อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 262 ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว
ตอนที่ 262 ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว
เมื่อเหวินเทียนและโม่เสียนเห็นนายท่านออกมาด้วยท่าทางที่ดูเหมือนอารมณ์ดีขึ้นแล้ว พวกเขาก็สบตากัน และอดที่จะเอ่ยขึ้นไม่ได้ “ท่านอ๋อง ท่านมั่นใจเรื่องที่จะเกลี้ยกล่อมหนานหนานหรือไม่?”
“เกลี้ยกล่อมหนานหนาน? พวกเจ้าคิดว่าเจ้าตัวน้อยควรจะเข้าร่วมการประลองหรือไม่?” เย่ซิวตู๋พิงเข้ากับขอบรถม้า ชายหนุ่มค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นและเอ่ยออกมาเบา ๆ
โม่เสียนพยักหน้า “ทุก ๆ ครั้งในการประลองของทั้งสี่อาณาจักร มีผู้ที่บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก หนานหนานอายุยังน้อย ข้าน้อยกลัวว่าจะเป็นอันตราย”
เย่ซิวตู๋ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา ชายหนุ่มค่อย ๆ วางมือลงบนตัก ผ่านไปไม่ไม่นานจึงมองไปยังเหวินเทียน “เจ้าก็คิดเช่นนี้หรือ? ?”
“ข้าน้อยไม่สนับสนุนตั้งแต่ต้น” เหวินเทียนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง และก็มีอีกความคิดเห็น “แต่ว่าเมื่อได้ยินแม่นางอวี้กล่าวว่าสามารถให้หนานหนานเข้าร่วมการประลองได้ ข้าน้อยก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาจึงพิจารณาให้ถี่ถ้วน จึงพบว่าแม่นางอวี้นั้นน่าจะไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งแล้ว”
“ลึกซึ้ง?” โม่เสียนส่ายหน้า ใบหน้าชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความสับสน
เหวินเทียนรู้สึกว่าคนผู้นี้นั้นยามตกหลุมรักก็เปลี่ยนเป็นโง่งมจนไม่มีหนทางรู้แจ้งได้ แต่เหตุผลง่ายดายเช่นนี้กลับไม่เข้าใจ เขาเหลือบมองไปยังเจ้านายของตน เมื่อพบว่าชายหนุ่มไม่ได้ห้ามอะไรจึงได้กล่าวต่อ “หนานหนานเป็นบุตรชายของท่านอ๋อง ถึงแม้ตอนนี้หลาย ๆ คนจะไม่รู้จัก แต่จะช้าหรือเร็ววันข้างหน้าก็ต้องรู้จักอยู่ดี ถ้าทุกคนรู้ว่าหนานหนานไม่มีความกล้าที่จะเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเขากลับคำพูดในสิ่งที่กล่าวต่อหน้าฝ่าบาท ถึงเวลานั้นไม่ใช่เพียงแค่องค์ชายสาม ขุนนางชั้นสูงของอาณาจักรเฟิงชางก็จะรู้สึกว่าบุตรชายของท่านอ๋องซิวนั้นเป็นคนที่ท่าดีทีเหลว กลัวการประลองเลยไม่รับผิดชอบสิ่งใด เกรงว่าทุก ๆ คนจะคิดว่าท่านอ๋องของพวกเรานั้นกลัวองค์ชายสาม จึงกีดกันไม่ให้หนานหนานเข้าร่วมการประลอง”
เมื่อเหวินเทียนคิดถึงตรงนี้ ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมามิได้ “เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าหนานหนานจะไปที่ใด ก็จะโดนองค์ชายสามและองค์ชายสี่และคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะ”
โม่เสียนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จริงด้วย เหตุใดเขาจึงคิดจุดนี้ไม่ได้?
ไม่ช้าก็เร็วหนานหนานก็ต้องกลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม และซื่อจื่อเหล่านั้นไม่ช้าก็เร็วก็จะรู้ถึงสถานะของหนานหนานเช่นกัน ดังนั้นการประลองนี้…ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมได้
แต่ว่า ชีวิตของหนานหนานสำคัญกว่าการได้หน้านะ
ประเด็นนี้เหวินเทียนเองก็นึกขึ้นได้เช่นกัน “แน่นอนว่าการประลองครั้งนี้อันตรายมาก แต่หากได้รับชัยชนะในการประลองครั้งนี้ หนานหนานก็จะรุ่งโรจน์นับตั้งแต่นั้นไป ไม่เพียงแต่ซื่อจื่อเหล่านั้นจะไม่กล้าลงมือทำสิ่งใด วันข้างหน้าถ้าพวกขององค์ชายสามต้องการที่จะจัดการหนานหนาน ก็คงจะหนักใจอยู่ไม่น้อย กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือพวกเราไม่รู้ว่าทักษะที่แท้จริงของหนานหนานนั้นคืออะไร แต่ว่า…ครั้งก่อนท่านอ๋องเคยบอกไว้ว่า หนานหนานนั้นมีเคล็ดวิชาวรยุทธ์ลับที่สุดยอด ใช่ไหมขอรับท่านอ๋อง? ”
“อา” เย่ซิวตู๋หยักหน้าและยิ้มขึ้น ใบหน้าของชายหนุ่มภูมิใจเป็นอย่างมาก “เจ้าเด็กคนนั้น เป็นอัจฉริยะในด้านวรยุทธ์ แต่ว่า…ขี้เกียจไปหน่อย”
โม่เสียนและเหวินเทียนสบตากัน “นายท่าน แม่นางอวี้บอกไว้หรือขอรับ?”
“ไม่ใช่” เย่ซิวตู๋หลับตาลงอีกครั้งและยิ้มออกมา “คนผู้นั้นบอกข้ามา”
คนผู้นั้นหรือ? สีหน้าของโม่เสียนเต็มไปด้วยความสับสน เหวินเทียนเองก็เช่นกัน แต่เพียงแค่เห็นท่าทางที่มั่นใจของนายท่าน และเมื่อเห็นว่านายท่านและแม่นางอวี้นั้นไม่ได้มีความกังวล ผู้น้อยทั้งสองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลต่อสิ่งใด เพียงแค่เชื่อฟังคำสั่งก็พอ
ในเมื่อไม่ได้จะวางแผนเกลี้ยกล่อมหนานหนาน เช่นนั้นจุดประสงค์ในการเข้าวังของเย่ซิวตู๋ ก็คือการเกลี้ยกล่อมฮ่องเต้
ถึงแม้ว่าฮ่องเต้นั้นจะรู้ว่าคำพูดของเขานั้นมีเหตุผล เพียงแต่เมื่อนึกถึงความปลอดภัยของหนานหนาน ก็ยังมีความรู้สึกที่ตัดใจไม่ได้
อย่างไรก็ตามกษัตริย์ย่อมตรัสแล้วไม่คืนคำ ในเมื่อพระองค์ได้ให้คำรับรองกับหนานหนานแล้ว เย่ซิวตู๋จึงเป็นผู้ตัดสินใจเพียงผู้เดียว เวลานี้จึงไม่สามารถเปลี่ยนใจได้แล้ว
เมื่อมองดูท่าทางได้ใจของเจ้าเด็กน้อย ฮ่องเต้ก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย สองพ่อลูกคู่นี้ช่างเป็นหายนะของพระองค์เสียจริง ตั้งแต่พระองค์เป็นฮ่องเต้ ก็ไม่มีใครกล้าทำให้พระองค์กลัดกลุ้มได้เท่าทั้งสองคนนี้
ฮ่องเต้รู้สึกอึดอัดใจ เหตุใดจึงต้องเมตตาสองพ่อลูกนี้ด้วย?
ดวงตาเย่หลานเฉิงเบิกกว้างด้วยความรู้สึกไม่กล้าที่จะปักใจเชื่อ เด็กน้อยจะคิดได้เช่นไรล่ะว่าท่านอาห้าจะปล่อยให้หนานหนานเข้าร่วมการประลองทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันอันตรายมากแค่ไหน
หนานหนานเข้ามากอดเย่ซิวตู๋และเรียกชายหนุ่มว่าท่านพ่อ เมื่อคิดว่าตนเองนั้นจะสามารถเอาชนะฮ่องเต้ได้ เขาก็รู้สึกได้ใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่เย่ซิวตู๋กลับหยุดมือของเด็กน้อยเอาไว้ ชายหนุ่มเหลือบมองและยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าอย่าได้ใจไป ถึงแม้ว่าข้าจะสัญญากับเจ้า แต่ว่าก็มีเงื่อนไข”
“…ยังมีเงื่อนไขอยู่อีกหรือ?” หนานหนานร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ แขนทั้งสองข้างค่อย ๆ ลดลง และก้มหน้าลงทันที เด็กน้อยไม่อยากจะสนใจบิดาตนแล้ว
เย่ซิวตู๋จับจับเด็กน้อยเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มจ้องมองและเอ่ยขึ้นทีละคำ “พรุ่งนี้กลับถึงตำหนักอ๋องซิวเมื่อใด ข้าจะสอนวรยุทธ์ให้กับเจ้า”
หนานหนานเบิกตากว้าง “ไม่ ไม่เอา” เด็กน้อยไม่ต้องการเรียน การเรียนวรยุทธ์นั้นเหน็ดเหนื่อยมาก ๆ ยั้งต้องฝึกท่านั่งม้า ฝึกกระบองและมีดดาบ จะทำเช่นไรถ้าเกิดนิ้วเล็ก ๆ ของเด็กน้อยอย่างเขาบาดเจ็บขึ้นมา?
เย่ซิวตู๋ปล่อยมือพลางผุดยิ้ม “ถ้าเจ้าไม่เรียน ก็ไม่สามารถเข้าร่วมการประลองได้ วันข้างหน้าผู้คนก็จะหัวเราะเยาะเจ้า”
เมื่อพูดจบเขาก็หันมองไปยังฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ ในเมื่อเรื่องราวก็ได้ตัดสินแล้ว เช่นนั้นลูกก็ขอตัว”
หนานหนานยักไหล่ด้วยท่าทางไร้ชีวิตชีวา เด็กน้อยทำแก้มป่องและจ้องมองเย่ซิวตู๋ออกจากห้องไปพร้อมส่งเสียงฮึดฮัด มือเล็ก ๆ ของเขาก็เริ่มออกแรงทุบโต๊ะขึ้นมา “ท่านพ่อน่าเกลียด น่าเกลียด น่าเกลียด น่าเกลียด”
ฮ่องเต้แย้มยิ้มขึ้น อารมณ์ของพระองค์ดีขึ้นมาในทันที
เพียงแค่เวลาต่อมา เมื่อคิดว่าหนานหนานจะต้องไปอยู่ที่ตำหนักอ๋องกว่าครึ่งเดือน พระองค์ก็เริ่มรู้สึก…ไม่สบายใจมาก ๆ
พระองค์หวังว่าวันเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว จะได้ให้เจ้าเด็กน้อยนั้นกลับมายังพระราชวังอีกครั้ง
……
เช้าวันรุ่งขึ้น เหมียวเชียนชิวมาที่เรือนของเย่หลานเฉิงด้วยตนเองเพื่อมาเก็บของให้กับนายท่านตัวน้อยทั้งสองคน อีกทั้งพาพวกเขาขึ้นรถม้าไปยังตำหนักอ๋องซิวพร้อมกับพระราชโองการหนึ่งฉบับ
ตำหนักอันโอ่อ่าของเย่ซิวตู๋แสดงความงดงามในตัวมันออกมาอย่างชัดเจน จนกระทั่งเหมียวเชียนชิวได้อ่านพระราชโองการแล้วเสร็จ ทุก ๆ คนจึงเข้าใจว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น
ทันทีที่องค์ชายสามได้รับรู้เรื่องนี้ เวลานั้นเขาก็ได้ไปตำหนักขององค์ชายสี่เพื่อดื่มสุรากัน “คาดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อจะตอบตกลงให้เจ้าเด็กผีนั้นเข้าร่วมการประลอง ฮ่า ๆ แถมยังให้เหมียวกงกงนำพระราชโองการไปที่จวนของเย่ซิวตู๋ เพื่อให้เย่ซิวตู๋สอนวรยุทธ์ให้เจ้าเด็กผีนั่น น่าสนใจมาก ๆ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เย่ซิวตู๋ไปพูดจาใส่ไฟจนได้ทำเรื่องที่เสียแรงเช่นนี้หรอก การที่เขาได้สอนวรยุทธ์นั้นแล้วจะเป็นเช่นไร? เพียงแค่ครึ่งเดือน จะสามารถทำให้เจ้าเด็กผีผู้นั้นเป็นยอดฝีมือขึ้นมาได้เชียวหรือ?”
ไม่ใช่เพียงแค่องค์ชายสามเท่านั้น แม้กระทั่งองค์รัชทายาท ท่านอ๋องเป่า องค์ชายหกหรือแม้กระทั้งองค์ชายเจ็ดที่พึ่งจะฟื้นตัวก็อดที่จะคิดเช่นนั้นไม่ได้เช่นกัน
เนื่องจากหนานหนานและเย่หลานเฉิงต้องมาอาศัยที่ตำหนักท่านอ๋องซิว พวกเขาก็เพียงแค่ทำทุก ๆ อย่างเป็นเรื่องสนุกสนาน
ในฐานะท่านชายน้อย หนานหนานก็วิ่งเล่นไปทั่วลานบ้านของอวี้ชิงลั่ว เด็กน้อยวิ่งผ่านเยว่ซิน วิ่งผ่านอวี้เป่าเอ่อร์ และวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของอวี้ชิงลั่วและร้องออกมา “ท่านแม่”
“พรึ่บ” เสื้อในมือของเยว่ซินได้หล่นลง
“แกรก” พู่กันในมือของอวี้เป่าเอ๋อร์ได้หล่นลง
ทั้งสองคนจ้องไปที่หนานหนานด้วยความประหลาดใจ เมื่อครู่เด็กน้อยเรียกนางว่าเช่นไรนะ?
ท่านแม่หรือ?
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เตรียมรับการกำราบจากพ่อได้เลยหนานหนาน อย่าทำให้อาณาจักรเฟิงชางเสียหน้าล่ะ
ไหหม่า(海馬)