อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 22 บุตรและบิดา
ตอนที่ 22 บุตรและบิดา
เย่ซิวตู๋เงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ ครั้นพบว่านางกำลังจ้องหยกแขวนที่อยู่บนเตียง ดวงตาลึกจึงหรี่ลงเล็กน้อย เขายื่นมือและนำหยกแขวนกำไว้ในมือ
อวี้ชิงลั่วได้สติกลับมา นางเดินมาข้าง ๆ เขาอย่างเชื่องช้า และกล่าวเสียงเบาว่า “หยกแขวนชิ้นนั้นมีความประณีตมาก”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” เย่ซิวตู๋ยิ้มเยาะ ดูเหมือนว่าจะไม่เต็มใจที่จะสนทนาถึงเรื่องนี้ เขาออกแรงกำหยกแขวนในมือจนแน่น อวี้ชิงลั่วไม่ได้สงสัยแม้แต่น้อยเลยว่าหากเขาออกแรงมากกว่านี้ หยกแขวนนั้นคงได้แหลกเป็นผุยผง
นางเบือนหน้าไปทางอื่นและแอบอธิษฐานอย่างเงียบ ๆ หวังว่า…หวังว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นอย่างที่นางคิด มิเช่นนั้นนางคงได้โขกศีรษะจนตายจริง ๆ
หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก อวี้ชิงลั่วมีเรื่องบางอย่างในใจ ส่วนเย่ซิวตู๋นั้นเป็นเพราะเรื่องเกี่ยวกับหยกแขวนนี้เขาจึงมีท่าทางเคร่งขรึมลงเล็กน้อย
จนกระทั่งเสิ่นอิงนำของที่เตรียมไว้เข้ามา ถึงทำลายความเงียบระหว่างพวกเขาลงได้
คงเป็นเพราะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศภายในห้องที่ผิดปกติ เสิ่นอิงจึงมองดูคนนี้ทีคนนั้นที แต่ก็ไม่กล้าพูดคำพูดเกินความจำเป็นออกมา เขามิอาจสร้างความขุ่นเคืองต่อทั้งสองได้ จึงทำได้เพียงแค่เป็นลูกมือให้อวี้ชิงลั่วอย่างเชื่อฟัง มองดูของประหลาดที่นางหยิบออกมาเป็นกอง
ภายในห้องเงียบมาก เสิ่นอิงมองดูอวี้ชิงลั่วกำลังร้อยเข็ม รูม่านตาของเขาพลันขยายกว้าง เขาอดกลั้นอยู่หลายหนแต่ก็มิอาจทนได้อีกต่อไป “แม่นางอวี้ นี่เจ้าจะทำอะไร?”
“…”
ไม่มีคำตอบ เสิ่นอิงลูบจมูกและมองไปที่นายท่านอีกครา อีกฝ่ายเพียงแค่นอนหลับตาปล่อยให้แม่นางอวี้ทำตามที่ต้องการ เขาจึงทำได้เพียงแค่ข่มความสงสัยในใจ และมองดูอย่างเงียบ ๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างเพราะเห็นอวี้ชิงลั่วแทงเข็มเข้าไป… ในเนื้อหนังของนายท่านอย่างไม่ลังเล
เสิ่นอิงสูดลมเย็นเข้าลึก ๆ ระหว่างที่มอง เส้นขนบนร่างกายก็ลุกชันไปทั้งตัว “แม่… แม่… แม่นางอวี้ เจ้า…”
“หุบปาก” อวี้ชิงลั่วตวาดเสียงทุ้มต่ำ มือนางเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก ท่าทางช่ำชองราวกับกำลังเย็บเสื้อธรรมดา ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น จนคนที่เห็นถึงกับตาลายไปหมด
เสิ่นอิงไม่กล้าพูดอะไรมากมาย เพราะกลัวว่าหากเอ่ยปากพูดออกมาอาจทำให้นางเสียสมาธิ และทำให้นายท่านถึงแก่ชีวิต เพียงแต่ภายในใจของเขากับตกตะลึงมาก เขาเองก็เป็นคนที่มีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง เคยเห็นหมอรักษาบาดแผลมาหลากหลายรูปแบบ ทว่ากลับไม่เคยเห็นใครใช้เข็มเย็บผิวหนังของมนุษย์เช่นนี้มาก่อน แม้แต่หมอหลวงในวังก็ไม่มีใครเคยใช้วิธีนี้
แต่เขากลับเห็นการเคลื่อนไหวของอวี้ชิงลั่วรวดเร็วเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของนาง สตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่?
เมื่อเย็บแผลสุดท้ายเสร็จ บาดแผลที่ทั้งลึกและยาวก็ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ใช้เวลามองเย่ซิวตู๋อยู่ครู่หนึ่ง และเม้มมุมปากในทันที
นางตั้งใจไม่ให้เขากินยาชา ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ บุรุษผู้นี้ไม่เพียงแค่ไม่เปล่งเสียงร้องแม้แต่แอะเดียว แต่ตอนที่นางกำลังเย็บแผล กล้ามเนื้อของเขาก็ไม่หดเกร็งเพราะความเจ็บปวดแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้การเย็บแผลของนางเป็นไปอย่างราบรื่น
เขาเป็นคนที่มีความอดทนจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วชื่นชมเขามาก ตอนนี้นางเข้าใจได้เรื่องหนึ่งแล้วว่าบุรุษผู้นี้มิใช่คนที่จะยั่วโมโหได้ หากหยกแขวนนั้นเป็นของเขาจริง ๆ นางต้องออกห่างจากเขา ยิ่งไกลเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น
“เรียบร้อยแล้ว” อวี้ชิงลั่วเช็ดมือ นางโยนอุปกรณ์ทั้งหมดลงไปในกะละมังใบเล็ก จากนั้นก็ยื่นขวดกระเบื้องเล็ก ๆ ให้เสิ่นอิง พร้อมกล่าวว่า “ให้เขากินยานี้ ตอนเช้าและตอนค่ำครั้งละหนึ่งเม็ด อย่าลืมล่ะ ข้าเหนื่อยแล้ว เรื่องหลังจากนี้เจ้าช่วยเก็บกวาดด้วย ข้าจะกลับไปพักผ่อนแล้ว”
เสิ่นอิงรับขวดมาด้วยท่าทางเก้กัง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าอวี้ชิงลั่วได้ยกกะละมังขนาดเล็กที่มีอุปกรณ์ต่างๆ บรรจุอยู่ในนั้นเดินออกจากห้องไปแล้ว เขามองแผ่นหลังของนางอยู่ครู่หนึ่ง จึงพึมพำว่า “เหตุใดถึงรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างไล่ตามนาง ถึงได้หนีไปรวดเร็วเช่นนี้”
เย่ซิวตู๋ไม่พูดอะไร ความเจ็บปวดกำลังกระจายตัวที่บริเวณบาดแผล แม้เขาจะทนกับความเจ็บปวดเช่นนี้ได้ แต่ระหว่างที่เย็บแผล ก็ทำให้เขาเหนื่อยจนหมดเรี่ยวแรง การมีเสิ่นอิงอยู่ที่นี่จึงทำให้ความหวาดระแวงของเขาถูกปล่อยวางอย่างสมบูรณ์ ผ่านไปไม่นานเขาก็หลับตาผล็อยหลับไป
สวนอวี้จู๋อยู่ห่างจากตู๋เซวียนค่อนข้างไกล ครั้นอวี้ชิงลั่วเดินเข้ามาถึงด้านในห้องของสวนอวี้จู๋ นางก็เม้มปากแน่นแล้วนั่งลง ก่อนจะหยิบจี้หยกแขวนออกมา
มันคือหยกแขวนครึ่งวงกลม ตรงกลางมีร่องทรงกลมปรากฏอยู่ ลวดลายที่อยู่บนหยกแขวนมีความประณีตบรรจงมาก ราวกับมีคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งอยู่บนนั้น มันละเอียดอ่อนเสียจนออกมาดูเหมือนมีชีวิต
หยกแขวนชิ้นนี้เป็นของที่ปรากฏอยู่บนตัวของนาง ไม่สิ ปรากฏอยู่บนตัวของอวี้ชิงลั่วเจ้าของร่างคนเดิมเมื่อหกปีก่อน
แม่นมเก๋อเคยบอกว่าคืนนั้นจู่ ๆ นางก็หายตัวไปจากจวนอวี๋ ไม่กลับมาตลอดทั้งคืน จนกระทั่งท้องฟ้าใกล้สว่างจึงปรากฏตัวขึ้นที่ประตูด้านหลังจวนอวี๋ เพียงแต่ตัวคนนั้นดูเหมือนผ่านสถานการณ์น่าอดสูอย่างยิ่งมา เสื้อผ้ายับย่นไม่เรียบร้อย บนกระโปรงมีรอยเลือดเป็นหย่อม อีกทั้งสีหน้ายังดูซีดเผือด
แม่นมเก๋อเป็นคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แค่เห็นก็พอจะทราบแล้ว แม้ภายในใจจะรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ยังเก็บซ่อนเรื่องนั้นไว้อย่างระมัดระวัง เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากคืนนั้น ในท้องของนางจะมีเด็กอยู่ด้วย
หลังจากกลับมาในวันนั้น นอกจากความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายแล้ว บนมือของนางก็ยังกำหยกแขวนไว้หนึ่งชิ้นด้วย เป็นหยกแขวนหนึ่งชิ้นที่ดูเหมือนว่าจะถูกแยกออกจากกันเป็นสองชิ้นได้
อวี้ชิงลั่วทราบดีว่านั่นคงเป็นของที่อยู่บนตัวพ่อของเด็ก
แต่มาในวันนี้ นางกลับเห็นหยกอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่บนตัวของเย่ซิวตู๋ หากหยกนั้นเป็นของเขา เช่นนั้นหนานหนานก็คง…
ลมหายใจของอวี้ชิงลั่วเปลี่ยนเป็นกระชั้นถี่ขึ้น คิ้วของนางขมวดเข้าหากันจนเป็นปม นางคิดว่าในเมื่ออวี๋จั้วหลินเกลียดนางขนาดนี้ ต่อให้วางแผนเขาก็คงไปหาขอทานมาย่ำยีนาง ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าในคืนนั้นอีกฝ่ายจะเป็นเย่ซิวตู๋ บุรุษเช่นนี้ บุรุษเช่นนี้…
นางลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้หนานหนานอยู่ที่จวนโม่อันเป็นสถานที่ที่อยู่ใกล้กับเย่ซิวตู๋เช่นนี้ นางก็เริ่มรู้สึกชาไปทั่วหนังศีรษะขึ้นมา
ไม่ได้การล่ะ จะปล่อยให้เย่ซิวตู๋รู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด นางต้องรีบไปบอกหนานหนานให้ออกจากจวนโม่แห่งนี้ให้เร็ว
ส่วนนาง อืม นางยังไม่ได้เงินสิบห้าล้านตำลึงมาอยู่ในมือเลย คงทำใจไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก
อวี้ชิงลั่วกุมขมับ นางก้มหน้าหยิบขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กก่อนหน้านี้ออกมาจากกระเป๋า และปล่อยแมงป่องที่มีความยาวเท่านิ้วมือออกมา จากนั้นเทผงสีแดงลงบนหลังของแมงป่องนิดหน่อย นี่เป็นความเข้าใจโดยปริยายระหว่างนางและหนานหนาน สีแดงเป็นสัญญาณว่าอันตรายให้รีบหนีไป หากเด็กคนนั้นเห็นก็น่าจะเข้าใจว่าต้องทำอย่างไร
แมงป่องคลานออกจากห้องอย่างรวดเร็ว มันไต่ไปตามมุมกำแพงและมุดเข้าไปในรอยแยกของก้อนหิน คลานไปด้านหน้าด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
แมงป่องเพิ่งจะออกจากสวนอวี้จู๋ กลับหมุนองศาไปที่ประตูของจวนโม่ ปีนออกจากประตูใหญ่ของจวนโม่ หางของมันขยับเล็กน้อย และมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่อวี้ชิงลั่วเดินทางมา
บนถนนใหญ่มีคนเดินขวักไขว่ มีเสียงตะโกนขายของดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระลอก ไม่มีใครสังเกตแมงป่องตัวน้อยที่กำลังคลานไปด้านหน้าอย่างระมัดระวัง
เพียงแต่ เมื่อเทียบกับแมงป่องที่มีขนาดความยาวเท่านิ้วมือแล้ว สัตว์ขนาดใหญ่อีกตัวหนึ่งกลับสร้างความหวาดกลัวจนใจเต้นระรัว
จุดไหนที่มันเดินผ่าน ทุกคนต่างก็พากันกลั้นหายใจ ถอยหลังออกไปหลายก้าวโดยมิได้ตั้งใจ มองดูหนึ่งคนหนึ่งเสือดำที่ก้าวย่างอย่างสง่าผ่าเผยด้วยความตื่นตระหนก
…………………………
สารจากผู้แปล
ทำกันท่าไหนถึงมีหนานหนานเกิดมาได้ล่ะเนี่ย อย่างนี้ไม่ใช่ว่าเย่ซิวตู๋ขืนใจอวี้ชิงลั่วคนเก่าจนมีลูกหรอกเหรอ? นี่คือเข้าข่ายตัวร้ายในคราบพระเอกตามขนบนิยายขืนใจแล้วค่อยรักกันเลยนะ?
อิแม่ก็ร้อนใจไปสิ ขณะที่ลูกชายก็ขี่เสือดำสบายใจเฉิบ
ไหหม่า (海馬)