อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 227 เกิดเรื่องแล้ว
ตอนที่ 227 เกิดเรื่องแล้ว
ตอนที่ 227 เกิดเรื่องแล้ว
“เย่ฮ่าวหราน!” องค์รัชทายาทพิโรธเป็นอย่างมาก เขารีบตามเข้ามาและยื่นมือมาคว้าเย่ฮ่าวหรานไว้
เย่ฮ่าวหรานหัวเราะเย็นชาและใช้โอกาสนี้ในการหลบหลีก ชายหนุ่มปลีกตัวหลบฉากเข้าไปยังด้านหลังม่านมุก
ไท่จื่อเฟยที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินเสียงจึงค่อย ๆ ขมวดคิ้ว “ท่านอ๋องแปดมาแล้วหรือ? ข้าไม่ค่อยสบายกายนักจึงไม่สามารถต้อนรับท่านอ๋องแปดได้ ช่างเสียมารยาทจริง ๆ ”
องค์รัชทายาทตกใจพลางเหลียวซ้ายแลขวา กลับไม่พบการกระทำไม่เหมาะสมของไท่จื่อเฟยแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยขึ้นก็ฟังราวกับว่านางไม่ได้บอกเรื่องที่ตนโดนทุบตีเลย เขาจึงลอบถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้นพระองค์จึงสะบัดแขนเสื้ออย่างเกรี้ยวกราดใส่เย่ฮ่าวหราน และนั่งลงข้าง ๆ เตียงของไท่จื่อเฟยอย่างนุ่มนวล เอ่ยขึ้นเบา ๆ “ร่างกายเจ้าดีขึ้นมาบ้างหรือยัง? เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง น้องแปดจึงดึงดันจะเข้ามาและยังโวยวายเสียงดังรบกวนเจ้า”
ริมฝีปากซีดเซียวของไท่จื่อเฟยกระตุกยิ้ม “น้องแปดเป็นคนใจร้อน พวกเราในฐานะพี่และพี่สะใภ้ ก็อย่าได้ดุด่าเขาเลยเพคะ”
“ที่เจ้าเอ่ยมานั้นก็ถูกต้อง” องค์รัชทายาทพยักหน้าและหันไปมองเย่ฮ่าวหรานที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ “น้องแปดเองก็ได้ทราบแล้วว่าที่นี่ไม่มีหลานเฉิงที่เจ้าตามหา และไท่จื่อเฟยเองก็ป่วยจริง ๆ เจ้ามาส่งเสียงดังที่นี่เพราะต้องการให้อาการของไท่จื่อเฟยแย่ลงหรือ?”
เย่ฮ่าวหรานหรี่ตาลง ชำเลืองมององค์รัชทายาทที่กำลังทำสีหน้าบูดบึ้ง และมองดูไท่จื่อเฟยที่กำลังปกป้องเขาในอยู่ตอนนี้ ภายในใจก็อดหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมาไม่ได้ สีหน้าของเขายังคงยิ้มอย่างเต็มใจ “กล่าวได้ว่าข้านั้นมารบกวนพี่สะใภ้จริง ๆ แต่ว่าไท่จื่อเฟยเองก็ป่วยอยู่ ตลอดทางที่ข้าเดินมานั้น เหตุใดจึงไม่พบคนรับใช้เลย? คนรับใช้ของท่านรับใช้ท่านเช่นนี้หรือ?”
องค์รัชทายาทชะงักไปครู่หนึ่ง พระองค์หันไปมองไท่จื่อเฟย หลังจากนั้นจึงเอ่ยเสียงดัง “จริงด้วย แล้วเฉิงเอ๋อร์เล่า? เกิดอะไรขึ้นคนใช้ที่นี่ล้วนไปที่ไหนหมด? ไม่อยู่ปรนนิบัตินายหญิงให้ดี ๆ แต่กลับออกไปเที่ยวเล่น เรื่องบ้าอะไรเนี่ย? หัวหน้าพ่อบ้าน เปลี่ยนคนรับใช้ของเรือนนี้ให้หมด ใช้ไม่ได้เลย ”
หัวหน้าคนรับใช้ที่เดินก้มหน้าตามเข้ามาทำเพียงขานกลับเบา ๆ แต่อดที่จะถอนหายใจในใจไม่ได้ คนรับใช้ของที่นี้ต่างก็ถูกฮูหยินจ้าวส่งตัวไปที่อื่นแล้ว องค์รัชทายาทเองก็รับรู้ แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นรักและเป็นห่วงไท่จื่อเฟยต่อหน้าอ๋องแปด
ไท่จื่อเฟยผู้นี้ช่างน่าสงสาร ครอบครัวก็แข็งแกร่งไม่พอและก็ไม่มีใครคอยสนับสนุน ยังโชคดีที่วันนี้ท่านอ๋องแปดเข้ามา ไม่รู้ว่าการขัดแย้งครั้งนี้จะทำให้สถานการณ์ของไท่จื่อเฟยดีขึ้นมาบ้างหรือไม่
ไท่จื่อเฟยค่อย ๆ หลับตาลง รู้สึกหนาวเยือกอยู่ภายในใจขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน อา แท้จริงแล้วการแสดงครั้งนี้ของไท่จื่อนั้นเป็นกับดัก พระองค์กลัวว่าท่านอ๋องแปดจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับฮ่องเต้ แล้วทำให้คุณงามความดีที่ตนได้รับในวันนี้สูญสิ้นไป
หญิงสาวค่อย ๆ ระบายลมหายใจออกและข่มความเจ็บปวดเอาไว้ แล้วเอ่ยห้ามองค์รัชทายาท “ไม่เกี่ยวกับเรื่องของคนรับใช้เหล่านั้นหรอกเพคะ ข้าเพียงแค่ต้องการจะอยู่เงียบ ๆ จึงให้พวกเฉิงเอ๋อร์ออกไป”
เย่ฮ่าวหรานหัวเราะเย้ย “เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว ข้าเองคงก็ไม่รู้ดีชั่วจนมารบกวนความสงบของไท่จื่อเฟยใช่หรือไม่?”
“น้องแปดพูดจาขบขันนัก ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น น้องแปดมาเยี่ยมเยือนข้าด้วยเจตนาดี จะไม่รู้ดีชั่วได้อย่างไร? เป็นข้าเองที่ไม่มีมารยาท น้องแปดมาเยือนตำหนักรัชทายาทแต่ข้าในฐานะไท่จื่อเฟยกลับไม่ได้ต้อนรับให้ดี ๆ แถมยังสร้างความขุ่นเคืองระหว่างองค์รัชทายาทกับน้องแปดอีก”
เมื่อองค์รัชทายาทเห็นว่าแม้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้นางก็ยังยึดถือหลักการเอาไว้ ภายในใจจึงรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย และเริ่มรู้สึกผิดกับนาง
แท้ที่จริงแล้ว ไท่จื่อเฟยก็อยู่ในตำหนักนี้มานานหลายปี นับได้ว่านางมีคุณธรรมที่น่ายกย่อง เมื่อก่อนตอนที่องค์รัชทายาทกำลังตกระกำลำบากถูกผู้อื่นใส่ร้ายก็เป็นนางเองที่ไปคุกเข่าต่อหน้าห้องทรงงานของฮ่องเต้อยู่ทั้งวัน จึงทำให้ฮ่องเต้สงบลงและไม่ได้สั่งให้ใครมาจับองค์รัชทายาทไป
แต่สตรีผู้นี้ไม่รู้จักพลิกแพลง มักจะพูดสิ่งที่ไม่รื่นหูกับองค์รัชทายาท และมักจะทำลายความมั่นใจของพระองค์ ราวกับว่าพระองค์นั้นทำอะไรก็ไม่ถูกต้อง จุดนี้จึงทำให้จ้าวผิงนั้นดีกว่า
“แค่ก แค่ก…”ไท่จื่อเฟยอ่อนแอลงแล้วจริง ๆ อีกทั้งวันนี้ยังมีคนมาหามากมาย นางต้องรวบรวมสติเพื่อรับมือกับตนเอง และมันก็กินพลังชีวิตของนางเป็นอย่างมาก ถ้าหากยังล่าช้าไปมากกว่านี้ เกรงว่านางจะเป็นลมสิ้นสติไป
การไอของหญิงสาวทำให้องค์รัชทายาทกลับมามีสติอีกครั้ง ความรู้สึกผิดในใจมลายหายไปทันที หลงเหลือเพียงความหวาดกลัวว่าเย่ฮ่าวหรานจะเห็นสภาพอาการของไท่จื่อเฟย ตัวเขาที่ยืนอยู่หน้าเตียงจึงเอ่ยขึ้นกับเย่ฮ่าวหราน “เอาล่ะ ไท่จื่อเฟยต้องการที่จะพักผ่อน มีเรื่องอะไรพวกเราออกไปคุยกันห้องข้างหน้าเถอะ”
เย่ฮ่าวหรานเหลือบมองไท่จื่อเฟยอีกครั้ง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้มีเจตนาที่จะใช้โอกาสนี้บอกถึงสถานการณ์จริง ๆ ของตน ชายหนุ่มจึงยักไหล่และเดินออกไป
ช่างมันเถอะ เขาทำมาถึงขั้นนี้ก็นับว่าดีแล้ว หากไท่จื่อเฟยไม่ซาบซึ้งในพระคุณ ตัวเขาเองจะมีวิธีการใดได้
องค์รัชทายาทถอนหายใจ หลังจากนั้นก็สั่งให้เย่ฮ่าวหรานรีบออกไปจากเรือนจิ่นซิ่ว
ทันที่ที่พวกเขาออกไป ไท่จื่อเฟยก็อดที่ระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมาไม่ได้ ทั้งร่างอ่อนยวบลง และหมดสติไปทีนที
เย่ซิวตู่พาอวี้ชิงลั่วลงมาจากหลังคา ส่วนเย่หลานเฉิงนั้นกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เมื่ออวี้ชิงลั่วตรวจอาการของไท่จื่อเฟยเสร็จและบอกว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว เด็กน้อยจึงถอนหายใจพลางเช็ดน้ำตาเอ่ยขอบคุณ
แต่เมื่ออวี้ชิงลั่วหันกลับมา เย่ซิวตู๋ก็ยังเห็นถึงความหนักใจในแววตาของนาง
ชายหนุ่มโบกแขนเล็กน้อย และหันไปกำชับกับโม่เสียนให้พาหนานหนานและเย่หลานเฉิงออกจากตำหนักไปรอที่หน้าประตูก่อน เมื่อรอให้เย่ฮ่าวหรานออกมาจะให้เด็กน้อยกลับวังกับเขา
หนานหนานไม่มีความสุข เด็กชายไม่ต้องการที่จะอยู่ตรงนี้ต่อ แต่เมื่อเห็นแววตาของแม่ที่ส่งเป็นนัยยะมา เขาจึงบุ้ยปากและลากเย่หลานเฉิงตามโม่เสียนออกไปจากตำหนักรัชทายาทอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อรอให้ตัวแสบทั้งสองออกไปแล้ว อวี้ชิงลั่วจึงขบฟันกรอด “เจ้าเย่ฮ่าวหรานนั่นมาทำสิ่งใด? นี่ไม่ใช่การหาเรื่องใส่ตัวหรือ? ก่อนหน้านี้ไท่จื่อเฟยก็ยังดีอยู่ พอรัชทายาทมาก่อเรื่องเช่นนี้ อาการของนางก็หนักกว่าเดิมมาก”
“เจ้าแปดนั่นมาเพื่อช่วยไท่จื่อเฟย”
“หืม?”
เย่ซิวตู๋เผยยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางสงสัยที่แสนจะน่ารักของหญิงสาว ชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปหาใกล้ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ข่าวของไท่จื่อเฟยนั้นเจ้าแปดก็เป็นผู้ที่มาบอกกับข้า เขาน่าจะเห็นใจเย่หลานเฉิง จึงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องกับไท่จื่อเฟย”
ชายหนุ่มเข้ามาใกล้มากจนทำให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกเสียวสยิวขึ้นมาข้างหู เขาพูดอะไรไปบ้างนั้นนางก็ฟังไม่ออก
หัวใจอวี้ชิงลั่วอดไม่ไหวที่จะสั่นสะท้านขึ้นมา จึงรีบถอยออกมาสองก้าว “ข้า ข้าต้องไปหาเฉิงเอ๋อร์ อาการของไท่จื่อเฟย ตอนกลางคืนจะต้องมีคนคอยดูแล”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มพร่า “ได้สิ ข้าจะพาเจ้าไป”
ว่าแล้วฝ่ามืออันอบอุ่นทั้งสองข้างก็กดลงที่เอวของหญิงสาวอีกครั้ง และสายเกินไปที่หญิงสาวจะดิ้นให้หลุด ต่อมานางก็ถูกพากลับขึ้นไปบนหลังคาอีกครั้ง
ที่เรือนจิ่นซิ่วไม่มีใครรักษาการณ์อยู่ ไม่นานทั้งสองคนก็ไปถึงห้องเก็บฟืน
ผู้ใดจะไปรู้ว่าเมื่อออกมาจากเรือนจิ่นซิ่วไม่นาน ก็ได้ยินเสียงของคนรับใช้ตะโกนดังขึ้นมา “เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่มีไท่จื่อเฟยคอยแบกไว้แล้วจะรู้สึก นังขนมผิงนั่นก็คงช่วยอะไรไม่ได้
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันน่ะ?
ไหหม่า(海馬)