อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 258 หัวเราะใส่ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
ตอนที่ 258 หัวเราะใส่ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
ตอนที่ 258 หัวเราะใส่ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
“ใช่ เมื่อครู่นั่งอยู่ในศาลาแอบรู้สึกเบื่อ ๆ ก็เลยออกไปเดินเล่นในสวน คิดไม่ถึงเลยว่าเดินไปเดินมาแล้วจะไปโผล่ยังศาลาอีกแห่งหนึ่งที่มีลักษณะแบบเดียวกัน นั่งอยู่ที่นั่นพักใหญ่ถึงรู้ตัวว่าไปนั่งผิดที่ พวกเจ้าคงตามหาข้าให้วุ่นเลยสินะ?” อวี้ชิงลั่วปรับน้ำเสียงให้ดูเข้าถึงง่าย
ฟางซานแอบบ่นอยู่ภายในใจ ทว่ามิได้แสดงออกผ่านสีหน้า ทั้งยังพูดด้วยท่าทางละอายใจว่า “ขออภัยแม่นางชิง เป็นเพราะฟางซานตรึกตรองไม่ถี่ถ้วน ฟางซานน่าจะหาคนมานำทางแม่นางชิงถึงจะถูก เป็นความผิดของฟางซานเองเจ้าค่ะ”
“เฮ้อ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้มิได้เป็นความผิดอะไร เจ้าอย่าได้เป็นกังวล ข้าไม่นำไปบอกฮูหยินใหญ่หรอก”
ฟางซานจึงโล่งอกในทันที นางแย้มยิ้มและเดินนำอวี้ชิงลั่วกลับมาที่ศาลา ทว่าน้ำสาลี่ถ้วยนี้มิอาจกินได้แล้ว เยว่ซินจึงรีบยกถ้วยกลับไปเปลี่ยนที่ห้องครัวมาใหม่
อวี้ชิงลั่วได้เบาะแสมาแล้ว นางจึงนั่งรับลมอยู่ภายในศาลาอย่างสบายใจ ทอดมองน้ำที่อยู่ในบ่อเงียบ ๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย
จนกระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฮูหยินใหญ่ที่เข้าไปพักผ่อนก็รีบเดินออกมา จากนั้นพวกนางก็กลับไปหาอวี๋จั้วหลินอีกหน
หลังจากตรวจสอบและไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ แล้ว อวี้ชิงลั่วจึงยื่นใบสั่งยาให้ฮูหยินใหญ่ และขอตัวออกมาจากจวนอวี๋
เยว่ซินรู้สึกตึงเครียดตั้งแต่เข้าไปด้านในจวนอวี๋แล้ว ความทรงจำไม่ดีเกี่ยวกับที่นี่ทำให้นางมิอาจผ่อนคลายลงได้จริง ๆ
จนกระทั่งขึ้นรถม้าและออกห่างจากจวนอวี๋หลายร้อยหมี่ ในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยกมือตบหน้าอกพลางถามด้วยรอยยิ้ม “คุณหนู ท่านคิดว่าฟางซานจะนำเรื่องนี้ไปบอกฮูหยินใหญ่หรือไม่เจ้าคะ?”
อวี้ชิงลั่วพิงเข้ากับขอบรถม้าด้วยรอยยิ้ม “หากนางพูด ฮูหยินใหญ่คงลงโทษนางเป็นคนแรก ถึงอย่างไรวันนี้ก็มิได้เกิดปัญหาอะไร นางย่อมปิดปากสนิทไม่พูดอะไรอยู่แล้ว”
เยว่ซินครุ่นคิด คุณหนูพูดถูก ฮูหยินใหญ่มิใช่คนนิสัยดี แม้ฟางซานจะเป็นสาวใช้คนสนิทของนาง แต่ถ้าฮูหยินใหญ่โมโหขึ้นมา ต่อให้เป็นบุตรสาวแท้ ๆ ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน บนโลกใบนี้คนที่ฮูหยินใหญ่ให้ความรักและประคบประหงมมากที่สุด คงมีแค่บุตรชายของนางเพียงคนเดียว
เยว่ซินครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ก็แอบเบาใจ ตอนที่หันกลับมามองคุณหนูของตนเอง ก็พบว่าอวี้ชิงลั่วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นออกมาอีกครั้ง พร้อมกับวางลงบนฝ่ามือและจ้องมองอย่างละเอียด
“คุณหนู ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้สกปรกขนาดนี้ แม้แต่บ่าวก็ยังมองไม่เห็นอะไรเลย รอกลับตำหนักอ๋องบ่าวจะนำไปซักให้สะอาด คุณหนูค่อยดูอีกครั้งดีหรือไม่เจ้าคะ”
“อืม” อวี้ชิงลั่วตอบอย่างเกียจคร้าน เพียงแต่สายตาของนางยังคงมองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
นางเห็นของมามากมาย ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ให้ความรู้สึกสบายมือจริง ๆ ทั้งลื่นมือและละเอียด ตรงมุมของผ้าเช็ดหน้าดูคล้ายกับจะปักลายดอกไม้ไว้ด้วย เพียงแต่เป็นเพราะสกปรกเกินไปจึงมองไม่เห็นสีสันและมองไม่ออกว่าเป็นรูปร่างอย่างไร
แม่นมเก๋อมีความลับอะไรกันแน่?
ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้…หรือจะเป็นเบาะแสเพียงอย่างเดียวที่จะตามหาตัวนางได้
อวี้ชิงลั่วใช้มือลูบบนผ้าเช็ดหน้า ทว่าคิ้วกลับขมวดเข้าหากัน นางครุ่นคิดว่าหากแม่นมเก๋อมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ในอาณาจักรเฟิงชางจริง ๆ เรื่องนั้นคงซับซ้อนมาก
นางอยากออกจากเมืองหลวงให้เร็วที่สุด ไม่เคยคิดจะเข้าไปในวังเลย ทว่าตอนนี้…
อืม…บางทีอาจขอความช่วยเหลือจากหนานหนานได้ ตอนนี้เจ้าเด็กคนนั้นอยู่ในวัง ทั้งยังชอบมีความคิดแผลง ๆ บางทีเขาอาจเจอเบาะแส
อืม กลับเข้าวังครั้งหน้า นางต้องไปคุยกับหนานหนานสักหน่อย
ทว่าหนานหนานที่นางนึกถึงในเวลานี้ แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว
ฮ่องเต้ออกจากตำหนักอี๋ซิ่งและเสด็จไปที่ตำหนักของเย่หลานเฉิงทันที ทว่าบัดนี้พระองค์กำลังจ้องเขม็งใส่เด็กที่กำลังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาอยู่ข้าง ๆ
“เก่งจริง ๆ ความกล้าหาญของเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ…หืม? กล้าวิ่งไปแอบฟังที่ห้องตำราหลวง ทั้งยังกล้าตกลงเข้าร่วมการแข่งขันกับองค์ชายสามโดยไม่รอฟังความยินยอมจากเรางั้นรึ?”
หนานหนานเงยหน้ามองคานบ้าน เริ่มคำนวณว่าด้านบนนั้นมีการแกะสลักไว้กี่จุด ท่าทางราวกับมิได้ยินสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัสแม้แต่น้อย
ฮ่องเต้ถึงกับมีสีหน้าอึมครึมพลางตบฉาดลงบนโต๊ะด้วยความขุ่นเคือง “เจ้าคิดว่าเราไม่กล้าจับเจ้าไปตัดหัวงั้นรึ? เจ้าคงคิดว่าเป็นเพราะเราเอาอกเอาใจเจ้า จึงมิต้องเกรงกลัวต่อสิ่งใดงั้นรึ?”
“ย่อมมิได้หมายความเช่นนั้น” หนานหนานรีบก้มหน้าลง จู่ ๆ เขาก็วิ่งเข้าไปหาฮ่องเต้ ระดับความเร็วเพียงชั่วพริบตา จู่ ๆ ก็ถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของฮ่องเต้แล้ว “เป็นเพราะท่านคือเสด็จปู่ของข้า เสด็จปู่จะตัดหัวของหลานชายตนเองได้อย่างไรกัน? จริงหรือไม่ เสด็จปู่ ข้ารู้ว่าท่านรักข้ามากที่สุด”
“…” นี่เป็นครั้งแรกที่พระองค์ได้ยินหนานหนานเรียกว่า ‘เสด็จปู่’ พระองค์ถึงกับใจอ่อนปวกเปียกแล้ว เพียงแค่ได้ยินเสียงเด็กน้อยของเขาเรียกขานด้วยคำนี้ พระองค์ก้มมองศีรษะเล็ก ๆ ที่มุดอยู่ในอ้อมกอด ความโกรธพลันมลายหายไป
เด็กคนนี้เข้าใจวิธีทำให้พระองค์โกรธเคือง แต่ก็ทำให้พระองค์หายโกรธได้ภายในพริบตาเดียว
พูดตามตรง พระองค์มีพระนัดดามากมาย แต่กลับไม่เคยมีใครกล้าถลาเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดเช่นนี้แม้แต่คนเดียว พระองค์เป็นฮ่องเต้มาหลายปีแล้ว และมิเคยยื่นมือออกไปกอดเด็กสี่ห้าขวบมาก่อน แม้กระทั่งเย่ซิวตู๋พระองค์ก็มิเคยได้กอดเขาอีกเลยหลังจากเขาอายุครบสองขวบ
อืม ที่แท้เด็กน้อยวัยห้าขวบก็ตัวหนักแบบนี้นี่เอง
“เหอะ อย่าคิดว่าเรียกเราว่า ‘เสด็จปู่’ ครั้งเดียวแล้วเราจะยอมยกโทษให้เจ้าง่าย ๆ” ฮ่องเต้เค้นเสียงเย็น ทว่ากลับยื่นมือออกไปประคองตัวที่เอนเอียงของหนานหนานไว้ พระองค์รู้สึก…หนักมากจริง ๆ
เหมียวเชียนชิวแอบถอนหายใจ เขาก็คิดไว้อยู่แล้ว ฮ่องเต้ชอบเสด็จมาที่นี่ ย่อมเป็นเพราะรู้สึกโปรดปรานซื่อจื่อน้อยผู้นี้ ท่านอ๋องซิวได้มอบความร่าเริงให้กับฮ่องเต้จริง ๆ
เย่หลานเฉิงแอบถอนหายใจเช่นกัน แม้ว่าเขาและหนานหนานจะรู้จักกันมาช่วงหนึ่งแล้ว ทว่าเขาก็มักจะถูกหนานหนานทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่รับมือไม่ทันอยู่บ่อยครั้ง
“ข้าไม่ได้เรียกแค่ครั้งเดียว เมื่อครู่ข้าเรียกเสด็จปู่ไปสองครั้งแล้วนะ” หนานหนานเงยหน้าด้วยท่าทางฉลาดปราดเปรื่อง พร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้วให้ฮ่องเต้
ฮ่องเต้พยายามกลั้นหัวเราะ แต่ก็ถูกท่าทางของหนานหนานทำให้หลุดหัวเราะออกมา “ฮ่า ๆ เจ้าเด็กแสบ ผ่านไปนานขนาดนี้ ในที่สุดก็รู้สักทีสินะว่าเราคือเสด็จปู่ของเจ้า?”
“อันที่จริงจะโทษข้าไม่ได้นะ ท่านพ่อของข้าไม่ยอมบอกว่าข้าว่าเป็นลูกชายของท่าน มิเช่นนั้นข้าคงเรียกท่านว่าเสด็จปู่ไปนานแล้ว หากท่านจะลงโทษก็ต้องไปหาท่านพ่อของข้านู้น”
“เอาเถอะ ๆ อย่าพูดจาเหลวไหล เราเตือนเจ้าไว้ก่อนเลย ห้ามเข้าร่วมการแข่งขันการประลองของสี่อาณาจักรเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”
หนานหนานกระโดดออกจากอ้อมกอดของฮ่องเต้ “แต่ข้าเดิมพันกับองค์ชายสามนั่นไปแล้ว หากให้ข้าถอยออกมา คงเสียหน้าแย่ หากมิอาจมีชื่อเสียงโด่งดัง มิอาจทำตัวหยิ่งผยองได้ หลังจากนี้คงไม่มีหน้าไปเจอใคร หลังจากนี้ทุกครั้งที่องค์ชายสามเจอข้าก็คงเอาแต่หัวเราะเยาะ ไม่ได้! ข้าต้องเข้าร่วมการประลองนั้นให้ได้”
“เจ้า…เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลที่ตามมาจากการต่อสู้เป็นเช่นไร?”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หนานหนานมีของจริงๆ ด้วย ขนาดฮ่องเต้ยังใจอ่อนได้
เอ่อ…ว่าแต่หนูแน่ใจเหรอที่จะไปแข่งขันการประลองสี่อาณาจักร?
ไหหม่า(海馬)