูของอีกฝ่ายแล้ว
ตอนที่ 193 เขาจูบหูของอีกฝ่ายแล้ว
คนขับรถม้ากำลังพยายามควบคุมทิศทาง แต่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่แผดเผามาจากทางด้านหลังอย่างฉับพลัน ร่างกายเกิดอาการแข็งทื่อ หันหน้ากลับมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาเพราะความหวาดกลัว เมื่อเห็นท่าทางของเย่ฮ่าวหราน จึงเอ่ยถามด้วยท่าทางหวาดกลัว “ท่าน…ท่านอ๋องแปด มีอะไรหรือขอรับ?”
เย่ฮ่าวหรานขยับตัวมาด้านหน้าครึ่งหนึ่ง พึมพำบางอย่างข้างหูเขาเพียงไม่กี่ประโยค คนขับรถม้าจึงพยักหน้าตอบอย่างไม่หยุด ก่อนจะกลับเข้ามานั่งด้านในรถม้าอีกหน
ใครจะไปคิดว่าตอนที่หันกลับมา เขาก็พบว่าเด็กสองคนนี้กำลังสำรวจเขาด้วยท่าทางสงสัย
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเย่ฮ่าวหรานถึงได้รู้สึกมีความผิดอย่างบอกไม่ถูก จึงกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่อยู่ เอ่ยถามไปว่า “พวกเจ้ามองเราทำไม?”
หนานหนานไม่ตอบ เพียงแต่ดึงแขนเสื้อของเย่หลานเฉิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กระซิบว่า “เสี่ยวเฉิงเฉิง อาแปดของเจ้าไปแสดงความรักกับคนขับรถม้าจริง ๆ ด้วย เมื่อครู่ข้าตาไม่ฝาดหรอก ข้าเห็นเขาจูบหูของลุงคนขับด้วยล่ะ”
โชคดีที่ตอนนั้นเขาหันกลับมามองได้ทันเวลา มิเช่นนั้นเขาคงได้พลาดฉากเด็ดเช่นนี้ไป
“……”
“!!!!”
ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ นี่เจ้าตาบอดถึงขั้นเห็นข้าไปจูบหูของคนอื่นรึ? เย่ฮ่าวหรานแอบกุมหน้าอกเงียบ ๆ พิงเข้ากับขอบรถม้า หลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์
“ข้าไม่ได้จูบเขา ข้าเพียงแค่…เพียงแค่คุยธุระกับคนขับเพียงเล็กน้อยก็เท่านั้น”
“ท่านอย่าอธิบายเลย ท่านแม่เคยบอกว่าอธิบายก็คือการปิดบัง” หนานหนานโบกมือ “ท่านอย่าได้เป็นกังวล เรื่องระหว่างพวกท่านข้าไม่แพร่งพรายออกไปหรอก แต่ท่านก็ต้องให้ค่าปิดปากพวกเรานิด ๆ หน่อย ๆ ด้วยนะ อืม…ส่วนของเสี่ยวเฉิงเฉิงเอามาให้ข้าก็ได้ ถึงอย่างไรของของเสี่ยวเฉิงเฉิงก็เป็นของข้าอยู่แล้ว แต่ของของข้าก็ยังเป็นของของข้า”
เย่ฮ่าวหรานแทบจะธาตุไฟเข้าแทรก หายใจไม่ออกจนเจียนจะตายอยู่แล้ว เจ้าเด็กคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใครกันแน่ เหตุใดเสด็จพ่อถึงให้เขาพาเด็กสองคนนี้ออกมา? นี่เหมือนกับเป็นการทรมานเขาอย่างหนึ่งเลย รู้บ้างหรือไม่?
เย่หลานเฉิงพอจะมองออกว่าเย่ฮ่าวหรานโกรธไม่น้อยแล้ว เขาจึงรีบยกมือขึ้นมาปิดปากหนานหนานไม่ให้อีกฝ่ายพูดพล่ามออกมาอีก เพื่อป้องกันไม่ให้อาแปดโกรธจนโยนพวกเขาทั้งคู่ออกไป
“อาแปด แฮะ ๆ ท่านอย่าได้โกรธเคืองเลย พวกเราก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง” ตอนนี้พวกเขาอยู่ข้างนอก หากถูกทิ้งไว้บางทีอาจหาทางกลับไม่เจอ ดังนั้นจึงมิอาจสร้างความขุ่นเคืองให้อาแปดได้ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เย่ฮ่าวหรานค่อนข้างรู้สึกดีกับคำพูดของเย่หลานเฉิง เพื่อป้องกันมิให้เขาต้องถูกเจ้าสหายเด็กคนนั้นทำตัวน่ารำคาญใส่อีก เขาจึงพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
หนานหนานดึงมือของเย่หลานเฉิงออก หลังจากเช็ดปากก็เริ่มกินถังหูลู่เย็นต่อ ช่างเถอะ คิดเสียว่าเห็นแก่หน้าของเสี่ยวเฉิงเฉิงก็แล้วกัน ไม่พูดอะไรแล้ว กินของกินต่อดีกว่า
ทว่า ตอนที่เขาเพิ่งจะกินไปได้สองคำ จู่ ๆ เขาก็นึกถึงกลิ่นนั้นตอนที่เพิ่งเปิดม่านรถม้า ดวงตาพลันสว่างไสวขึ้นอีกหน เขารีบเปิดม่านรถอีกครั้งพร้อมกับชะโงกหน้าออกไปด้านนอก
ทว่าตอนที่เห็นเขาก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา ที่นี่ไม่ใช่ถนนใหญ่ที่มีของกินทั้งยังมีความครึกครื้นทั่วทุกหนแห่งเมื่อครู่ กลับกลายเป็นสถานที่ห่างไกลและวังเวง แม้ว่าบนถนนจะกว้างขวางแต่กลับไม่มีใครอยู่บนถนนแม้แต่คนเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารที่มีกลิ่นหอมเหล่านั้น
ที่นี่ช่างแปลกนัก ไม่ใช่ว่าจะไปโรงเตี๊ยมหรอกหรือ? สถานที่แห่งนี้ยิ่งขับก็ยิ่งคล้ายป่าเล็ก ๆ ที่มีผู้คนน้อยนิด
หนานหนานหรี่ตาลง ก่อนจะถลึงตามองเย่ฮ่าวหรานด้วยท่าทางตื่นตัว “พูดมา ท่านคงไม่ได้คิดจะพาพวกเรามาที่สถานที่ปลีกวิเวกแล้วฆ่าทิ้งใช่หรือไม่? หรือเห็นว่าพวกเราสองคนหน้าตาดูฉลาดหลักแหลมมีใบหน้าหล่อเหลาราวผกาและงดงามราวจันทรา ทั้งยังมีความสง่างามไม่ธรรมดา จึงตัดสินใจจะขายพวกเราให้คนอื่นเพื่อแลกกับเงินก้อนโต? อ๋อ ๆๆๆ มิน่าเล่า เมื่อครู่ถึงได้ยอมควักเงินออกมาโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา ที่แท้ก็เป็นเพราะมีความคิดอยากจะหว่านแหเพื่อจับปลาตัวใหญ่นี่เอง”
เย่ฮ่าวหรานนับถือเขาเลย ตอนที่พูดคำพูดเช่นนี้ ยังมีเวลาคิดสำนวนมากมายขนาดนั้นออกมาสรรเสริญตนเองอย่างเป็นการเป็นงาน นี่เขาจริงจังจริง ๆ หรือ?
เย่หลานเฉิงกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ “หนานหนาน นี่เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่หรือ?”
“เสี่ยวเฉิงเฉิงไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง หากเขาทำอะไรไม่ดีกับเจ้า ข้านี่แหละที่จะทุบเขาให้กลายเป็นหัวหมู แม้แต่พ่อกับแม่ของเขาก็จำไม่ได้”
“เอ่อ หนานหนาน ท่านอาแปดไม่ทำอะไรพวกเราหรอก” นี่เป็นเพราะเสด็จปู่สั่งให้ท่านอาแปดพาพวกเขาออกมา ท่านอาแปดจะทำเรื่องไม่ดีกับพวกเขาได้อย่างไรกัน?
หนานหนานรู้สึกเกลียดที่มิอาจหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ “เสี่ยวเฉิงเฉิงเจ้าอย่าทำตัวไร้เดียงสาเกินไปหน่อยเลย เจ้าดูด้านนอกสิ พวกเราถูกพาไปในที่ที่ไม่รู้จัก ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนบอกเองว่าจะพาพวกเราไปที่โรงเตี๊ยมอะไรนั่น แต่สถานที่แห่งนี้กลับไม่มีแม้แต่เงาของมนุษย์ จะมีโรงเตี๊ยมได้อย่างไรกัน?”
เย่หลานเฉิงชะงัก แหวกม่านดูก็ถึงกับตกใจขึ้นมาจริง ๆ สถานที่แห่งนี้ช่างวิเวกวังเวง รอบข้างมีต้นไม้สูงใหญ่ ไม่มีมนุษย์ให้เห็นแม้แต่คนเดียว
น่าแปลก ท่านอาแปดพาพวกเขามาทำอะไรที่นี่?
เย่ฮ่าวหรานไม่อยากอธิบายถึงปัญหานี้เลยจริง ๆ ทว่าเมื่อเห็นท่าทางตื่นตัวเช่นนี้ของเด็กทั้งสอง เขาจึงกระแอมในลำคอ ก่อนจะยืดตัวตรงเล็กน้อยเพื่อให้ดูมีจิตใจและภาพลักษณ์ของความเป็นท่านอา กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “คือเช่นนี้ เวลาของพวกเราเหลืออีกไม่มากแล้ว ถนนเส้นนี้ค่อนข้างใกล้กับโรงเตี๊ยมเยว่หมิง ดังนั้นเราจึงสั่งให้คนขับรถม้าเปลี่ยนเส้นทางมาวิ่งเส้นนี้แทน”
คนขับรถม้าที่กำลังควบคุมม้าอยู่ด้านนอกถึงกับมุมปากกระตุกวูบ ท่านอ๋องแปดกลัวว่าหากยังอยู่บนถนนเส้นนั้นต่อไป สหายเด็กคนนั้นคงเรียกร้องให้หยุดรถเพื่อลงไปซื้อของกินบ่อย ๆ ทั้งยังหยิบ ๆ เลือก ๆ และต่อรองราคาไม่หยุด หากยังเสียเวลาต่อไปเช่นนี้ เกรงว่ากว่าพวกเขาจะไปถึง โรงเตี๊ยมทางฝั่งนั้นคงแยกย้ายกันหมดแล้ว
ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดเวลา ท่านอ๋องแปดจึงสั่งให้เขาอ้อมเข้ามาวิ่งบนถนนในป่าที่มีความปลีกวิเวก สถานที่ที่ไม่มีคนเช่นนี้ย่อมไม่ต้องหยุดเพื่อซื้อของ ต่อให้ใครบอกว่าเส้นนี้จะไกลกว่าปกติเล็กน้อย แต่ท่านอ๋องแปดกลับคิดว่าคุ้มค่า
หนานหนานไม่เชื่อคำพูดของเย่ฮ่าวหราน เขาเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “เหอะ ท่านเห็นว่าข้าเป็นพวกบ้านนอกไม่เคยออกเดินทางไกลงั้นหรือ?…เอ่อ เสี่ยวเฉิงเฉิง ข้าไม่ได้หมายถึงเจ้านะ”
“…” เย่หลานเฉิงหน้าดำอึมครึม หากเขาไม่อธิบายก็คงไม่เป็นอะไร แต่พอได้อธิบายก็ให้ความรู้สึกราวกับว่ายิ่งปกปิดยิ่งเปิดเผยเสียอย่างนั้น
หนานหนานเชิดคางขึ้น ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกมือขึ้นมาทำท่าป้องกัน “ถนนเส้นนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นถนนสำหรับพาเด็กที่มีความหล่อเหลาและสง่างามอย่างข้ามาขายโดยเฉพาะ ท่านกำลังหลอกข้า”
เย่ฮ่าวหรานอยากยกกำปั้นทุบพื้นเสียเหลือเกิน เขาขอซัดเจ้าเด็กนี่ให้สลบได้หรือไม่ ถึงอย่างไรก็เป็นแค่สหายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง หากอ๋องแปดอย่างเขาทำให้สหายตัวน้อยคนหนึ่งสลบหรือพิการก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ถูกต้องหรือไม่?
ตอนที่เย่ฮ่าวหรานกำลังคิดเรื่องชั่วร้ายอยู่ในหัว จู่ ๆ ด้านหลังของเขาก็มีเสียงรถม้าดังขึ้น เสียงวิ่งกุบกับช่างรวดเร็วและกำลังพุ่งตรงมาหาพวกเขา
เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น รถม้าคันนั้นดูเหมือนจะเสียการควบคุมและให้ความรู้สึกราวกับหยุดไม่ได้ ม้าจึงเกิดอาการโซเซขณะวิ่งเข้ามาชนพวกเขา
โชคดีที่คนขับรถม้ามีประสบการณ์โชกโชน เขารีบควบคุมทิศทางของรถม้า จึงไม่ได้ถูกชนเข้าอย่างเต็มแรง
ทว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ตัวรถของรถม้าคันนั้นก็ยังไถลมาทางนี้ กระแทกเข้าใส่อย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น ชนจนผงฝุ่นลอยกระจาย
หนานหนานกำลังยืนอยู่ด้านในรถ เมื่อรถเอนเอียงเช่นนี้ ร่างเล็ก ๆ ของเขาจึงยืนไม่อยู่ ร่างกายเอียงไปข้าง ๆ ตอนที่เห็นว่ากำลังจะชนเข้ากับเย่หลานเฉิง หนานหนานจึงรีบพลิกตัว ทว่าร่างกายของเขากลับควบคุมไม่อยู่ ร่างเล็ก ๆ จึงกระเด็นลอยออกจากหน้าต่างรถอย่างแรง…
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานอย่าพูดให้คิดไปไกลสิ ชื่อเสียงท่านอ๋องแปดป่นปี้หมดแล้ว
ใครลอบทำร้ายเนี่ย หนานหนานตกรถไปแล้วนะ
ไหหม่า(海馬)