อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 21 เล่นชู้
ตอนที่ 21 เล่นชู้
ไม่ ๆ ๆ นอกจากคำนี้แล้ว เขาพูดคำอื่นไม่เป็นเลยหรืออย่างไร?
“เช่นนั้นท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“สัญญาตอนแรกของเราคืออะไร?” เย่ซิวตู๋มีความอดทนเช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด ก่อนจะนำคำพูดของพ่อบ้านมาทวนใหม่อีกหน “หากเผิงอิงปลอดภัยไร้โรคา เงินสิบห้าล้านตำลึง จะยกมาให้ทั้งสองมือ…นี่ท่านเล่นตุกติกด้วยคำพูดหรือ?”
ปลอดภัยไร้โรคา ปลอดภัยไร้โรคา
เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ เบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อเปลี่ยนอากัปกิริยาที่ทำให้สบายตัวมากขึ้น ท่าทางเช่นนั้นกลับกดบาดแผลบริเวณหน้าอกทางขวาของเขา แต่ดูเหมือนเขายังรู้สึกสะใจไม่มากพอ จึงออกแรงขึ้นอีกหน่อย เพียงไม่นานบริเวณบาดแผลก็เกิดรอยสีแดงซึมทะลุออกมาบริเวณเสื้อคลุม ทำให้เสื้อสีขาวของเขาเกิดรอยเปื้อนจนน่าตกใจ
มุมปากอวี้ชิงลั่วกระตุกกึก นางเบือนหน้าไปทางอื่นเงียบ ๆ และทำเป็นมองไม่เห็น
“ใช่ ปลอดภัยไร้โรคา ดังนั้นต้องรอจนกระทั่งเผิงอิงหายดี เงินสิบห้าล้านตำลึงจึงจะส่งไปถึงมือของเจ้า มิเช่นนั้น…”
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็น “เช่นนั้นข้าจะรอให้เขาหายดี แล้วค่อยมาทวงถามเรื่องเงินกับท่านใหม่” กล่าวจบ นางก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินออกไป
เพียงแต่เสียงที่อยู่ด้านหลังราวกับผีที่ไม่ยอมไปเกิดได้ดังทุ้มต่ำขึ้นอีกครั้ง “เกรงว่าถึงตอนนั้น ข้าคงไม่มีชีวิตที่จะจ่ายเงินให้เจ้าแล้ว ถึงอย่างไรตอนนี้บาดแผลของข้าก็รุนแรงขึ้นแล้ว อูตงก็ถูกข้าไล่ออกไปเพราะเจ้า ภายในจวนจึงไม่มีคนรักษาข้า…”
อวี้ชิงลั่วกำหมัดแน่นข้างกาย ภายในใจมีม้าโคลนหญ้า[1] หนึ่งหมื่นตัวกำลังคำรามอย่างบ้าคลั่ง
อวี้ชิงลั่วเป็นคนมีชื่อเสียงมาทั้งชีวิต คิดไม่ถึงเลยว่าต้องติดแหง็กอยู่ในมือของบุรุษไร้ยางอายผู้นี้ ตอนนี้นางคิดถึงบุตรชายสุดที่รักที่ไม่รู้ว่าอยู่แห่งหนใดเป็นอย่างมาก หนานหนานเป็นเด็กดีและเชื่อฟัง ถูกนางรังแกเสียจนมิกล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว บุรุษผู้นี้…ทำให้นางอยากฆ่าเขาให้ตาย
อวี้ชิงลั่วหมุนกายกลับมาอย่างฉุนเฉียว แค่นยิ้มด้วยความโกรธเคือง “ดี ข้าจะรักษาให้ท่าน ข้าจะช่วยรักษาบาดแผลบนร่างกายของท่านเป็นอย่างดี”
ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนกล่าวเสริมหนึ่งประโยคว่า “รักษาให้หายภายในสี่วัน”
ทำไมท่านไม่ไปตายเสียเลยล่ะ?
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็น เชิดหน้ามองเหยียดเขาอย่างดูหมิ่น กล่าวขึ้น “นอนลงไป”
เย่ซิวตู๋ให้ความร่วมมืออย่างดี เขากลับไปอยู่ในท่านอนอีกครั้งตามที่นางบอกอย่างเชื่อฟัง เพียงแต่บาดแผลยังคงมีเลือดไหลเปื้อนเสื้อไม่หยุด อวี้ชิงลั่วเห็นก็ถึงกับขมวดคิ้ว ปรายตามองบุรุษที่อยู่บนเตียงด้วยท่าทางแปลกประหลาด
เขาเป็นพวกชอบทรมานตัวเองหรืออย่างไร? หากเป็นหนานหนาน แค่นิ้วแตกเป็นแผลก็ร้องไห้ฟูมฟายแล้ว
อวี้ชิงลั่วแหวกอกเสื้อของเขาออก คลายผ้าพันแผลหนา ๆ ที่พันไว้บริเวณหน้าอกออกไป ผ่านไปครู่หนึ่ง คิ้วของนางพลันขมวดเป็นปม คิดไม่ถึงเลยว่าบาดแผลจะลึกขนาดนี้ บาดแผลเพียงจุดเดียวลากยาวตั้งแต่อกทางขวาไปจนถึงเอว ไม่แปลกใจเลยที่ถูกกดทับเพียงเล็กน้อยแผลก็ปริแล้ว
อูตงผู้นั้นยังพอมีความสามารถอยู่บ้าง มิเช่นนั้นด้วยทักษะทางการแพทย์ในตอนนี้ประกอบกับบาดแผลฉกรรจ์ของเขา เกรงว่าเขาคงม้วยมรณาไปนานแล้ว
เพียงแต่ต่อให้อูตงเก่งกาจกว่านี้ ยาของนางมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ แต่บาดแผลที่ไม่ได้ผ่านการเย็บก็ยากที่จะหาย อย่างน้อยการพันแผลด้วยผ้าพันแผลเช่นนี้ก็ไม่ใช่วิธีการรักษา
“เป็นเช่นไร?” เย่ซิวตู๋จ้องสีหน้าของนาง แม้จะเห็นสีหน้าของนางที่ดูไม่แน่ใจ แต่กลับไม่เห็นความลำบากใจของนางแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าบาดแผลนี้คงมิใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนาง
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืน วางมาดเชิดหน้ามองลงมาอีกครั้ง “ข้าต้องเย็บแผล”
“เย็บแผล?” บาดแผลเย็บได้ด้วยหรือ? เย่ซิวตู๋เกิดความประหลาดใจเล็ก ๆ ภายในใจ ทว่าใบหน้ากลับนิ่งสงบ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ลงมือเถิด”
“…” มุมปากอวี้ชิงลั่วกระตุกวูบ “เหตุใดท่านถึงไม่สงสัยว่าข้าจะทำให้ท่านตายหรือไม่? ท่านกลับปล่อยให้ข้าลงมือรักษาอย่างสบายใจเช่นนี้? สำหรับท่าน ข้ายังเป็นแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น”
เย่ซิวตู๋หลับตาลง เขาพบว่าสตรีผู้นี้มิอาจเอาอะไรไปจากเขาได้ จึงจงใจแสดงท่าทางและพูดจาเช่นนี้กับเขา เขาช้อนสายตาสบตานางจนแอบรู้สึกแสบตาเล็กน้อย
“จะใช้คนก็อย่าระแวง”
ในเมื่อเขาได้ฝากชีวิตของเผิงอิงไว้ในมือของนางแล้ว ไยต้องสงสัยว่านางจะพรากชีวิตของเขาอีก? หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา สตรีผู้นี้ก็หนีออกไปจากจวนโม่ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้เลย เขาเห็นแล้วว่านางมิใช่คนโง่เขลาที่จะลงมือในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา ๆ นางหันไปหยิบชุดผ่าตัดขนาดเล็กที่อยู่ในกระเป๋าที่พกติดตัว นี่เป็นสิ่งที่นางค่อย ๆ ให้คนช่วยผลิตออกมาทีละนิดหลังจากมาถึงโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นแหนบ เข็ม กรรไกร ล้วนเป็นสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้ว่านางจะเก่งการวิจัยด้านการแพทย์แผนจีน ชอบวิจัยเรื่องยาพิษต่าง ๆ แต่แพทย์แผนปัจจุบันเป็นความเคยชินของนาง
“อาจจะเจ็บบ้าง ท่านก็ทนเอาหน่อยนะ” นางไม่คิดจะใช้ยาชากับเขา ถึงอย่างไรสภาพของเขาดูเหมือนว่าคงจะมีความอดทนเช่นกัน
เมื่ออวี้ชิงลั่วหมุนตัวกลับมาก็พบว่าเขากำลังหลับตา ในใจลอบเกิดความรู้สึกอึดอัดใจทันที
นางเคลื่อนมือถอดเสื้อทั้งหมดออก เยี่ยมมาก แข็งแรงมาก มีกล้ามเนื้อด้วย ร่างกายเขาดูดีเป็นพิเศษจริง ๆ มันยิ่งทำให้ภายในใจของนางเสียสมดุลเข้าไปใหญ่
ก๊อก ๆ
ในเวลานี้เองที่ จู่ ๆ ประตูห้องก็เกิดเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ
เย่ซิวตู๋ลืมตาขึ้นมองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง จึงพบว่านางไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ ยังคงจดจ่ออยู่กับ…การถอดเสื้อของเขา ดูเหมือนว่านางจะถอดออกทั้งหมดภายในอึดใจเดียว และไม่คิดจะหยุดมือด้วย
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวเสียงขรึมไปทางหน้าประตู “เข้ามา”
เสิ่นอิงเปิดประตูอย่างระมัดระวัง เขาก้าวเท้าเข้ามาหนึ่งก้าว ยังไม่ทันได้เงยหน้ามองก็เอ่ยปากพูดว่า “นายท่าน เผิงอิงฟื้นแล้ว เขาบอกว่ามีเรื่องอยากรายงานนายท่าน จึงให้ข้า…เอ่อ…ขอประทานอภัย รบกวนพวกท่านแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าค่อยกลับมาใหม่ขอรับ”
แกรก
เสิ่นอิงรีบถอยหลังออกไปสองก้าวอย่างรวดเร็วและปิดประตูลง เขายกมือขึ้นมาตบหน้าอก พยายามลบฉากที่ตนเองเห็นเมื่อครู่ ทว่าหัวใจตนในตอนนี้ยังเต้นเร็วระรัวไม่หาย
เมื่อครู่…มิใช่ว่าเขาตาฝาดหรอกกระมัง เมื่อครู่…มิใช่ว่าแม่นางอวี้ปรี่ตัวขึ้นไปอยู่บนตัวของนายท่านกระมัง เมื่อครู่…มิใช่ว่าพวกเขาทั้งสองกำลังทำเรื่องแบบนั้นหรอกกระมัง
เสิ่นอิงคิดว่าศีรษะของเขาคงถึงกาลหลุดจากบ่าแน่แล้ว ต้องโทษเผิงอิงแท้ๆ เช้าไม่รู้สึกตัวสายไม่รู้สึกตัว แต่ดันให้เขามาตอนที่นายท่านกำลังทำธุระ ตอนนี้อย่าว่าแต่ทำลายเรื่องดี ๆ ของนายท่านเลย เขายังเห็นร่างเปลือยเปล่าของนายท่านด้วย
เอ๋ ไม่สิ นายท่านได้รับบาดเจ็บ แม่นางอวี้คนนี้รีบร้อนเกินไปหน่อยกระมัง
เสิ่นอิงคิดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาใช้ดุลยพินิจครู่หนึ่ง จึงเกิดความกล้าเคาะประตูเบา ๆ อีกสองครั้ง
ในครั้งนี้ อวี้ชิงลั่วได้เดินมาเปิดประตูด้วยใบหน้าอึมครึม ครั้นเห็นเขา นางก็ยัดผ้าพันแผลเปื้อนเลือดเข้ามาในอ้อมแขนชายหนุ่ม กล่าวว่า “เจ้ามาได้จังหวะพอดี ช่วยไปเตรียมของให้ข้าหน่อย ข้าจะรักษาบาดแผลให้นายท่านของพวกเจ้า”
“เอ๋? เอ๋? เอ๋!!!” เสิ่นอิงชะงักอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ก็ได้สติกลับมา เขาจ้องมองผ้าพันแผลที่ชุ่มด้วยเลือดในมือ ก่อนจะช้อนสายตามองเข้าไปด้านในห้อง ก็พบว่านายท่านกำลังมองมาที่เขาอย่างเย็นชา
เสิ่นอิงถึงกับหดหัว และรีบพยักหน้าตอบทันใด
อวี้ชิงลั่วสั่งให้เผิงอิงไปเตรียมผ้าพันแผลสะอาด จินชวงเย่า[2] และโต๊ะที่เหมาะสำหรับเย็บแผล ก่อนจะหมุนกายกลับมา ระหว่างเดินกลับก็แค่นเสียงเย็นไปพลาง “ในสมองของเสิ่นอิงคิดอะไรอยู่? ข้ากับท่านเนี่ยนะ…”
จะเล่นชู้กัน?
คำพูดของนางพูดไปได้เพียงครึ่งหนึ่งก็หยุดชะงัก รูม่านตาขยายใหญ่ขึ้น นางจ้องมองไปยังหยกแขวนขนาดเล็กบนเตียงที่ตกลงมาตอนถอดเสื้อให้เย่ซิวตู๋ แล้วก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแตกกระจาย
……………………………
[1] ม้าโคลนหญ้า (草泥马) คำนี้หากแปลตรงตัวก็คือ “ม้าหญ้าโคลน” ซึ่งเป็นชื่อเรียกของตัวอัลปาก้า แต่อีกความหมายคือการเล่นคำที่มาจากคำว่า “操你妈” ซึ่งอ่านออกเสียงเหมือนกันคือ “เช่าหนี่มา” เป็นคำด่า แปลว่า “F**k your mother” (เ_็ดแม่_ึง)
[2] จินชวงเย่า (金疮药) เป็นผงยาที่ใช้สำหรับบาดแผล มีสรรพคุณห้ามเลือด แก้อักเสบและสมานแผลได้
สารจากผู้แปล
โดนเข้าใจผิดว่าเป็นสตรีใจกล้าไปซะแล้วชิงลั่ว แค่ถอดเสื้อจะเตรียมผ่าตัดให้ผู้ชายเองงง
ไหหม่า (海馬)