อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 209 จัดการเรื่องราว
บบที่ 209 จัดการเรื่องราว
ผู้คนต่างก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยความประหลาดใจ องค์ชายสาม องค์รัชทายาท และคนอื่น ๆ บนชั้นสองต่างก็ทนไม่ไหวที่จะยืนขึ้นมา
เมื่อสักครู่ได้ยินว่าท่านเสิ่นนั้นเป็นหมอปีศาจปลอมก็ทำให้ตกตะลึงเพียงพอแล้ว ตอนนี้ท่านอ๋องแปดจู่ ๆ ก็เผยตัวออกมา ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำสิ่งใด
เย่ฮ่าวหรานอุ้มหนานที่หยิ่งผยองและวางลงบนลานประลองด้วยท่าทางสง่างาม และเขาเองก็อยู่ห่างจากท่านเสิ่นเพียงแค่ไม่ถึงสองก้าวเท่านั้น
ชายหนุ่มปล่อยหนานหนานลงที่บริเวณโต๊ะด้านหน้าของท่านเสิ่น หลังจากนั้นจึงหันไปยิ้มให้กับเวยหย่วนโหว และย้ำขึ้นอีกครั้ง “ผู้ใดบอกว่าฝ่าบาทและกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงยอมให้เขาเป็น?”
เวยหย่วนโหวตกตะลึง “นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
เย่ฮ่าวหรานไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขาหันศีรษะชำเลืองมองเย่ซิวตู๋ที่ไม่ได้สนใจเรื่องราวใด ๆ และมุมปากของเขาก็กระตุก เหตุใดท่านพี่ห้าจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ต่อเขาที่อุ้มหนานหนานออกมาเช่นนี้กันเล่า?
ชายหนุ่มคิดพลางหันไปมองอวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วกลับขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่านางไม่คาดคิดว่าหนานหนานจะมาปรากฏตัวที่นี่ จึงจับจ้องไปที่เด็กน้อยอย่างไม่ละสายตา
หนานหนานรอคอยที่จะได้ปลดปล่อยในเวลานี้ รอคอยเวลาที่จะถูกผู้คนจับตามอง
ด้วยเหตุนี้เย่ฮ่าวหรานจึงวางเด็กน้อยไว้บนโต๊ะนั้น เด็กน้อยหันหน้าไปจ้องมองท่านเสิ่นอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น จนลืมมารดาของตนที่ยืนอยู่อีกฝั่งไปแล้ว
หนานหนานเข้าไปใกล้ใบหน้าของชายชรา แค่นลมหายใจออกอย่างเย็นชาไม่กี่ครั้ง “คนมีเมตตา? ถุย! ชอบธรรม? ถุย!! ซื่อสัตย์และกตัญญู? ถุย!!! คนอย่างเจ้าจะเหมาะสมกับหมอปีศาจได้เช่นไร?”
หนานหนานเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจและพ่นน้ำลายเต็มใบหน้าของท่านเสิ่น ทำให้เขาโกรธขึ้นมา “เจ้าพ่นน้ำลายใส่ข้าทำไม?”
“ข้าปากรั่ว ก็ต้องถุยสิถึงจะถูก” หนานหนานจ้องเขม็งมากยิ่งขึ้น
สีหน้าของท่านเสิ่นเปลี่ยนไป ชายชรายกมือขึ้นเงื้อจะตบกลับ
โม่เสียนก็มายืนอยู่ข้าง ๆ เขา จะปล่อยให้เขามีโอกาสลงมือทำร้ายองค์ชายน้อยได้เช่นไร จึงเข้าไปขวางและถีบท่านเสิ่นตกลงไปจากเวที
“เจ้ายังกล้าที่จะลงมืออีกหรือ?” เย่ฮ่าวหรานไม่กล้าให้หนานหนานได้รับอันตรายต่อหน้าเย่ซิวตู๋ “ตอนนี้เจ้าถูกเปิดโปงแล้ว เสร็จพ่อสั่งให้ข้าพาตัวเจ้าไป เจ้ายังกล้าที่จะไม่เจียมตัวอยู่อีกหรือ”
เพียงไม่นานในโรงเตี๊ยมก็เงียบสงบจนน่ากลัว ทุกคนต่างก็ตกตะลึงในคำพูดของเย่ฮ่าวหราน
เมื่อครู่ท่านอ๋องแปดกล่าวว่าอะไรนะ? ความหมายที่เขากล่าวคือฝ่าบาทและกุ้ยเฟยไม่รู้จักตัวตนของท่านเสิ่นในฐานะหมอปีศาจ? และสั่งให้จับตัวเขาเอาไว้?
แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าท่านเสิ่นผู้นี้ก็อยู่ในพระราชวัง และก็ถูกเหมิงกุ้ยเฟยเรียกว่าหมอเทวดาด้วย
ไม่เพียงแต่คนทั่วไปจะเกิดความสงสัย แม้แต่ขุนนางที่จัดการเรื่องต่าง ๆ ในพระราชวังก็ยังสับสนต่อคำพูดของท่านอ๋องแปด ตอนนี้ในราชวังมีใครบ้างที่ไม่รู้ถึงความสำคัญของท่านเสิ่นต่อเหมิงกุ้ยเฟย? ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าท่านอ๋องเจ็ดโดนวางยาพิษ เหมิงกุ้ยเฟยจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ แน่นอนว่าก็ต้องมีเวยหย่วนโหว
เวยหย่วนโหวจ้องมองเย่ฮ่าวหรานด้วยสายตาเย็นชา แล้วเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “ท่านอ๋องแปด บางอย่างก็ไม่สามารถพูดจาไร้สาระได้” ถ้าหากฮ่องเต้ไม่เชื่อมั่นในท่านเสิ่น จะให้เขามีอำนาจเข้าออกพระราชวังตามใจได้อย่างไร?
เย่ฮ่าวหรานค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นด้วยความเย่อหยิ่ง หลังจากนั้นก็หยิบพระราชลัญจกรออกมา ยืนอยู่ลานประลองและหันไปรอบ ๆ “นี่คือพระราชลัญจกรที่เสด็จพ่อประทานให้ วันนี้ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะคำสั่งของเสด็จพ่อเพื่อมาจัดการเรื่องราว”
เมื่อพระราชลัญจกรอยู่ที่ไหน ก็เหมือนกับฮ่องเต้อยู่ที่นั่น
ทุก ๆ คนต่างก็ตกใจ แต่ละคนก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น แม้แต่อ๋องและเหล่าขุนนางบนชั้นสองเองต่างก็คุกเข่าลงต่อหน้าพระราชลัญจกร และส่งเสียงร้องขอให้พระองค์อายุยืนยาว และเป็นที่ศรัทธา
อวี้ชิงลั่วไม่ต้องการที่จะคุกเข่า แต่ตอนนี้มีเพียงตนที่ยืนเด่นอยู่บนลานประลอง หญิงสาวจึงย่อเข่าลงและค่อย ๆ คำนับอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นจึงยืดตัวขึ้นมา
ทั่วทั้งโรงเตี๊ยมมีเพียงหนานหนานเท่านั้นที่มึนงงอยู่บนโต๊ะ เด็กน้อยยังคงยืนอยู่อย่างดุดันและจ้องมองท่านเสิ่นที่รีบคุกเข่าลงกับพื้น แต่ต่อมาเด็กชายก็ยกมือขึ้นอย่างภาคภูมิใจและเอ่ยขึ้นอย่างเสียงดัง “ทุกท่านยืนขึ้นเถิด”
“…”อวี้ชิงลั่วได้แต่ก้มศีรษะลงไปเงียบ ๆ และทำเป็นไม่รู้จักเด็กชาย
เย่วิวตู๋เองก็ได้แค่ทำเป็นแสร้งโค้งคำนับ และยังรีบเงยหน้าขึ้นมาเร็วกว่าอวี้ชิงลั่วเสียอีก เมื่อได้ยินเสียงของหนานหนาน แววตาของเขาเองก็หมดหนทางขึ้นมาทันที ชายหนุ่มจึงถอนหายใจและส่ายหน้าอย่างเงียบ ๆ
“อะแฮ่ม” เย่ฮ่าวหรานกระแอมออกมาเพื่อให้หนานหนานสำรวมเล็กน้อย อย่าทำตัวน่าอาย หลังจากนั้นจึงเก็บพระราชลัญจกรลงไปและให้ทุก ๆ คนลุกขึ้น
เวยหย่วนโหวมองหนานหนานอย่างเย็นชา และวิพากษ์วิจารณ์เขาเขา แต่ว่าเด็กผู้นี้เย่ฮ่าวหรานเป็นคนพามา แสดงว่าสถานะทางสังคมของเขาต้องไม่ธรรมดา เวลานี้ วินาทีนี้ ไม่ก่อเรื่องอะไรขึ้นมาจะดีที่สุด
เสนาบดีฝั่งขวายืนขึ้นอย่างสง่างามแล้วก้าวขึ้นมาเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องแปดได้รับคำสั่งให้มาทำเรื่องอันใด?”
“แน่นอนว่าคือ…เรื่องหมอปีศาจ”
เย่ฮ่าวหรานหันกลับมาแล้วเดินไปบริเวณด้านหน้าของท่านเสิ่นอีกครั้ง และเริ่มแสดงออกอย่างเยาะเย้ย “ท่านเสิ่นคิดจริง ๆ หรือว่าการกระทำของท่านนั้นสมบูรณ์แบบ สามารถทำให้ฝ่าบาทและกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเชื่อถือได้? ท่านเป็นหมอปีศาจหรือไม่ เสด็จพ่อได้ทราบตั้งแต่ต้นแล้ว”
“ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นเพราะข้าเอ่ยไป” หนานหนานเอ่ยขึ้นอย่างเสียงดังไร้ยางอายยิ่ง ทำให้ผู้คนพากันสนใจ
เย่ฮ่าวหรานกระตุกมุมปาก ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จริง ๆ แล้วหนานหนานจะเป็นคนบอกกับเสด็จพ่อ แต่ว่าเวลานั้นพระองค์ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อ ดังนั้นจึงได้สั่งให้ตนมาตรวจสอบในวันนี้
และผลของวันนี้…มันเกินความคาดหมายของทุก ๆ คนเสียจริง
สีหน้าของท่านเสิ่นนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก ขาทั้งสองข้างสั่นไหวราวกับว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาในสักวัน “เป็นไปไม่ได้ ฝ่าบาทและกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเชื่อมั่นในตัวข้าแน่นอน”
“เชื่อเจ้า? เชื่อเจ้าทำไม?” เย่ฮ่าวหรานเอ่ยอย่างเย็นชาและขึ้นเสียงสูง “ถ้าหากว่าเจ้าคือหมอปีศาจจริง แล้วเหตุใดเจ้าจึงรักษาพิษที่อยู่ในกายท่านพี่ห้าของข้าไม่ได้? ตอนนั้นฝ่าบาทก็ทรงเริ่มสงสัยแล้ว เพียงแค่เจ้าคือคนที่เวยหย่วนโหวเป็นผู้พาตัวมา เสด็จพ่อเห็นถึงความสำคัญของเวยหย่วนโหวและเชื่อใจในตัวของเขาเป็นอย่างมาก เช่นนี้จึงให้โอกาสเจ้าอีกครั้งหนึ่งให้เจ้ามีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ”
เวยหย่วนโหวใบหน้าซีดเผือด ชายชราถอยไปข้างหลังเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ คนที่อยู่ด้านหลังจึงรับประคองเขาไว้
“ช่างน่าเสียดายนัก เจ้าไม่เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะขอบคุณเช่นไร กลับถลำลึกลงไปอีก และใช้พระนามของฝ่าบาทและกุ้ยเฟิยก่อความเดือดร้อนในทุก ๆ ที่ ไม่เพียงแต่กดขี่ชาวบ้าน แต่ยังกล้าที่จะมาลงแข่งขันกับหมอปีศาจตัวจริงอีก เสด็จพ่อผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่พระองค์เป็นคนที่มีความรักมีเมตตา หากเจ้ามีความสามารถจริง การรักษาคนป่วยในวังก็คงจะรักษาได้ ดังนั้นฝ่าบาทและกุ้ยเฟยจึงใช้เหตุการณ์ที่พี่เจ็ดถูกวางยาพิษทดสอบฝีมือของเจ้า แต่ผู้ใดจะคาดคิดได้เล่าว่าเจ้านั้นจะไร้ความสามารถถอนพิษในร่างของท่านพี่เจ็ดด้วย”
ท่านเสิ่นเบิกตากว้าง “ท่านพูดอะไร? ท่านบอกว่าการวางยาขององค์ชายเจ็ดคือเรื่องโกหกหรือ? เป็นไปไม่ได้ เหมิงกุ้ยเฟยประทับใจและเชื่อมั่นในตัวของข้ามาก และยังให้ข้าเป็นหัวหน้าของสำนักแพทย์หลวงคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ แทนกุ้ยเฟยด้วย”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หนานหนานเอ๊ย หนูรู้กาลเทศะบ้างเถอะ ท่านแม่หนูนึกในใจว่าข้าไม่มีลูกชายเช่นนี้แล้ว
โดนองค์ชายแปดไล่บี้แบบนี้แล้ว จะแถต่อยังไงคะหมอเสิ่นเจิ้น
ไหหม่า(海馬)