อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 236 ทำดีที่สุดแล้ว
ตอนที่ 236 ทำดีที่สุดแล้ว
ตอนที่ 236 ทำดีที่สุดแล้ว
บุรุษวัยกลางคนที่ดูคล้ายกับพ่อบ้านรีบวิ่งออกมาอย่างรีบร้อน ก่อนจะยกมือคารวะตรงหน้ารถม้าของเย่ฮ่าวหราน “ท่านอ๋องแปด ท่านเสนาบดีเชิญให้ท่านเข้าพบในจวนขอรับ”
เย่ฮ่าวหรานเลิกคิ้ว ก่อนจะช้อนสายตามองไปยังจวนเสนาบดีฝ่ายขวาที่ดูเหมือนจะห่างจากที่นี่ไปร้อยหมี่ รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้น เสนาบดีฝ่ายขวาอายุยังน้อยแต่กลับได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อ ก็ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล
หนานหนานชะโงกหัวเล็ก ๆ ออกมา มองพ่อบ้านคนนั้นปราดหนึ่ง และรีบออกแรงพยักหน้า “ดีเลย ๆ พวกเราจะรีบไปเดี๋ยวนี้ แต่ที่นี่มีคนมาขวางทางไม่ยอมให้พวกเราเข้าไป พวกท่านรีบให้ผู้รักษาความปลอดภัยมาไล่พวกเขาออกไปเถอะ”
“เอ่อ…” พ่อบ้านคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองเหลียงจิ่ว
เหลียงจิ่วของจวนอวี้ เขาย่อมรู้จัก เสนาบดีฝ่ายขวาดูแลคนของจวนอวี้มาโดยตลอด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่กล้าอ้างสิทธิ์ทำตัวหยิ่งผยองไล่เขาออกไป
พ่อบ้านแอบลำบากใจ เขายกมือขึ้นมาคารวะหนานหนาน ก่อนจะเดินไปกระซิบโน้มน้าวเหลียงจิ่วที่อยู่ข้าง ๆ “นี่รถม้าของท่านอ๋องแปด เจ้าขัดขวางมิได้หรอก กลับไปก่อนเถิด ในเมื่อที่นี่อยู่ด้านนอกจวนเสนาบดีฝ่ายขวา ท่านเสนาบดีย่อมมีอำนาจตัดสินใจ”
เหลียงจิ่วขมวดคิ้ว พ่อบ้านออกมาต้อนรับแล้ว เขาย่อมไม่มีเหตุผลที่จะรั้งอีกต่อไป เขายื้อเวลาได้เพียงแค่นี้ก็นับว่าสุดความสามารถแล้ว หากยังหาข้ออ้างต่อไป เกรงว่าคงได้ทำให้ท่านอ๋องแปดโกรธเคือง และอาจทำให้เดือดร้อนไปจนถึงจวนอวี้ด้วย
หลังจากชะงักไป เหลียงจิ่วจึงทำได้เพียงแค่ขอโทษอ๋องแปดและถอยไปด้านข้าง
พ่อบ้านรีบก้าวเท้ามาด้านหน้าพร้อมกับแย้มยิ้ม “ท่านอ๋องแปด เชิญทางนี้ขอรับ”
หนานหนานรู้สึกได้ว่าพ่อบ้านคนนี้ไม่น่ารักเลยสักนิด ทัศนคติที่มีต่อเหลียงจิ่วอะไรนั่นดีขนาดนี้ เป็นไปได้อย่างไรกัน? คนไม่ดีก็ควรจะถูกจัดการสักตั้งถึงจะถูกต้อง
อวี้เป่าเอ๋อร์กลับแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดเขาก็เข้าไปในจวนเสนาบดีฝ่ายขวาได้แล้ว ในที่สุดเขาก็จะได้เจอหน้าเสนาบดีฝ่ายขวา ในที่สุดเขาก็จะได้เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรว
อวี้เป่าเอ๋อร์กำมือทั้งสองข้างด้วยความประหม่า หัวใจเต้นตึกตักหนักหน่วง แม้แต่ลมหายใจก็ถี่ขึ้นด้วย
เย่ฮ่าวหรานมองเขาปราดหนึ่ง ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงแต่สั่งให้คนขับรถม้าขับไปที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวา
เหลียงจิ่วขมวดคิ้วมุ่นมองรถม้าของพววกเขาที่ขับเข้าประตูใหญ่ ก่อนจะทุบหน้าขาตนเองแรง ๆ และหันกลับไปถาม “ฮูหยินยังไม่มาอีกหรือ?”
“ยังไม่มา?” อีกคนที่อยู่ด้านหลังก็หันกลับไปมองปราดหนึ่ง แต่กลับไม่เห็นรถม้าของจวนอวี้ ต่างก็พากันเป็นกังวลอย่างมาก
ประตูของจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเปิดและปิดลงอีกครั้ง ด้านในและด้านนอกจวนราวกับกลายเป็นคนละโลกทันใด
หนานหนานกระโดดไปมาภายในจวนด้วยความตื่นตาตื่นใจ ตั้งแต่ลงมาจากรถม้าเขาก็ยังไม่หยุดเดิน มือข้างหนึ่งจับมือของเย่หลานเฉิงไว้แน่น ๆ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้าดูสิ ที่นี่ไม่เหมือนกับตำหนักรัชทายาทเลยเนอะ? เอ่อ แม้ว่าจวนเสนาบดีจะใหญ่มาก แต่ดูจนมากเลย ครั้งก่อนข้าเห็นตำหนักของเย่หลานผิงยังหรูหรากว่าที่นี่ตั้งเยอะ”
หลังจากหนานหนานมาถึงเมืองหลวง เขาก็เคยเห็นจวนแค่ไม่กี่แห่ง
เขายังไม่เคยไปตำหนักของอ๋องซิว จวนส่วนตัวของเย่ซิวตู๋ไม่ได้เหมือนกับจวนเหล่านี้ ส่วนตำหนักของรัชทายาทเขาก็เคยไปแค่หอจิ่นซิ่ว ส่วนที่อื่นยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมชม
จะว่าไป หากมองอย่างละเอียดแล้ว ตำหนักอ๋องเป่าของเย่หลานผิงคงดูดีที่สุดแล้ว
ทว่าในตำหนักอ๋องเป่ามีของดี ๆ เยอะมาก ตอนที่เขาเข้าไปด้านใน เขาเห็นสะพานเล็ก ๆ ที่มีน้ำไหลผ่านอยู่ทางซ้ายมือ ได้อารมณ์สุนทรีย์อย่างมาก
เย่ฮ่าวหรานได้ยินก็ถึงกับมุมปากกระตุกวูบ เขาโน้มตัวลงและอุ้มหนานหนานขึ้นมา “นี่เจ้าคงกำลังคิดถึงของดี ๆ อีกสินะ? เสนาบดีฝ่ายขวานี่แหละคือคนเก่งของจริง ส่วนเงินของเขาน่ะหรือ? คงนำไปซื้อตำรา กระดาษ พู่กัน น้ำหมึกและกระดาษหมดแล้ว เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าการออกแบบภายในจวนแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรู้และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ?”
เย่หลานเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พยักหน้าตาม จวนเสนาบดีฝ่ายขวาไม่ได้มีความเกินจริงเหมือนตระกูลขุนนางคนอื่น ๆ การตกแต่งภายในจวนก็เหมือนกับตัวตนของเขา มีความอ่อนโยนมาก แต่ก็แอบแฝงด้วยความหมายที่ปิดซ่อนไว้ไม่ได้เปิดเผยออกมาให้เห็น
เพียงแต่หนานหนานกลับไม่เข้าใจ เขาหันมองซ้ายขวาอีกครั้ง ก่อนจะพูดอย่างเด็ดขาดว่า “ข้าก็ยังรู้สึกว่าจนอยู่ดีนั่นแหละ”
“…” เย่ฮ่าวหรานเกิดแรงกระตุ้นจนเกือบกระอักเลือด ช่างเถอะ เหตุใดเขาต้องคุยเรื่องปัญหาที่แสนจะลึกล้ำของเด็กที่รู้จักแค่เรื่องกินและนับเงินด้วย? เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ
ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเหยียบเข้ามาในจวนของเสนาบดีฝ่ายขวา ซึ่งมันก็แตกต่างจากจวนธรรมดาจริง ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนิทกับเสนาบดีฝ่ายขวา แต่เขาก็รู้สึกชื่นชมคนคนนี้มาก
“ท่านอ๋องแปดชมเกินไปแล้ว” ตอนที่พวกเขาเดินตรงเข้าไปในห้องโถงด้านหน้า จู่ ๆ ด้านหลังก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น
หลี่จื่อฝานเดินมาตรงหน้าเย่ฮ่าวหรานด้วยรอยยิ้ม ทำความเคารพเพื่อคารวะอย่างสง่างามและเชิญให้เขาเดินเข้าไปด้านใน
“เหตุใดวันนี้ท่านอ๋องแปดถึงได้มีเวลาว่างแวะเวียนมาที่จวนของข้าหรือ?” หลีจื่อฟานหรี่ตาสำรวจท่านอ๋องแปดผู้สง่างามที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เย่ฮ่าวหรานยักไหล่ “เราไม่ได้มีเจตนาจะมารบกวนเสนาบดีฝ่ายขวายามมืดค่ำเช่นนี้ เพียงแต่พวกเด็ก ๆ ยืนกรานจะมาหาเสนาบดีฝ่ายขวาที่ผู้คนเล่าลือให้ได้ เราโน้มน้าวใจไม่สำเร็จ จึงต้องมารบกวนเสนาบดีหลี”
ครั้นสิ้นสุดเสียงของเขา หนานหนานก็วิ่งกระโดดดึ๋ง ๆ มาหยุดตรงหน้าหลีจื่อฟาน เงยศีรษะเล็ก ๆ ถามอย่างชาญฉลาดว่า “ข้าขอเยี่ยมชมจวนเสนาบดีฝ่ายขวาสักหน่อยได้หรือไม่?”
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อยากกลับวังเร็วขนาดนี้ จำเป็นต้องยื้อเวลาสักหน่อย
หลีจื่อฟานชะงัก ก้มหน้ามองเด็กน้อยผิวพรรณผุดผ่องที่ยืนอยู่ตรงหน้า เมื่อได้เห็นระยะใกล้เช่นนี้ เขาจึงสังเกตเห็นว่ารูปร่างหน้าตาของหนานหนานทำให้เขาถูกใจเหลือเกิน ดวงตาที่กำลังกะพริบปริบ ๆ คู่นั้นที่ดูราวกับพูดได้ ทำให้เขานึกถึงสตรีนางหนึ่งไปชั่วขณะ
เด็กเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลอะไรให้เขาปฏิเสธ
“ได้สิ พ่อบ้าน ช่วยพาคุณชายน้อยไปเดินเล่นในจวนสักหน่อย ดูแลอย่างระมัดระวังด้วย อย่าปล่อยให้เขาหกล้มล่ะ”
เย่ฮ่าวหรานถึงกับตบหน้าผากตนเอง ยื่นมือออกไปเพื่อห้าม “ท่านเสนาบดี เรื่องนี้คงไม่จำเป็น เด็กน้อยยังไม่รู้ความ อย่าได้…”
“ท่านอ๋อง ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้ ในเมื่อเด็ก ๆ ชอบ เช่นนั้นก็อย่าได้พรากความสนุกไปจากเขาเลย ข้าสั่งให้คนไปเตรียมอาหารค่ำแล้ว ท่านอ๋องอยู่รับประทานมื้อค่ำด้วยกันที่นี่แล้วค่อยกลับดีหรือไม่?”
เย่ฮ่าวหรานมองท้องฟ้า ก่อนจะมองไปยังหนานหนานที่วิ่งตามพ่อบ้านออกไปไกลแล้วโดยไม่สนใจคำห้ามปรามของเขา ครั้นนึกถึงความสามารถในการเป็นนักกินของหนานหนาน ภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบ “เช่นนั้นก็รบกวนท่านเสนาบดีด้วย”
หลีจื่อฟานแย้มยิ้ม ตอนที่กำลังจะดื่มน้ำชา จู่ ๆ ก็มีคนรับใช้เดินเข้ามาด้านในพร้อมกับกระซิบบางอย่างข้างหูหลีจื่อฟาน
หลีจื่อฟานชะงักไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร ด้านนอกก็มีเสียงที่ดังสูงขึ้นเล็กน้อยดังลอดเข้ามา “ท่านเสนาบดี ให้ความเป็นธรรมกับพวกเราสองแม่ลูกด้วยเจ้าค่ะ”
ครั้นเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น สองแม่ลูกเฉินจีซินก็บุกเข้ามาด้านในห้องโถง พร้อมกับคุกเข่าคารวะลงตรงหน้าหลีจื่อฟาน
…………………………
สารจากผู้แปล
มาได้จังหวะพอดีกันอีก รอดูละครฉากต่อไปเลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)