อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 240 ความรักของใครบางคนกำลังผลิบาน
ตอนที่ 240 ความรักของใครบางคนกำลังผลิบาน
ตอนที่ 240 ความรักของใครบางคนกำลังผลิบาน
อวี้ชิงลั่วถึงกับชะงัก รีบหันกลับไปมอง “ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เยว่ซินรีบก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว ค้อมกายคารวะเย่ซิวตู๋เล็กน้อย “ท่านอ๋อง”
“อืม เจ้าออกไปเถอะ”
เยว่ซินหันกลับไปมองอวี้ชิงลั่ว ก่อนจะเหลือบมองไปที่อวี้เป่าเอ๋อร์ที่ยังนอนอยู่บนเตียงด้วยความกังวล จากนั้นจึงเดินออกจากประตูห้องไป ภายใต้สัญญาณจากเย่ซิวตู๋ นางจึงปิดประตูห้องลงช้า ๆ ด้วยท่าทางเป็นกังวล
“โม่เสียนบอกว่าเจ้าแปดนำตัวเด็กคนนี้มาส่งให้เจ้า คนที่เจ้าแปดนำตัวมาส่ง ข้าก็ต้องมาดูสักหน่อย” เย่ซิวตู๋เดินไปนั่งลงข้าง ๆ โต๊ะด้วยตนเอง ก่อนจะรินน้ำชาให้ตนเองและจิบอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อได้ลิ้มรสความหวานและสดชื่น เขาจึงดื่มหมดแก้วภายในรวดเดียว
มุมปากของอวี้ชิงลั่วถึงกับกระตุกวูบ จากนั้นจึงไอกระแอมเสียงเบาหนึ่งเสียง ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “อวี้เป่าเอ๋อร์เป็นน้องชายของข้า”
“อืม ข้าจะให้พ่อบ้านหยางไปจัดเตรียมเรือนให้เขา ให้เขาไปพักอยู่ที่นั่น” เย่ซิวตู๋ตอบด้วยท่าทางนิ่งสงบ ก่อนจะรินน้ำชาให้ตนเองอีกแก้ว
“…ท่านตกลงให้เขามาอยู่ในตำหนักอ๋องจริง ๆ หรือ?”
“หากข้าไม่ตกลง เจ้าเตรียมตัวจะทำเช่นไรรึ?” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ไปหาโรงเตี๊ยมสักแห่งเพื่อตั้งรกรากให้เขา หรือว่าซื้อบ้านให้เขาพักอาศัย?”
อวี้ชิงลั่วยอมรับว่าคนคนนี้มีความสามารถในการอ่านความคิดของนางจริง ๆ นางไม่ได้คิดจะให้อวี้เป่าเอ๋อร์พักอยู่ในจวนอ๋อง เดิมทีนางก็ไม่ได้อยากจะเกี่ยวข้องกับเย่ซิวตู๋ให้มากเกินไปอยู่แล้ว หลังจากนี้อวี้เป่าเอ๋อร์จะกลายเป็นความรับผิดชอบของนาง ให้อยู่ที่นี่ภายภาคหน้าคงเกิดความยุ่งยากอย่างมาก
ดังนั้นเมื่อครู่ที่นางเงียบไปนานขนาดนั้น ก็เป็นเพราะกับกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดเตรียมให้เขาอย่างไร ถึงอย่างไรไม่ว่าจะออกไปหาโรงเตี๊ยมข้างนอก หรือซื้อบ้านเพื่ออยู่เป็นการส่วนตัว สำหรับอวี้เป่าเอ๋อร์แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมอยู่ดี
ครั้นเห็นนางเงียบขรึม เย่ซิวตู๋จึงอดรู้สึกขุ่นเคืองไม่ได้ ยิ้มเยาะกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าข้าคงทายถูกสินะ อะไรกัน ตำหนักอ๋องของข้าตั้งใหญ่โต ให้น้องชายของเจ้าอยู่อีกสักคนจะไม่ได้เชียวรึ?”
อวี้ชิงลั่วถึงกับสำลัก คนคนนี้อารมณ์เสียอะไรกัน? ไม่ยึดพื้นที่ในตำหนักอ๋องของท่านแล้วก็ยังไม่มีความสุขอีกหรือ? “ข้าก็แค่คิดว่ารบกวนท่านอ๋องเกินไป”
“ไม่…รบ…กวน…เลย…สัก…นิด” เย่ซิวตู๋มองนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สตรีผู้นี้มีความสามารถทำให้เขาโกรธจนกระอักเลือดจริง ๆ ทนไว้ทนไว้ เขาระงับความโกรธไว้ ก่อนจะลุกขึ้นอย่างฉับพลันและกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ข้าจะไปหาพ่อบ้านหยาง ส่วนเจ้าก็อาบน้ำอาบท่ารีบพักผ่อนได้แล้ว วันพรุ่งยังต้องเข้าวังไป ‘ถอนพิษ’ ให้องค์ชายเจ็ดอีก”
ครั้นกล่าวจบ ก็เดินออกจากจวนอวี้ชิงลั่วไปโดยไม่มองและไม่หันกลับมาอีก
อวี้ชิงลั่วถึงกับงงงันเพราะเย่ซิวตู๋ สรุปแล้วเขามาทำอะไรที่นี่กันแน่?
“คุณหนู?” เยว่ซินแอบวิ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง นางหันหน้ากลับไปมอง กระซิบถามว่า “คุณหนู ข้าน้อยเห็นท่านอ๋องเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปแล้ว คุณหนูทำให้ท่านอ๋องโกรธหรือเจ้าคะ?”
“เปล่า” อวี้ชิงลั่วตอบอย่างเรียบง่าย
เยว่ซินกลับไม่เชื่อ คนในจวนอ๋องแห่งนี้ต่างก็พูดว่าท่านอ๋องเป็นคนที่หน้าไร้อารมณ์และเย็นชาตลอดทั้งวัน ไม่มีใครกล้าแสดงท่าทีเหิมเกริมต่อหน้าเขา ภายในจวนอ๋องคนที่ทำให้ท่านอ๋องหน้าเปลี่ยนสีได้ มีแค่คุณหนูของนางเท่านั้น
โม่เสียนเคยบอกว่า สาเหตุก็เป็นเพราะท่านอ๋องชอบคุณหนูของนาง เยว่ซินมาคิด ๆ ดูแล้วก็คิดว่าจริง ท่านอ๋องซิวใส่ใจคุณหนูจริง ๆ แม้ว่าจะไม่เคยบอกคุณหนูอย่างชัดเจน แต่จากการกระทำของเขานางเองก็พอจะมองออก
แต่ท่าทีของคุณหนู…กลับเย็นชาเกินไปแล้วจริง ๆ
เยว่ซินเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก สถานะของท่านอ๋องซิวไม่ธรรมดา ภายในเมืองหลวงมีลูกสาวของตระกูลใหญ่จำนวนมากที่จ้องเขาตาเป็นมัน อีกอย่างเขาก็มีอำนาจควบคุมความเป็นความตาย คุณหนูไม่เห็นเขาอยู่ในสายตายังพอทน แต่อย่างน้อย ๆ ก็ควรพูดด้วยความเกรงใจสักหน่อยเถิด มิเช่นนั้นหากความอดทนของท่านอ๋องถูกใช้จนหมด บางทีเขาอาจไล่คุณหนูออกไป และอาจถึงขั้นฆ่าคุณหนูด้วย
ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องปกติของบุรุษที่จะเกิดอาการได้ใหม่แล้วลืมเก่า
เยว่ซินคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ก็เป็นกังวลจนกินข้าวไม่ลง โดยเฉพาะตอนนี้คุณชายน้อยก็อยู่ที่นี่ด้วย แค่นางนึกถึงภาพหลังจากนี้ที่คุณหนูและคุณชายน้อยอาจรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ ก็นิ่งทำให้นางกังวลใจเข้าไปใหญ่
ครั้นได้มาคิด ๆ ดูแล้ว เยว่ซินจึงคิดว่าต้องโน้มน้าวใจคุณหนู ต่อให้เป็นคำพูดตรงไปตรงมาที่ไม่น่าฟัง แต่ก็ยังมีคำพูดที่ต้องพูดสักหน่อย “คุณหนู อันที่จริงท่านอ๋องซิวก็ไม่เลวเลยนะเจ้าคะ ท่านดูสิเจ้าคะ ท่านอ๋องตำแหน่งสูงทั้งยังมีอำนาจมากล้น แต่เขากลับไม่ได้ทำนิสัยไม่ดีใช้อำนาจรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าเหมือนอวี๋จั้วหลิน ไม่ได้มีแค่นี้นะเจ้าคะ คนข้างกายของเขาก็เป็นคนดีขนาดนั้น ไม่นินทา ทั้งยังให้เกียรติคุณหนูมาก…จริงสิ…เหมือนกับโม่เสียนคนนั้น วรยุทธ์ของเขาสุดยอดมากเลยนะเจ้าคะ ไม่เพียงแค่ปกป้องท่านอ๋องด้วยใจ แต่ยังปกป้องคุณหนูด้วยใจเช่นกัน ทั้งยังปกป้องบ่าวด้วย ดูเป็นคนตงฉินมากเลย แม้ว่าจะไม่ได้ดูดีเหมือนท่านอ๋อง แต่บ่าวคิดว่าอย่างน้อย ๆ ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าอวี๋จั้วหลินเลย อีกอย่างนะเจ้าคะ ตอนที่เขามีของดี ๆ ก็ไม่ลืมที่จะนำมาแบ่งปันให้ทุกคน สำหรับสาวรับใช้อย่างบ่าว เขาก็ไม่เคยดูถูกบ่าวเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ น้ำเสียงที่เขาพูดก็ไพเราะเสนาะหูมากด้วย”
“…” อวี้ชิงลั่วเงยหน้ามองเยว่ซินด้วยความประหลาดใจ เมื่อครู่นางคิดจะพูดเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับเย่ซิวตู๋ไม่ใช่หรือ? เหตุใดพูดไปพูดมา ถึงได้ดูคล้ายกับกำลังชื่นชมโม่เสียนเสียได้?
“เยว่ซิน เจ้าชอบโม่เสียนรึ?”
“หา? เปล่า…เปล่านะเจ้าคะ คุณหนูพูดไปถึงไหนแล้ว? คุยกันอยู่ดี ๆ เหตุใดคุณหนูถึงคิดเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ คำพูดนี้จะพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะเจ้าคะ คุณหนู เยว่ซินยังอยากรับใช้คุณหนูตลอดทั้งชีวิตนะเจ้าคะ” เยว่ซินถึงกับตกใจ รีบโบกมือถอยหลังออกไปสองก้าว ใบหน้าก็แดงระเรื่อรีบปฏิเสธพัลวัน แม้แต่การพูดจาก็กลายเป็นละล่ำละลัก
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วแย้มยิ้ม “จุ๊ ๆ ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังมีความรักผลิบานแล้วสินะ” พูดตามตรง องครักษ์ทั้งสี่คนที่อยู่ข้างกายเย่ซิวตู๋ต่างก็ดูดีกันทั้งนั้น มีสาวใช้ภายในตำหนักแห่งนี้จำนวนไม่น้อยที่แอบหลงรักพวกเขา
เพียงแต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงก็คือ ภายในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้เยว่ซินกลับตกเป็นเชลยให้โม่เสียนเสียแล้ว เสน่ห์ของโม่เสียนช่างมากล้นจริง ๆ
“คุณหนู” เยว่ซินมองอวี้ชิงลั่วอย่างเหนียมอาย ก่อนจะกระทืบเท้าและหมุนตัววิ่งออกไป
อวี้ชิงลั่วถึงกับยกมือลูบหน้าผาก ไอกระแอมเบา ๆ หนึ่งเสียงและแย้มยิ้มออกมาอย่างเงียบ ๆ หากเยว่ซินและโม่เสียนจะรักกันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องปล่อยให้พวกเขาพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อไป นางคงไม่เข้าไปยุ่ง หากโม่เสียนก็ชอบเยว่ซิน คนคนนั้นต้องลงมือแสดงให้เห็นด้วยการกระทำแน่นอน และคงไม่ต้องให้ถึงมือของนางเข้าไปแทรกแซง
อันที่จริงหากเยว่ซินได้อยู่กับโม่เสียนก็ถือเป็นเรื่องที่ดี หลังจากนี้หากนางออกจากตำหนักอ๋องซิวแล้ว เยว่ซินก็ยังมีบ้านให้กลับไป
อวี้ชิงลั่วยิ้มอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง ก่อนจะหันมามองอวี้เป่าเอ๋อร์ที่ยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียง หลังจากเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง จึงลุกขึ้นและเดินกลับเข้าห้องนอนของตนเอง
หลับสบายตลอดทั้งคืน
อย่างไรก็ตาม ตอนที่ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง อวี้เป่าเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียงก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
ครั้นเห็นห้องที่ไม่คุ้นเคย เห็นการตกแต่งห้องที่แตกต่างจากจวนอวี้ราวฟ้ากับเหว และยังได้กลิ่นหอมสดชื่นของไม้จันทน์หอม สิ่งนี้ก็ทำให้อวี้เป่าเอ๋อร์ถึงกับ…มึนตึ้บ
……………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องหงุดหงิดอะไรคะ ทุ่มให้สาวแล้วสาวไม่ยอมใจอ่อนเหรอ
เยว่ซินกับโม่เสียนนี่ชอบกันตอนไหนนะ ไวจริงๆ
ไหหม่า(海馬)