อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 238 ปวดหัวจนแทบระเบิด
ตอนที่ 238 ปวดหัวจนแทบระเบิด
เสียงสะอึกสะอื้นของเฉินจีซินถึงกับชะงักทันใด นางรีบเงยหน้ามองหลีจื่อฟาน “เมื่อ…เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ? เป่าเอ๋อร์ไม่ได้มาที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวา?”
“ใช่ ข้ายังไม่เห็นเป่าเอ๋อร์เลย” หลีจื่อฟานพยักหน้า จากนั้นก็นึกถึงเด็กสองคนนั้นที่เย่ฮ่าวหรานพามาด้วย
ทว่าอีกคนหนึ่งเป็นซื่อจื่อของรัชทายาท ส่วนอีกคนน่ะรึ อายุไม่ได้เท่ากับเป่าเอ๋อร์เลยด้วยซ้ำ
เขาไม่ได้เจอหน้าอวี้เป่าเอ๋อร์มาหลายปีแล้ว และไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตาเขาเป็นเช่นไร ทว่าเขากลับรู้อายุของเป่าเอ๋อร์ หนานหนานดูเหมือนจะอายุไม่แค่สี่ห้าขวบ เขาไม่ใช่อวี้เป่าเอ๋อร์แน่นอน
ดังนั้นในบรรดาเด็กสองคนนั้นที่เย่ฮ่าวหรานพามา ไม่ได้มีเขาอยู่ในนั้น
อวี้ชิงโหรวหยุดท่าทางเหนียมอาย อดไม่ได้ที่จะหันไปสบตากับเฉินจีซินปราดหนึ่ง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงหันมามองเย่ฮ่าวหราน ก็พบว่าอีกฝ่ายอยู่ในท่าทางนิ่งสงบ ความสงสัยภายในใจก็ยิ่งมากขึ้น
“แต่…คนรับใช้ภายในจวนบอกว่าเป่าเอ๋อร์ขึ้นไปบนรถม้าของท่านอ๋องแปดจริง ๆ นะเจ้าคะ”
หลีจื่อฟานหันหน้ามาสบตากับเย่ฮ่าวหรานด้วยความสงสัย
“อืม มีเด็กขึ้นมาบนรถม้าของเราจริง ๆ” เย่ฮ่าวหรานพยักหน้า วางแก้วในมือลงแสร้งทำเป็นสง่างาม หันมองสองแม่ลูกด้วยรอยยิ้ม “แต่ระหว่างทางที่เดินทางมา เขาขอร้องให้เราแอบปล่อยเขาลงจากรถม้าอย่างเงียบ ๆ บอกว่าเขามีเรื่องต้องไปทำ อันที่จริงเราเองก็อยากจะพาเขากลับตำหนักอ๋อง ถึงเวลานั้นจะได้ให้ใต้เท้าอวี้และฮูหยินอวี้ไปรับตัวเขากลับด้วยตนเอง แต่ในรถม้าของเรายังมีเด็กอีกคน เขาดันมีปากเสียงกับอวี้เป่าเอ๋อร์ที่พวกเจ้าพูดถึง ยืนกรานที่จะไล่เด็กคนนั้นลงจากรถม้าให้ได้ เด็กคนนั้นและเรามีความสัมพันธ์ระหว่างกัน แค่เขาอาละวาด เราก็ทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว จึงต้องให้อวี้เป่าเอ๋อร์ลงจากรถไป”
“เช่นนั้นตอนนี้อวี้เป่าเอ๋อร์ไปที่ใดแล้ว?” หลีจื่อฟานก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวด้วยท่าทางตื่นตระหนก ทำให้เย่ฮ่าวหรานตกใจจนถึงกับใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อย่างห้ามไม่อยู่
เสนาบดีฝ่ายขวาผู้นี้วางตัวนิ่งสงบมาโดยตลอด เหตุใดเมื่อเป็นเรื่องของจวนอวี้ เขากลับทำตัวเสียสมดุลเช่นนี้? เขาก็แค่ชอบอวี้ชิงโหรวไม่ใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงได้ไปกังวลอวี้เป่าเอ๋อร์เสียได้?
เย่ฮ่าวหรานยักไหล่ “ไม่รู้สิ เราเองก็ไม่รู้ว่าเขามีธุระอะไรกันแน่ หากเสนาบดีฝ่ายขวารีบร้อน ก็รีบส่งคนไปตามหาเถอะ ตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดแล้ว เด็กออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว เกรงว่า…”
“ท่าน…” หลีจื่อฟานหน้าถอดสี รีบสาวเท้าออกจากห้องโถงด้านหน้า ตะโกนเสียงดังใส่คนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “สั่งให้ทุกคนที่อยู่ในจวนออกไปให้หมด ตามหาเด็กอายุราว ๆ สิบกว่าขวบ เขาเป็นนายน้อยตระกูลอวี้”
“ขอรับ”
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวหันสบตากัน ใจเต้นตึก ๆ ตัก ๆ หากอวี้เป่าเอ๋อร์ไม่ได้มาที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาจริง ๆ เช่นนั้นแล้วเขาจะไปที่ใด?
เพียงแต่ ไม่ว่าจะไปที่ได้ เรื่องที่รีบร้อนในตอนนี้ก็คือห้ามมิให้คนของจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเจอตัวอวี้เป่าเอ๋อร์ก่อน
บัดซบ หากรู้ตั้งแต่แรกว่าอวี้เป่าเอ๋อร์ไม่ได้มาที่นี่ พวกนางจะทำร้ายตนเองแล้ววิ่งมาสารภาพโดยไม่ต้องมีใครคาดคั้นไปเพื่ออะไรกัน
เรื่องนี้ต้องโทษท่านอ๋องแปดผู้นี้ อยู่ดีไม่ว่าดีจะมาที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาทำไมกัน?
ทั้งสองคนครุ่นคิดเช่นนี้ จึงรีบมาหยุดตรงหน้าหลีจื่อฟาน กล่าวว่า “ท่านเสนาบดี ในเมื่อเป่าเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นพวกเราขอตัวกลับก่อน พวกเราเองก็เป็นห่วงความปลอดภัยของเป่าเอ๋อร์มาก อยากออกไปตามหาเขาด้วยตนเอง”
“อืม ก็ดีเหมือนกัน ฮูหยินอวี้ระวังตัวด้วย” หลีจื่อฟานชะงักไป ราวกับกำลังครุ่นคิดว่าเขาเองก็ควรจะออกไปหาด้วยตนเองหรือไม่
ทว่าในเวลานี้เอง พ่อบ้านได้นำหนานหนานและเย่หลานเฉิงกลับมาจากการเยี่ยมชมจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเพราะรู้สึกเบื่อและหิวแล้ว
ตอนแรกหนานหนานจะวิ่งเข้าไปด้านในโถงใหญ่ แต่หลังจากวิ่งไปได้ครึ่งหนึ่งเขาก็ดึงขาเล็ก ๆ กลับมาในทันที ก่อนจะเดินกลับไปอีกครั้ง
ตอนที่เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นเฉินจีซินก็ถึงกับตะโกนเสียงดังในทันที “พวกเจ้านี่เอง อ๋อ ๆๆ ที่แท้พวกเจ้าก็คือหญิงชั่วสองคนนั้นนี่เอง”
“…เป็นเจ้าเองรึ?” เฉินจีซินชะงัก ทั้งยังขบฟันด้วยความเกลียดชังใส่เด็กคนนี้ ครั้งก่อนเด็กคนนี้ทำให้พวกนางต้องเสียหน้าถึงขีดสุด แม้พวกนางจะบอกเสนาบดีฝ่ายขวาไปแล้ว และให้เสนาบดีฝ่ายขวาเขียนรายงานเกี่ยวกับเย่หลานผิงไปหนึ่งฉบับ ทว่าความอับอายที่เกิดขึ้นกับพวกนางก็ยังไม่ถูกลบล้างจนถึงตอนนี้ ทุกครั้งที่นึกถึงก็รู้สึกกินข้าวไม่ลงนอนไม่หลับ
คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้โลกจะแคบ และได้มาเจอกันที่นี่อีกครั้ง
เย่ฮ่าวหรานรีบวางแก้วน้ำชาในมือลงและวิ่งออกมา “หนานหนาน…เจ้า…เจ้ารู้จักพวกนางหรือ?” หรือว่าหนานหนานจะรู้ว่าสองคนนี้คือคนของตระกูลอวี้ และเป็นญาติของเขาแล้ว?
หนานหนานแค่นเสียงด้วยความขุ่นเคือง “ก็ใช่น่ะสิ ครั้งก่อนท่านลุงเหวินเทียนพาข้าออกไปเที่ยว ผลลัพธ์ที่ได้ตอนที่กำลังซื้อของอยู่บนถนนใหญ่ จู่ ๆ รถม้าของพวกนางก็อาละวาดอยู่บนถนน เกือบชนข้าจนตายเลย โชคดีที่ท่านลุงเหวินเทียนฝีมือดีจึงช่วยข้าไว้ได้ มิเช่นนั้นข้าคงได้ตายไปแล้ว ตายอย่างน่าสังเวชด้วย”
เหวินเทียน? หลีจื่อฟานหรี่ตาลงทันใด เหวินเทียนคือผู้อารักขาข้างกายเย่ซิวตู๋มิใช่หรือ?
เรื่องในครั้งนั้น เด็กที่ฮูหยินอวี้บอกว่าถูกเย่หลานผิงปกป้องไว้ก็คือหนานหนานที่อยู่ตรงหน้านี่เอง
หลีจื่อฟานสำรวจเด็กคนนี้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น เดิมทีเขาคิดว่าเป็นแค่เด็กน้อยที่น่ารัก และเป็นสหายข้างกายซื่อจื่อของรัชทายาท เย่ฮ่าวหรานที่ชอบความสนุกสนานจึงอยู่กับเขาและปกป้องเขาเช่นนี้
ทว่าตอนนี้ดู ๆ ไปแล้ว เด็กคนนี้ไม่เพียงแค่มีผู้อารักขาของท่านซิวอ๋องคอยคุ้มกันและได้รับการปกป้องจากผิงซื่อจื่อ ตอนนี้ยังมีเย่ฮ่าวหรานที่คอยคุ้มกันอีกหนึ่งคน จริงด้วย ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่โรงเตี๊ยมเยว่หมิง เด็กคนนี้ดูเหมือนจะเคยพูดว่าจะบอกฮ่องเต้เรื่องที่หมอเสิ่นสวมรอยเป็นหมอปีศาจ…ก็คือเขานี่เอง
มุมปากของหลีจื่อฟานเม้มตึงมากยิ่งขึ้น จนแทบจะกลายเป็นเส้นตรงแล้ว เด็กที่ชื่อหนานหนานคนนี้ มีสถานะไม่ธรรมดาเป็นแน่
เฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวเห็นท่าทีของเย่ฮ่าวหรานที่มีต่อหนานหนาน ทั้งสองคนก็เข้าใจได้ในทันที พวกนางรับรู้ได้ว่าเด็กคนนี้มิใช่คนที่จะสร้างความขุ่นเคืองได้ จึงรีบกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “คุณชายน้อย เรื่องคราวก่อนเป็นความผิดของพวกเราเอง วันนี้พวกเรายังมีธุระเร่งด่วน คงต้องขอตัวก่อน”
ครั้นกล่าวจบ พวกนางทั้งสองก็รีบเดินออกไปทันที
หนานหนานไม่ยอม รีบกระโดดดีดตัวทำท่าจะพุ่งตัวตามออกไป ทว่ากลับถูกเย่ฮ่าวหรานดึงกลับมา
“พอแล้วหนานหนาน เจ้าไปเดินเล่นมาตั้งนานไม่หิวหรือ? ท่านเสนาบดีเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว พวกเราไปกินข้าวเถอะ นะ?” เย่ฮ่าวหรานจะไม่ปล่อยให้เขาสร้างปัญหามากไปกว่านี้เด็ดขาด พูดเป็นเล่น หากเขายังไปตามเก็บกวาดสองแม่ลูกตระกูลอวี้ต่อ คาดว่าคงได้กลับถึงวังช่วงกลางดึก
หนานหนานได้ยินเรื่องของกิน ก็รู้สึกพึงพอใจขึ้นมา ลูบท้องแบนราบ หันไปมองหลีจื่อฟานราวกับอีกฝ่ายกำลังทารุณกรรมตนเอง
มุมปากของหลีจื่อฟานกระตุก เกิดความรู้สึกที่ไม่อาจต้านสายตาของเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก รีบโบกมือสั่งให้พ่อบ้านไปยกอาหารมาจัดวาง จากนั้นพวกเขาจึงเดินไปที่ห้องโถง
ความตะกละของหนานหนานมีมากมาแต่ไหนแต่ไร หลีจื่อฟานเห็นก็ถึงกับทึ่ง โชคดีที่เด็กคนนี้กินอย่างพึงพอใจ เล่นมาทั้งวันแล้วก็เลยรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจริง ๆ แล้ว
เย่ฮ่าวหรานอยากขอบคุณฟ้าดิน รีบอุ้มหนานหนานที่เริ่มงัวเงียเพราะความง่วงขึ้นรถม้า จากนั้นจึงกล่าวลาและออกเดินทางกลับวัง หลังจากส่งเย่หลานเฉิงเข้าวังแล้ว เขาจึงออกจากประตูวังก่อนที่ประตูจะปิดในอีกหนึ่งเค่อพร้อมด้วยสภาพเหงื่อชุ่มศีรษะ
ทว่าตอนที่ขึ้นรถ ก็พบกับเด็กอีกหนึ่งคนที่นอนอยู่ในรถม้าเพราะถูกตนเองทุบจนหมดสติไป เขาก็รู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิดอีกครั้ง
…………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องแปดตอนนี้คือแผนกเก็บกู้ทุ่นระเบิดสินะคะ เหนื่อยแย่เลย