อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 235 ออกแรงดีด
ตอนที่ 235 ออกแรงดีด
ตอนที่ 235 ออกแรงดีด
“อะไรนะ?” เฉินจีซินถึงกับชะงัก รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าสองสามก้าว ใช้สายตาที่ดุดันจ้องมองคนรับใช้ที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าพูดให้มันชัดเจนเดี๋ยวนี้”
คนรับใช้คนนั้นกลืนน้ำลายทันใด หายใจเข้าลึก ๆ สองครั้งก่อนจะหยุดลง “นายน้อยออกจากจวนและเกือบจะชนเข้ากับรถม้าของท่านอ๋องแปด ในรถคันนั้นมีเด็กผิวพรรณดีท่าทางเฉลียวฉลาดลงมาด้วย เขาบอกว่าพวกเราเป็นคนไม่ดี จึงพานายน้อยขึ้นรถม้าไปด้วย ไม่รู้ว่านายน้อยพูดอะไรกับท่านอ๋องแปด ตอนนี้ รถม้าคันนั้นกำลังจะถึงประตูใหญ่ของจวนเสนาบดีฝ่ายขวาแล้วขอรับ”
“ท่านอ๋องแปด?” เฉินจีซินถึงกับตกตะลึง รู้สึกราวกับกำลังจะเป็นลมก็มิปาน
เจ้าเด็กเศษสวะอวี้เป่าเอ๋อร์นั่นช่างโชคดีอะไรขนาดนั้น แค่ออกนอกจวนก็ได้เจอกับผู้สูงศักดิ์แล้ว สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ ท่านอ๋องแปดยังมีเวลาว่างมาสนใจเรื่องของคนอื่น ทั้งยัง…เชื่อคำพูดของคนบ้าอีก
“ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี? โหรวเอ๋อร์ ตอนนี้จะทำอย่างไร แม่บอกแล้วไงว่าถ้ายังปล่อยเจ้าเศษสวะนั่นอยู่ต่อไปไม่ช้าก็เร็วคงได้ทำให้เรื่องเสีย ตอนนี้เป็นเช่นไรเล่า เขาไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาแล้ว ต่อให้เสนาบดีฝ่ายขวาไม่เชื่อคำพูดของเขา แต่มีท่านอ๋องแปดอยู่ด้วย เสนาบดีฝ่ายขวาคง…”
เฉินจีซินถอนหายใจแรง ๆ ยื่นมือออกไปจับแขนอวี้ชิงโหรว ร้อนใจจนบนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา
อวี้ชิงโหรวถึงกับขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่ กัดฟันและเม้มปากแน่นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงตบหลังมือเฉินจีซิน พูดด้วยเสียงหนักแน่น “ท่านแม่ ท่านใจเย็นก่อน ตอนนี้อวี้เป่าเอ๋อร์ไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาแล้ว พวกเราก็คงนั่งรอดูความตายต่อไปไม่ได้เช่นกัน ไปเถอะ พวกเราก็ไปที่นั่นด้วย รีบใช้โอกาสตอนที่พวกเขาเพิ่งไปถึง พวกเราต้องรีบลงมือก่อน”
“จะลงมือก่อนอย่างไร?” เฉินจีซินเห็นว่าบุตรีมีแผนการอยู่ภายในใจ จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก พยักหน้าให้คนไปเตรียมรถม้า
สายตาของอวี้ชิงโหรวแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหด สีหน้าก็ดูน่ากลัว ภายใต้สายตาที่เป็นกังวลของเฉินจีซิน นางก็คว้าแก้วน้ำชาที่อยู่ข้าง ๆ ฟาดใส่ศีรษะของตนเอง
“กรี๊ด…โหรวเอ๋อร์นี่เจ้าจะทำอะไร?” เฉินจีซินกรี๊ดเสียงแหลม รีบคว้าแก้วน้ำชาไปจากมือของอวี้ชิงโหรว “โหรวเอ๋อร์เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เหตุใดถึงได้ใช้แก้วน้ำชาทุบหัวตนเองตามใจชอบ หากมีแผลเป็นทิ้งไว้ หลังจากนี้จะแต่งงานออกเรือนอย่างไร?”
อวี้ชิงโหรวแย้มยิ้ม “ท่านแม่ อย่าได้เป็นกังวล ลูกรู้ขีดจำกัดดี แรงแค่นี้ไม่ได้หนักอะไร ก็แค่ปูดบวมเท่านั้น กลับมาค่อยนำไข่ไก่ต้มสุกมาคลึงก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ทิ้งแผลเป็นไว้หรอกเจ้าค่ะ”
หลังจากกล่าวจบ นางก็ยกชายกระโปรงเดินออกจากห้องโถงใหญ่ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ลาน ท้ายที่สุดก็หักกิ่งไม้แท่งบางที่อยู่ในกระถางต้นไม้ออกมาหนึ่งกิ่ง ยื่นให้เฉินจีซิน
“ท่านแม่ ช่วยใช้สิ่งนี้หวดมาที่แขนของข้าหน่อย ออกแรงดีดด้วยนะเจ้าคะ”
“นี่…นี่มัน…”
“ท่านแม่ เร็วหน่อยเจ้าค่ะ รถม้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว หากพวกเรายังไม่รีบออกเดินทาง หากเสนาบดีฝ่ายขวาได้ยินคำพูดของอวี้เป่าเอ๋อร์บางทีอาจมาหาเราถึงที่ก็เป็นได้” อวี้ชิงโหรวเห็นอีกฝ่ายยังไม่ลงมือ จึงพูดกระตุ้นให้เร่งลงมือ
แม้ว่าเฉินจีซินจะไม่เข้าใจว่าบุตรีคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่นางรู้จักนิสัยของบุตรีของตนเองเป็นอย่างดี อวี้ชิงโหรวเป็นคนฉลาด ในเมื่อนางให้ทำเช่นนี้ เช่นนั้นนางย่อมมีวิธีอยู่ในใจเป็นแน่
“เฮ้อ” นางถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ท้ายที่สุดจึงกัดฟันหลับตาปี๋ หวดกิ่งไม้ลงบนแขนเรียวเล็กของอวี้ชิงโหรวแรง ๆ
“เอาอีก” อวี้ชิงโหรวส่งเสียงอู้อี้ กิ่งไม้ที่หวดลงบนแขนไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลย นางรู้สึกเจ็บจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมา
เฉินจีซินขบฟันแน่น ก่อนจะดีดไม้ลงบนแขนของอวี้ชิงโหรวแรง ๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนจะโยนไม้ลงบนพื้นแรง ๆ กล่าวว่า “แบบนี้ก็ได้แล้วกระมัง”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่ ไปกันเถอะ” อวี้ชิงโหรวพับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะประคองเฉินจีซินออกจากประตูใหญ่จวนอวี้ ขึ้นรถม้าที่รออยู่ด้านนอก
หลังจากปลดผ้าม่านลงมา อวี้ชิงโหรวจึงเอ่ยปากพูดอย่างรีบร้อน “เร็วเข้า ไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวา”
คนขับรถม้าขานตอบ รถม้าจึงแล่นไปด้านหน้าจนเกิดเสียง ‘กรับ ๆ’ ทันใด
เฉินจีซินมองบาดแผลบนแขนและหน้าผากของอวี้ชิงโหรว นางก็อดไม่ได้ที่จะทุบไปที่ข้างตัวรถแรง ๆ พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “เป็นความผิดของไอ้เด็กเศษสวะนั่นคนเดียวเลย อีกเดี๋ยวหากจับตัวมันกลับมาได้ แม่จะทุบมันให้ตายเลย”
อวี้ชิงโหรวไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ชะโงกหน้าไปถามคนรับใช้คนนั้นที่นั่งอยู่ด้านนอก “ตอนที่เจ้ากลับมา ท่านอ๋องแปดอยู่ห่างจากจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเท่าไร?”
“ไม่ไกลขอรับ พี่เหลียงเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงสั่งให้ข้าน้อยรีบกลับมารายงานฮูหยินและคุณหนู”
“หากพูดเช่นนี้ ตอนนี้พวกเขาก็น่าจะเข้าไปในจวนเสนาบดีฝ่ายขวาแล้วสินะ?”
คนรับใช้ชะงัก ก้มหน้าครุ่นคิด “ก็ไม่แน่ขอรับ พี่เหลียงน่าจะคิดหาวิธียื้อเวลาท่านอ๋องแปดแล้ว”
อวี้ชิงโหรวพยักหน้า สั่งให้คนขับรถม้าเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น ก่อนจะปิดม่านรถลงอีกครั้ง
เขาพูดถูก เหลียงจิ่วถือเป็นคนมีความเฉลียวฉลาด ย่อมทราบดีว่าควรทำอย่างไร
เย่ฮ่าวหรานกลับคิดไม่ถึง ในตอนที่เห็นว่าเข้าใกล้จวนเสนาบดีฝ่ายขวามากขึ้นเรื่อย ๆ คนรับใช้ที่ไล่ตามด้านหลังรถม้าก็พุ่งตัวมาขวางด้านหน้ารถม้าของตนเอง
ใบหน้าเล็ก ๆ ของอวี้เป่าเอ๋อร์ขาวซีด รีบหันมองเย่ฮ่าวหรานด้วยความตื่นตระหนก ฝ่ามือค่อย ๆ กำเข้าหากัน ดูเหมือนจะหงุดหงิดอย่างมาก
ใกล้จะถึงจวนเสนาบดีฝ่ายขวาอยู่แล้ว เขาเกือบจะได้เจอเสนาบดีฝ่ายขวาแล้ว เหตุใดถึงได้ล้มเหลวในตอนท้ายเสียได้
ไม่ได้การล่ะ เขาจะปล่อยให้ถูกจับตัวไปอีกครั้งไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เหลือโอกาสแล้วจริง ๆ
“อะไรกัน ความกล้าหาญของพวกเจ้ามากขนาดนี้เชียวรึ ถึงได้กล้าขวางรถม้าของเรา?” เย่ฮ่าวหรานแหวกม่านออก สายตาเย็นชาเหลือบมองเหลียงจิ่วที่อยู่ด้านหน้ารถม้า
เหลียงจิ่วยิ้มเจื่อนรีบกล่าวขอโทษขอโพย “ท่านอ๋องแปด คือว่า ท่านไม่ได้บอกว่าจะมาที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวานี่ขอรับ”
“สามหาว เราจะไปที่ใด จำเป็นต้องรายงานเจ้าก่อนด้วยหรือ?”
เหลียงจิ่วชะงัก รีบก้มหน้าและพูดด้วยเนื้อตัวสั่นเทา “มิกล้า ข้าน้อยมิกล้า ท่านอ๋องอย่าได้โกรธเคือง เพียงแต่ เพียงแต่ข้าน้อยให้คนกลับไปรายงานนายท่านและฮูหยินว่านายน้อยจะไปที่จวนท่านอ๋องแปด ตอนนี้ เกรงว่านายท่านและฮูหยินคงไปที่จวนท่านอ๋องแปดแล้ว เรื่องนี้…หากท่านอ๋องไปเป็นแขกที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวา เช่นนั้นมิเท่ากับนายท่านของข้าน้อยไปเสียเที่ยวหรือขอรับ?”
เย่ฮ่าวหรานกระตุกมุมปาก รู้สึกว่าช่างน่าขันนัก “นายท่านและฮูหยินของเจ้าเป็นใครหรือ? หรือว่าแม้แต่เราก็ไม่มีสิทธิ์ให้พวกเขานั่งรอ? หรือว่า พวกเขามีความสามารถมากกว่าเสนาบดีฝ่ายขวา มีค่าให้เราปล่อยให้เสนาบดีฝ่ายขวารอและกลับไปเจอกับพวกเขาก่อน?”
เหลียงจิ่วตื่นตระหนกอยู่ภายในใจ บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดออกมาแล้ว “ข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนี้ เพียงแต่ข้าน้อยเป็นกังวลว่าหากนายน้อยอาการกำเริบขึ้นมา หากเข้าไปในจวนเสนาบดีฝ่ายขวา ถึงเวลานั้นลงไม้ลงมือทำอะไรเสนาบดีฝ่ายขวาขึ้นมาคงไม่ดีแน่ สิ่งนี้อาจทำให้ท่านอ๋องแปดลำบากไปด้วย หากเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ ข้าน้อยคงรับผิดชอบไม่ไหวหรอกขอรับ”
มุมปากของอวี้เป่าเอ๋อร์ขึงตึง มือที่จับเสื้อคลุมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาคิดไว้อยู่แล้ว หากเหลียงจิ่วไม่ยอมหลีกทางให้ ต่อให้ต้องบุกเขาก็จะบุกเข้าไป มิเช่นนั้นหากรอให้สองแม่ลูกอวี้ชิงโหรวและเฉินจีซินมาถึง คงไม่ทันการแน่
เย่ฮ่าวหรานย่อมทราบดีว่าเหลียงจิ่วคิดจะยื้อเวลา เขาก็แค่สละเวลาพูดคุยกับอีกฝ่ายไม่กี่ประโยค ถึงอย่างไรเขาก็มีแผนอยู่ในใจแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนที่พวกเขาเหล่านี้มีความคิดอยู่ภายในใจ จู่ ๆ ประตูใหญ่ของจวนเสนาบดีฝ่ายขวาก็ถูกเปิดออก
…………………………
สารจากผู้แปล
เจ้าแผนการนักนะนังจิ้งจอกชิงโหรว จะคอยดูว่าแผนแกจะพังหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬