อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 207 โห่ร้องยินดี
ตอนที่ 207 โห่ร้องยินดี
ตอนที่ 207 โห่ร้องยินดี
“หนานหนาน เหตุใดเจ้าจึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ?” เย่หลานเฉิงค่อย ๆ เก็บคางของตนกลับมา ผ่านไปพักหนึ่งจึงจะหาเสียงของตนเองพบ
เขาคิดว่าเรื่องนี้นั้นมันเป็นไปไม่ได้ ท่านน้าชิงเป็นหมอปีศาจหรือ? เช่นนั้นแล้วเสด็จปู่จะทราบหรือไม่? เสด็จปู่และเหมิงกุ้ยเฟยต่างก็เชื่อใจในตัวท่านเสิ่นมากว่าเขาจะเป็นหมอปีศาจ
เย่หลานเฉิงหันไปมองหนานหนาน และในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหนานหนานจึงเชื่อมั่นว่ามารดาของตนจะสามารถรักษาพิษนั่นได้
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
“ตึง ๆๆ ” หนานหนานหนานใช้มือเล็ก ๆ ของตนตบลงไปบนโต๊ะและชี้ไปทางห้องของข่งอวิ๋นเซิงด้วยความโกรธ “คาดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะบอกถึงตัวตนของท่านแม่ของข้าก่อน เป็นไปได้เช่นไร? เรื่องนี้ต้องเก็บไว้ให้ข้าเป็นคนพูด ข้าเองก็คิดมาอย่างดีแล้วว่าจะรอให้ท่านแม่ของข้าและหมอเถื่อนสกุลเสิ่นนั้นประลองจบ ข้าจะลงมาจากฟากฟ้า และหลังจากนั้นก็จะเปิดเผยตัวตนของชายสกุลเสิ่นผู้นั้น ทำให้เขาต้องอับอายขายขี้หน้าจนไม่สามารถที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้ เช่นนี้แล้วทุก ๆ คนก็จะรู้จักหนานหนานผู้นี้ใช่หรือไม่? ทุก ๆ คนในที่แห่งนี้ก็จะรู้ว่าข้าคือคนที่กระชากหน้ากากของหมอเถื่อนผู้นั้นใช่หรือไม่? แล้วตอนนี้ล่ะ? ความฝันของข้าได้พังทลายลงไปแล้ว ข้าเสียใจ เจ็บใจ เจ็บใจจนจะทนไม่ไหวแล้วล่ะเสี่ยวเฉิงเฉิง”
“เอ่อ…”เย่หลานเฉิงไม่รู้ว่าควรจะปลอบเด็กน้อยเช่นไรดี จึงทำได้แค่เพียงตบหลังเขาอย่างต่อเนื่องแล้วเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “นี่คือเหตุสุดวิสัย เป็นเหตุสุดวิสัยนะหนานหนาน ถึงอย่างไรท่านเสิ่นผู้นั้นก็ถูกเปิดโปงแล้ว ผลสุดท้ายก็ออกมาดีถูกต้องไหม?”
“ดีเช่นไรเล่า?” หนานหนานโบกมือขึ้นอย่างขุ่นเคือง “สิ่งที่สำคัญไม่ใช่หมอปีศาจผู้นั้นถูกเปิดโปง แต่เป็นข้า ข้ายังไม่ได้ปรากฏตัวเลย ยังไมไ่ด้ทำให้ทุก ๆ คนจดจำข้า ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะออกไปขัดจังหวะสักนิด”
ยิ่งหนานหนานเอ่ยออกมาเท่าไรก็ยิ่งเจ็บใจมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเอ่ยขึ้นก็ยิ่งรู้สึกว่าภายในใจมีเปลวไฟพุ่งออกมา
เย่หลานเฉิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดหนานหนานก็ไม่ได้ยืนหยัดเพื่อท่านน้าชิงจริงๆ
ช่วยไม่ได้ เย่หลานเฉิงเช็ดเหงื่อ ใครจะรู้ได้ว่ามือยังไม่ได้วางลง ก็ได้ยินหนานหนานทุบโต๊ะด้านหน้าขึ้นมาอีก เมื่อฟังดูแล้ว เย่หลานเฉิงก็เป็นกังวลเหลือเกินว่าเด็กชายจะร้องไห้ขึ้นมาเพราะว่าเจ็บมือ
“เป็นเพราะเจ้า” หนานหนานจ้องเย่หลานเฉิงด้วยความโกรธ “เป็นเจ้าที่ห้ามข้าไม่ให้ลงไปมาโดยตลอด ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว ความน่าเชื่อถือทั้งหมดถูกผู้อื่นคว้าไปแล้ว สวรรค์ใจร้ายเกินไปแล้ว
เย่ฮ่าวหรานพึ่งกลับมามีสติหลังทราบว่าอวี้ชิงลั่วเป็นหมอปีศาจ จากนั้นก็ได้ยินหนานหนานโวยวายด้วยความโกรธอย่างกะทันหัน ทันทีที่เงยหน้าไปมอง ก็พบว่าเด็กน้อยกำลังมุ่ยปาก ดวงตากลมโตเผยแววร่ำๆ จะร้องไห้ออกมา
เย่ฮ่าวหรานสำลักน้ำลายของตน วันนี้ชายหนุ่มมึนงงไม่น้อย อย่างแรกคือรู้ว่าหนานหนานเป็นบุตรของท่านพี่ห้า หลังจากนั้นก็ได้ทราบว่าอวี้ชิงลั่วเป็นหมอปีศาจ และไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีเรื่องราวใหญ่ ๆ อะไรถูกเปิดโปงอีก
เขารู้สึกว่าต่อให้เสด็จพ่อมอบหมายให้เขาลงมือทันทีที่มีโอกาส แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาเองก็เป็นกังวล…แม้แต่โอกาสที่จะออกไปก็ยังไม่มี
“หนานหนาน” เย่ฮ่าวหรานจับมือของหนานหนาน แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “เจ้าวางใจเสียเถิด เดี๋ยวก็จะมีโอกาสของเจ้าเอง”
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีก็ตาม แต่เมื่อการประลองจบลง เขาคงต้องให้หนานหนานปรากฏตัว ไม่เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหากเสด็จพ่อรู้ว่าตนนั้นขี้เกียจ
หนานหนานจ้องมองเขาด้วยความสับสน “จริงหรือ?”
“อื้ม”
“เช่นนั้นพวกเราลงไปกันเถอะ พวกเราสามารถกระหน่ำตีสุนัขที่ตกน้ำได้” หนานหนานอารมณ์ดีขึ้นมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเร็วกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก ทันทีที่เขาปล่อยมือของเย่ฮ่าวหราน เด็กน้อยก็วิ่งขึ้นไปปีนหน้าต่าง “ตอนนี้พวกเราจะกระโดดลงไปจากตรงนี้ เร็วกว่าลงบันไดเป็นอย่างมาก”
เย่ฮ่าวหรานใจเต้นแรงและรีบไปอุ้มเขากลับมา ชายหนุ่มมองดูสถานการณ์ข้างล่าง อดไม่ได้ที่จะขัดความตื่นเต้นของหนานหนานด้วยการกระแอมออกมา “หนานหนาน เจ้าดูสิ…ตอนนี้ท่านแม่ของเจ้ากำลังช่วยชีวิตคนนะ ถ้าจู่ ๆ พวกเราออกไปอย่างกะทันหัน มันก็จะเป็นการรบกวนแม่ของเจ้า จะทำให้นางใช้มีดอย่างระมัดระวังไม่ได้ เช่นนั้นจะทำให้คนทั้งหมดตำหนิแม่ของเจ้า แล้วยังมีเจ้ากับข้าอีกใช่ไหม? แล้วภาพการเป็นวีรบุรุษของเจ้าก็หายไป”
“…” หนานหนานกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ “จริงหรือ เหตุใดปัญหานี้ข้าจึงคิดขึ้นมาไม่ได้?”
เช่นนั้นก็ตอนนี้ก็ยังออกไปไม่ได้ ทำได้แค่รอให้ท่านแม่รักษาคนให้เสร็จก่อนจึงค่อยออกไป การรักษาของท่านแม่นั้นสุดยอด ก็ควรจะใช้เวลาไม่นาน
พอเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เด็กคนนั้นก็น่าเห็นใจเสียจริง ดูเหมือนอายุยังจะน้อยกว่าหนานหนานเสียอีก แต่กลับได้รับความทุกข์ทรมานเช่นนี้
ช่างเถอะ อย่างไรก็เป็นเด็กเหมือนกัน ปล่อยเขาไปอย่าไปรบกวนเขาเลย
หนานหนานพยักหน้า และเดินไปหยิบขนมบนโต๊ะ ก่อนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้
เย่หลานเฉิงกลัวท่วงท่าเช่นนี้ของเขาจริง ๆ ทำได้แค่เพียงจับเสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เด็กน้อยตกลงไป
โชคดีที่ท่านน้าชิงนั้นรวดเร็วและเก่งมาก เขาคิดว่ามันไม่น่าจะใช้เวลานานนักก็สามารถมารถช่วยชีวิตเด็กน้อยไว้ได้
อวี้ชิงลั่วกลับไม่รู้ว่ามีเด็กชายตัวเล็กที่อยู่ด้านบนนั้นต้องการปรากฏตัวออกมา ในตอนนี้นางกำลังจดจ่ออยู่กับการเย็บบาดแผลของเด็ก แล้วดึงเข็มที่ฝังอยู่ที่ศีรษะของเขาออก
เมื่อแต่งตัวให้เด็กน้อยจนเสร็จเรียบร้อย อวี้ชิงลั่วจึงค่อย ๆ ถอนหายใจออก ยื่นเข็มเงินอันสุดท้ายให้เหวินเทียนข้างกายนางซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการซับเหงื่อ
เช่นนี้เหวินเทียนจึงเข้าใจ ในฐานะหมอคนหนึ่ง การรักษาคนที่ใกล้จะตายนั้นเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ภายในใจเต็มไปด้วยความกดดัน มันหนักหนาสาหัสกว่าการเป็นองครักษ์มาก
อย่างน้อยที่สุด เขาป็นองครักษ์ของท่านอ๋องมาหลายปีแล้ว และเขาเองไม่เคยเหงื่อออกมากขนาดนี้ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม
ครึ่งชั่วยาม ถ้าเอ่ยขึ้นมันก็ไม่ได้ยาวนาน แต่กับผู้คนที่รอคอยนางอย่างเงียบ ๆ ก็นับว่าไม่สั้นแล้ว
ครั้นผู้คนตอนนี้เห็นอวี้ชิงลั่วเก็บมือกลับมา แต่ละคนต่างก็จ้องมองนางด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง ภายในใจมีคำถามมากมายแต่ก็ไม่สามารถถามขึ้นมาได้
กลับเป็นหญิงสาวผู้เป็นแม่ที่ได้สติขึ้นมาก่อน และรีบเดินผ่านท่านหมอเริ่นที่ขวางทางอยู่และโผเข้าหาเด็กน้อยอย่างรวดเร็ว และเห็นว่าใบหน้าของเด็กชายยังขาวซีดอยู่ แต่มันก็ดีกว่าผิวที่คล้ำจนน่ากลัวในตอนแรกเป็นอย่างมาก
หญิงสาวรีบหันมามองอวี้ชิงลั่ว “แม่…แม่นาง หงเอ๋อร์เขา…เขาจะฟื้นไหมเจ้าคะ?”
“อืม เจ้าวางใจเสียเถิด พิษในร่างกายของเขาออกมาหมดแล้ว อาจจะต้องรอจนมืดเขาจึงจะฟื้นขึ้นมา” อวี้ชิงลั่วให้เหวินเทียนไปตักน้ำมาให้ตนล้างมือ
เหวินเทียนลงมาจากลานประลองและทั่วทั้งโรงเตี๊ยมต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รอก่อนนะหนานหนาน ให้แม่ได้เฉิดฉายไปก่อนนะ ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้อย่าไปป่วนแม่เลย
ชิงลั่วรักษาได้แบบนี้ เชื่อว่าหมอเถื่อนคนนั้นไม่รอดแน่ค่ะ
ไหหม่า(海馬)