อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 225 เจ้าเดาถูกแล้ว
ตอนที่ 225 เจ้าเดาถูกแล้ว
ตอนที่ 225 เจ้าเดาถูกแล้ว
อวี้ชิงลั่วไม่สามารถเอ่ยออกมาได้แม้แต่หนึ่งประโยค อยากจะสั่งสอนลูกชายแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลา จึงถือว่าเป็นเพียงความโกรธเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในใจ
เย่ซิวตู๋ทำท่าราวกับไร้ความผิด สองแม่ลูกคู่นี้ราวกับว่ามีปัญหาแปลก ๆ กับคนที่ไม่ได้ทำความผิดเสมอ ชายหนุ่มจึงทำเพียงยิ้มทั้งที่มีความผิดติดตัว
เขาส่ายหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ยามเหลือบมองทั้งแม่และลูกที่แกล้งทำเป็นใสซื่อ ก่อนผุดยิ้มเล็กน้อย
บนคานยังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว เฉิงเอ๋อร์ที่อยู่ในห้องเริ่มก้มลงไปเก็บกวาดเศษบนพื้น และเอ่ยขึ้นพลาง “นายหญิงอยู่ที่นี่คนเดียว ข้าน้อยเองก็ไม่วางใจ จ้าวผิงก็มาหาเรื่องท่านอยู่บ่อย ๆ องค์รัชทายาทก็เอาแต่ปกป้องนาง ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงจะไม่มีหนทาง ข้าน้อยกังวลว่าไม่ช้าก็เร็วสักวันจ้าวผิงผู้นั้นจะลงมือฆ่านายหญิง และถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็จะเกิดเรื่องกับซื่อจื่อ ท่านไม่อาจปล่อยให้นางทำอะไรผิด ๆ อีกต่อไปได้แล้วนะเจ้าคะ”
ไท่จื่อเฟยตกตะลึงไปชั่วขณะ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าเฉิงเอ๋อร์กลับมองเรื่องราวเหล่านี้ได้ชัดเจนกว่าตน อย่างน้อยนางก็คิดว่าจ้าวผิงไม่ได้มีความกล้าที่จะมาสังหารตนเอง แต่ปรากฏว่าวันนี้นางกลับกล้าที่จะลงมือขึ้นมาจริง ๆ
เฉิงเอ๋อร์กล่าวได้ถูก นางไม่สามารถใจอ่อนได้อีก และก็ไม่สามารถที่จะคิดจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและสงบสุขไปแต่ละวันได้ ในเมื่อนางแต่งงานเข้ามาในราชวงศ์และมีหลานเฉิง ต่อให้นางจะไม่คิดถึงตัวเอง ไม่คิดถึงครอบครัว นางก็ควรจะคิดถึงอนาคตของหลานเฉิง
เมื่อก่อนนางมักจะคิดว่าสามารถปกป้องตนเองได้ก็เพียงพอแล้ว และยังสามารถปกป้องตำหนักรัชทายาทจากบรรดาเสี้ยนหนามของพระองค์ อย่างไรก็ตามองค์รัชทายาทกลับมีคุณสมบัติจำกัด เกรงว่าในท้ายที่สุดฝ่าบาทจะไม่มอบบัลลังก์ให้กับเขา นางจึงต้องการรักษาความมั่นคงให้กับองค์รัชทายาทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อที่ในภายภาคหน้าตำหนักแห่งนี้จะได้ปลอดภัยและราบรื่นเป็นปกติ
ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เมื่อองค์รัชทายาทมีความรักครั้งใหม่ พระองค์ก็คิดที่จะกำจัดตนออกไป หากนางยังคงนั่งรอต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าจะจบชีวิตลงเช่นไรก็ไม่อาจรู้ได้
“นายหญิง เฮ้อ… ” เฉิงเอ๋อร์เก็บกวาดเศษซากทั้งหมดเสร็จแล้ว และยังพูดคุยสทนากันต่ออีกสักพัก เมื่อเห็นว่าผ่านไปนานแล้วแต่ไท่จื่อเฟยกลับไม่มีปฏิกิริยาตอลกลับ นางจึงอดไม่ไหวที่จะถอนหายใจออกมาอย่างช้า ๆ
“นายหญิง ท่านพักผ่อนเสียเถิด ข้าน้อยขอตัวกลับก่อน”
“ช้าก่อน” ไท่จื่อเฟยเอ่ยหยุดเฉิงเอ๋อร์ไว้
เฉิงเอ๋อร์ตกตะลึงครู่หนึ่ง นางมองไปยังไท่จื่อเฟยที่สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากด้วยความประหลาดใจ แม้แต่น้ำเสียงเองก็ไม่กดเอาไว้แล้ว “นายหญิง…”
“จ้าวผิงอยู่ด้านหลังฉากกั้นห้องอันนั้น เฉิงเอ๋อร์ เจ้าเข้ามาหน่อย ข้ามีเรื่องจะบอกกับเจ้า”
เฉิงเอ๋อร์ตกตะลึง จ้าวผิงอยู่หลังฉากกั้นห้อง? นางหลบอยู่ตรงนั้นหรือ? แต่เมื่อครู่นางเองก็เอ่ยถึงจ้าวผิงอย่างเสีย ๆ หาย ๆ ไม่น้อย เหตุใดนางจึงไม่ออกมาหาเรื่องตนเล่า?
ภายในใจของเฉิงเอ๋อร์มีความคิดเกิดขึ้นมากมาย และในที่สุดก็ได้ทิ้งความสงสัยทั้งหมดลงไป หญิงสาวที่เดินเข้าไปอยู่หน้าไท่จื่อเฟย
ไท่จื่อเฟยเม้มปาก และเอ่ยกระวิบขึ้น ยิ่งเฉิงเอ๋อร์ฟังเท่าไรก็ยิ่งเอาจริงเอาจังมากขึ้น ผ่านไปสักพักก็ยิ้มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ไท่จื่อเฟย ในที่สุดท่านก็คิดได้แล้ว”
“เจ้าไปเสียเถิด ระวังอย่าให้ผู้ใดพบเข้าล่ะ”
“เพคะ”
เฉิงเอ๋อร์พยักหน้าหลังจากนั้นจึงวิ่งเข้าไปด้านหลังฉากกั้นห้อง แล้วก็พบเข้ากับจ้าวผิงที่สลบอยู่จริง ๆ ดูราวกับว่านางจะไม่รู้สึกตัวสักนิด
สีหน้าของเฉิงเอ๋อร์จู่ ๆ เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้น นางค่อย ๆ ประคองจ้าวผิงให้ลุกขึ้น แล้วก็หมอบลงไปค้นกล่องสีแดงใบใหญ่อยู่พักหนึ่งก่อนที่จะหยิบถุงผ้าขนาดใหญ่ออกมาและยัดร่างของจ้าวผิงเข้าไปข้างใน หญิงสาวหันกลับมาพยักหน้าให้กับไท่จื่อเฟย “นายหญิง ข้าน้อยไปก่อนนะเจ้าคะ พักผ่อนให้ดี ๆ นะเจ้าคะ”
ไท่จื่อเฟยพยักหน้า “เจ้าเองก็ระมัดระวังตัวด้วย”
เฉิงเอ๋อร์ยิ้มขึ้นให้อีกฝ่าย ก่อนที่จะออกไปจากเรือนจิ่นซิ่วโดยที่มีจ้าวผิงอยู่บนหลังของตน
เมื่อประตูได้ปิดลง ภายในห้องก็กลับเข้ามาอยู่ภายใต้ความเงียบสงบ การสนทนาของเฉิงเอ๋อร์และไท่จื่อเฟยนั้นเบามาก แน่นอนว่าเย่หลานเฉิงและหนานหนานนั้นไม่ได้ยินสิ่งใดเลย เมื่อผ่านไปสักพักและเห็นว่าในห้องนั้นไม่มีคนแล้ว ทั้งสองคนจึงได้รีบปีนลงมาจากคาน
เย่หลานเฉิงวิ่งเข้าไปบริเวณข้างเตียงของไท่จื่อเฟย เด็กชายเอ่ยถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “ท่านแม่ เมื่อครู่ท่านกล่าวอะไรกับพี่เฉิงเอ๋อร์หรือขอรับ?”
“ไม่มีอะไร เพียงแค่ให้นางพาจ้าวผิงออกไป กลัวว่าจะมีปัญหาเท่านั้นเอง” สีหน้าของไท่จื่อเฟยเคร่งขรึม หญิงสาวลูบใบหน้าของเย่หลานเฉิงแล้วหัวเราะขึ้น ระหว่างการต่อสู้ของพวกผู้ใหญ่เพื่อที่จะรักษาไว้ซึ่งอำนาจ แน่นอนว่านางไม่ต้องการที่จะให้หลานเฉิงรับรู้
อย่างน้อยที่สุด นางเองก็ยังคงมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้างเล็กน้อย ที่จะทำให้ท่านแม่ในสายตาของเจ้าเด็กน้อยเย่หลานเฉิงยังคงเป็นคนดีอยู่
อวี้ชิงลั่วเห็นว่าเย่หลานเฉิงนั้นต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่กลัวว่าไท่จื่อเฟยจะรู้สึกอึดอัด นางจึงเดินเข้าลูบไหล่เด็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ “สายป่านนี้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถิด ข้าจะดูอาการให้ท่านแม่ของเจ้า”
เย่หลานเฉิงรีบลุกขึ้น เด็กชายไม่กล้าแม้แต่ที่จะรอช้า จึงรีบพาหนานหนานที่มองโน่นมองนี่ออกจากห้องไป “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านป้าชิงแล้วขอรับ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าแล้วนำกระเป๋ายาออกมาใหม่อีกครั้ง จนกระทั่งเย่ซิวตู๋เดินออกจากม่านไข่มุกไป หญิงสาวจึงได้ถอดเสื้อผ้าของไท่จื่อเฟยออก นางขมวดคิ้วขณะดูบาดแผลตรงแผ่นหลังของไท่จื่อเฟย
เมื่อครู่ที่รับมือกับจ้าวผิงก็ดูเหมือนว่าจะทำให้บาดแผลฉีกขาด ตอนนี้อาการจึงหนักกว่าเดิม
“ไท่จื่อเฟย ท่านต้องอดทนนะ เนื้อเน่าพวกนี้บนหลังของท่าน ข้าจะต้องค่อย ๆ ขูดมันออกทีละน้อย และยาชาของข้าก็มีไม่พอแล้ว”
ไท่จื่อเฟยยิ้มขึ้น “เจ้าวางใจเสียเถอะ ข้าทนไหว”
“อืม” อวี้ชิงลั่วตอบกลับ และพับผ้าชิ้นหนึ่งให้กับนาง “อุดไว้ในปาก”
ในไม่ช้าอุปกรณ์ทั้งหมดก็เตรียมพร้อม ถึงแม้อวี้ชิงลั่วจะเคยเห็นบาดแผลที่ร้ายแรงกว่าของไท่จื่อเฟยมาแล้ว แต่เมื่อคิดว่านี่เป็นบาดแผลที่โดนสามีที่ตนคอยทุ่มเทปรนนิบัติทำร้าย ความรู้สึกในใจของนางก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อองค์รัชทายาท
บุรุษเช่นนั้น เหตุใดจึงเป็นบิดาของเย่หลานเฉิงได้?
“อื้อ…” อวี้ชิงลั่วลงมือทำอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องขององค์รัชทายาทแล้ว ความเจ็บปวดก็ยังคงลามไปถึงก้นบึ้งหัวใจของไท่จื่อเฟย และแรงสั่นสะเทือนทำให้นางต้องพยายามกลั้นน้ำเสียงของตนให้ถึงที่สุด
เวลาค่อย ๆ ผ่านไป เย่ซิวตู๋ที่อยู่ด้านนอกก็ยังคงนั่งดูเด็กทั้งสองคนเหมือนเดิม
เย่หลานเฉิงนั้นกังวลเป็นอย่างมาก เด็กชายอยากลุกขึ้นแล้วเข้าไปข้างในเพื่อดูว่าท้ายที่สุดแล้วเป็นเช่นไรบ้าง ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าหนานหนานรู้ว่าอวี้ชิงลั่วไม่ชอบให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนตอนรักษาคน เกรงว่าหลานเฉิงจะเห็นบาดแผลทั้งหมดของนาง
เกือบจะสองชั่วยามแล้ว ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็ระบายลมหายใจออก และพันแผลทั้งหมดให้กับนาง เพื่อที่จะให้ไท่จื่อเฟยที่อยู่ในสภาพร่อแร่ได้พักผ่อน
“เอาล่ะ ข้าได้รักษาบาดแผลส่วนใหญ่บนแผ่นหลังของท่านแล้ว เพียงแต่ยานี่มีอย่างจำกัดจึงทำได้เพียงเท่านี้ และนี่คือยาที่ข้าฝากเขาไว้ ข้าคิดว่าหลังจากวันนี้ไปแล้ว เฉิงเอ๋อร์ผู้นั้นจะกลับมาอยู่ข้างท่าน เมื่อท่านขอให้นางทำความสะอาดให้ก็จงระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ”
ไท่จื่อเฟยตกใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าของนางเผยความอึดอัด “เจ้า เจ้าเดาถูกแล้วหรือ?”
ใช่แล้ว เดิมทีอวี้ชิงลั่วก็เป็นคนฉลาด เหตุใดจึงจะคิดไม่ได้ว่านางต้องการให้เฉิงเอ๋อร์ทำสิ่งใด
“จ้าวผิงจะต้องโต้กลับอย่างแน่นอนหากท่านยังไม่รีบตัดสินใจ ตอนนี้นางถูกเย่ซิวตู๋ทำให้สลบอยู่ นับว่านี่เป็นโอกาสหายาก ดังนั้นจะต้องรักษาเวลานั้นให้ดี นอกจากกำจัดนางแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่เฉิงเอ๋อร์จะกลับมาหาท่าน”
อวี้ชิงลั่วยักไหล่ไม่สนใจ และลงมือเก็บกวาดสิ่งของข้างกาย
ไท่จื่อเฟยยิ้มฝืน ต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆ โม่เสียนก็รีบวิ่งเข้ามาจากนอกประตูและกระซิบ “ท่านอ๋อง”
…………………………
สารจากผู้แปล
บอกแล้วว่าอย่ายั่วโมโหเสือแม่ลูกอ่อน ไท่จื่อเฟยแสดงความร้ายกาจออกมาแล้ว
ไหหม่า(海馬)