อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 25 ท่านเข้าใจผิดแล้ว
ตอนที่ 25 ท่านเข้าใจผิดแล้ว
“นี่มัน ท่านเองหรอกหรือ เหอะ ๆ บังเอิญจัง” ดวงตาของหนานหนานกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว มองซ้ายทีขวาทีก็พบว่าพยัคฆ์ทมิฬหยุดอยู่ด้านในลานของจวนโม่แล้ว จู่ ๆ เขาก็เกิดความคิดอยากชนกำแพงขึ้นมา
เจ้าเสือดำสมควรตาย ความสัมพันธ์ระหว่างเราจบกันแล้ว คอยดูเถอะ ข้าจะไม่ให้เจ้ากินหัวผักกาดเหลืองอีกแล้ว
“รู้หรือไม่ว่าผลลัพธ์จากการลักขโมยเสือดำของข้าเป็นเช่นไร?” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น มองดูเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าออกแรงเหยียดแขนและขาเล็ก ๆ เกรงว่าระหว่างทางมานี้คงทุลักทุเลจนร่างกายของเขาคงได้รับทุกข์ทรมานไม่น้อย
หนานหนานเบิกตากว้างแทบถลน เงยหน้ามองอย่างองอาจ และลั่นวาจาอันชอบธรรม “ท่านอา ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ลักขโมยเสือดำของท่าน ข้าเพียงแค่พามันออกไปดูโลกกว้างก็เท่านั้น ท่านอา อย่าหาว่าข้าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ ท่านอย่าเอาแต่ขังเสือดำน้อยตัวนี้ไว้ในจวนสิ ท่านดูเถอะ เป็นเพราะเหตุนี้ มันถึงได้กลายเป็นเสือดำจอมทึ่มตัวหนึ่ง ด้านนอกมีอะไรก็ไม่รู้จัก แม้แต่ซาลาเปาก็ยังไม่รู้จักเลย ทึ่มชะมัด”
โม่เสียนตามเข้ามาพอดี เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ถึงกับเข่าอ่อน เขาอยากมุดธรณีหนีเสียเหลือเกิน
หนานหนานเห็นว่าเย่ซิวตู๋ฟังอย่างเพลิดเพลิน จึงพูดอย่างมั่นใจยิ่งขึ้นว่า “ท่านอา ข้าอยากให้มันมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง ท่านคงไม่รู้ว่าข้าเหนื่อยเพียงใด ข้าน่ะพามันไปเดินบนถนนมาตั้งสามรอบ มันถึงมีความสามารถในการรับรู้เส้นทางขึ้นมาบ้าง ท่านอาอย่าหาว่าข้าบ่นเลยนะ ท่านบอกว่าท่านเลี้ยงเสือดำก็เอาแต่เลี้ยงมัน ถึงอย่างไรท่านก็ต้องเลี้ยงให้มันฉลาดสักหน่อยสิ เจ้านี่โง่เกินไปแล้ว ท่านดูสิ ข้าให้มันกลับมา คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเริ่มวิ่ง โอ๊ย ไม่เพียงแต่สะบัดจนข้าเกือบตกลงมา แถมยังทำให้ก้นของข้าแยกเป็นสองซีกด้วย”
ยิ่งพูดหนานหนานก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ โดยเฉพาะตอนนี้แขนและขาเล็ก ๆ ของเขากำลังปวดระบมหนัก แม้แต่จะปีนลงมาจากตัวของเจ้าเสือดำก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก ผ่านไปครึ่งค่อนวัน กว่าจะยื่นมือเล็ก ๆ อ้วน ๆ อันขาวเนียนของตนเองออกมา “ท่านอา ดึงข้าลงหน่อยสิ”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น เขายื่นมือใหญ่ออกมาและอุ้มหนานหนานลงจากหลังของพยัคฆ์ทมิฬ
เมื่อหนานหนานลงมาถึงพื้นแล้ว แขนขาก็อ่อนยวบ จึงทำได้เพียงแค่พิงเข้ากับแขนของเย่ซิวตู๋ด้วยร่างกายสั่นระริกเล็กน้อย ทั้งยังถลึงตามองเสือดำที่กำลังกินเนื้ออยู่ข้าง ๆ เป็นครั้งคราว
จริง ๆ เลย เขาเสียเวลาไปนานถึงขนาดนั้น ไม่เพียงแต่มิอาจพาเสือดำตัวนี้ออกไปได้ แต่ยังต้องกลับมาที่นี่อีกหน
คิด ๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าอยากอาเจียนเป็นโลหิตออกมา
ทว่าฝ่ายที่อยากอาเจียนยิ่งกว่าหนานหนานก็คือแมงป่องที่อวี้ชิงลั่วปล่อยออกมา เดิมทีมันตามกลิ่นของหนานหนานออกจากจวนโม่ไปแล้ว เพียงพริบตาก็วนกลับมาที่นี่อีกหน
แต่ด้วยความประมาทเช่นนี้ ทำให้พยัคฆ์ทมิฬที่กินอิ่มและกำลังเรอได้เห็นเข้าพอดี
แมงป่องตัวนั้นแทบจะปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน เจ้าเสือดำกระโดดขึ้น และไล่ตบแมงป่องที่ปีนเข้ามาด้านในประตูด้วยอุ้งเล็บ
หนานหนานตกใจมาก “ไว้ชีวิตคนที่อยู่ใต้กรงเล็บ เอ๋…ไม่ถูก ไว้ชีวิตแมงป่องด้วย”
ระหว่างที่พูดเขาก็ปรี่ตัวเข้าไปด้านหน้า แต่น่าเสียดายที่ขาซ้ายและขวาของเขาพันกัน จึงเกิดเสียงตุบดังขึ้นพร้อมกับร่างที่ล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
“พรืด” โม่เสียนที่ตามเข้ามาด้านในถึงกับขำพรืดออกมาอย่างไร้น้ำใจ
เย่ซิวตู๋ช้อนสายตาจ้องเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวลงเล็กน้อย ยกเจ้าเด็กน้อยให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินไปด้านหน้าพยัคฆ์ทมิฬ และบีบตัวแมงป่องที่อยู่ใต้กรงเล็บของมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
หนานหนานเงยหน้าเล็ก ๆ ขึ้น ใช้มือเล็ก ๆ ดึงเสื้อคลุมของเขา “ท่านอา นั่นของข้าเอง”
“ของเจ้า?”
“อือ ท่านคืนข้าเถอะ” หนานหนานลูบแขนเล็ก ๆ ที่ล้มจนบาดเจ็บ พยายามที่จะยกตัวให้สูงขึ้น
เย่ซิวตู๋กลับหันไปส่งสัญญาณกับโม่เสียนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลด้วยสายตา อีกฝ่ายจึงหยิบขวดออกมาเก็บแมงป่องกลับเข้าไปด้านในนั้น
หนานหนานถึงกับมึนตึบ “นี่ ท่านอา ท่านทำแบบนี้ไม่ถูกนะ นั่นเป็นของของข้า ท่านควรคืนให้ข้าสิ ข้าอุตส่าห์พาเสือดำของท่านไปเดินเล่นมาทั้งวัน ไม่ได้รับความดีความชอบแถมยังทำงานอย่างหนัก ท่านไม่ให้เงินข้ายังพอทน เหตุใดถึงเอาของของข้าไปเล่า? ท่านทำแบบนี้ ท่านทำแบบนี้เดี๋ยวฟ้าได้ผ่าตายพอดี”
เย่ซิวตู๋รู้สึกได้ว่าแมงป่องตัวนี้ช่างน่าสงสัย บนหลังของมันดูเหมือนว่าจะมีสีผิดแผกจากแมงป่องตัวอื่น ดู ๆ ไปแล้วไม่ปกติเอาเสียเลย
แถมท่าทางตกประหม่าของเจ้าเด็กคนนี้…
“แมงป่องตัวนี้ดูอันตราย ข้าจะเก็บไว้ที่นี่ชั่วคราว”
หนานหนานแสดงท่าทางโกรธเคือง “ท่านอา เสี่ยวไป๋เหอไม่อันตรายเลยสักนิด นั่นเป็นของที่ท่านแม่ของข้า…ไม่ถูกสิ สรุปก็คือ ท่านไม่ควรเลือกปฏิบัติกับแมงป่องตัวหนึ่งเข้าใจหรือไม่? เสี่ยวป๋ายเหอน่ารักมาก มันคือสหายตัวน้อยของข้า”
มุมปากโม่เสียนกระตุกอย่างแรง เสี่ยวไป๋เหอ? ชื่อประหลาดเช่นนี้ใครเป็นคนตั้งให้มันกันแน่?
ดวงตาเย่ซิวตู๋เป็นประกาย ดูเหมือนว่าแมงป่องตัวนี้จะเกี่ยวข้องกับมารดาของเด็กคนนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งปล่อยมันไปไม่ได้
“โม่เสียน พาหนานหนานกลับไปพักผ่อนที่ห้อง”
“ขอรับ นายท่าน”
โม่เสียนก้าวเท้ามาด้านหน้า ก่อนจะยกร่างของเด็กน้อยขึ้นมา หนานหนานแกว่งมือแกว่งเท้าเริ่มดิ้นสุดชีวิต ศีรษะของเขาบิดไปมา “ปล่อยข้าลง ปล่อยข้าลงไป”
โม่เสียนไม่สนใจเขา เขาถูกเด็กคนนี้ทำให้ทรมานเหนื่อยเจียนตายมาหนึ่งวันแล้ว หลังจากจัดการเจ้าเด็กคนนี้ เขายังต้องมารายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันกับนายท่านอีก
เสียงของหนานหนานห่างออกไปเรื่อย ๆ ทว่าความโกรธเคืองนั้นกลับไม่ลดลง น้ำเสียงยังเปี่ยมไปด้วยพลังอยู่
เย่ซิวตู๋ตบหลังเสือดำ ในมือถือขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กใบนั้น และก้าวเท้าเดินกลับเข้าห้องตนเองทีละก้าว
เหวินเทียนในตอนนี้กำลังรออยู่ด้านนอกตู๋เซวียน ครั้นเห็นเขาจึงก้มหน้าเล็กน้อย “นายท่าน”
“สืบเจอแล้วหรือ?” เย่ซิวตู๋ปรายตามองเขา เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี จึงให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ ด้วยความเมตตาที่หาได้ยากยิ่ง เขาทราบดีว่าอีกฝ่ายถูกใส่ยาถ่าย ท้องไส้จึงปั่นป่วนตลอดช่วงบ่าย
เหวินเทียนมีสีหน้าขาวซีด ครั้นได้ยินคำถามของเย่ซิวตู๋ ใบหน้าก็ขาวซีดขึ้นอีกหลายส่วน สีหน้าเต็มไปด้วยความละอาย “ข้าน้อยไร้ความสามารถ มิอาจสืบเจอว่าแม่นางอวี้เป็นคุณหนูจากตระกูลใด”
ในเจียงเฉิงแห่งนี้มีตระกูลแซ่อวี้ไม่มาก แต่กลับไม่มีตระกูลใดที่มีบุตรสาวโตขนาดนี้
เย่ซิวตู๋เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบา ๆ ครั้นนึกถึงสตรีผู้นั้นที่มีทักษะทางการแพทย์ไม่ธรรมดา จึงกล่าวด้วยท่าทางครุ่นคิดว่า “บางที เจ้าอาจตามสืบผิดทางแล้ว”
“นายท่านหมายความว่า…”
“บางทีนางอาจไม่ใช่คนในพื้นที่ของเจียงเฉิง และอาจไม่ใช่คุณหนูตระกูลใหญ่”
รูม่านตาเหวินเทียนหดเล็ก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ไม่ใช่คนในพื้นที่ของเจียงเฉิง? แต่จากสำเนียงของแม่นางอวี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ต่างจากคนของเจียงเฉิงเลย อีกอย่างชุดที่นางสวมใส่อยู่บนตัวก็ยังเป็นสิ่งที่มีแค่คุณหนูจากตระกูลใหญ่เท่านั้นที่จะซื้อมาสวมใส่ได้
เพียงแต่ ที่นายท่านพูดก็มีเหตุผล บางที เขาควรตรวจสอบอีกทิศทางหนึ่งถึงจะถูก
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว จะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“อืม” เย่ซิวตู๋โบกมือ จนกระทั่งเหวินเทียนออกไป คิ้วของเขาก็ยังขมวดเป็นปมอยู่อย่างนั้น เขามักจะรู้สึกว่าตนได้มองข้ามปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งไป แต่มันคือสิ่งใดเขาก็ยังคิดไม่ตก
ความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกลดน้อยลงอย่างมากแล้ว แม่นางแซ่อวี้ผู้นั้นมีความสามารถไม่น้อยเลย ยาที่นางให้เขาก็ดูเหมือนจะมีฤทธิ์ระงับความเจ็บปวดได้ด้วย เมื่อเทียบกันแล้วหากอูตงอยู่ตรงหน้านางคงดูไม่จืดเลยจริง ๆ
“นายท่าน…”
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ด้านนอกประตูก็มีเสียงของโม่เสียนดังขึ้น
เย่ซิวตู๋ปรายตามองก็พบว่าโม่เสียนมีใบหน้าเขียวปั้ด ท่าทางราวกับลังเลที่จะพูด เขาเลิกคิ้วขึ้น แต่เมื่อนึกถึงเด็กน้อยไร้กฎเกณฑ์ ใบหน้าก็เคร่งขรึมมากขึ้นเช่นกัน
…………………………
สารจากผู้แปล
จะโป๊ะแล้วไหมหนานหนาน แอบพลั้งปากบอกว่าแมงป่องเป็นของแม่ตัวเองไปแล้ว
ไหหม่า (海馬)