อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 280 เจอเรื่องยากลำบากอะไรมา
ตอนที่ 280 เจอเรื่องยากลำบากอะไรมา
ตอนที่ 280 เจอเรื่องยากลำบากอะไรมา
นี่คงเป็นพฤติกรรมส่วนใหญ่ของบุรุษ และอวี๋จั้วหลินก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น
อวี้ชิงลั่วแอบยิ้มเยาะ หลี่หรานหร่านในตอนนั้นก็ใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อให้อวี๋จั้วหลินมาอยู่ในมือและได้รับความโปรดปรานมิใช่รึ?
วิธีการประเภทนี้แม้ว่าจะไร้เดียงสาแต่กลับได้ผลเป็นอย่างดี อวี้ชิงลั่วก็ทำเป็นด้วย
หลายวันที่ไม่ได้เห็นหน้าของนางและไม่มีข่าวคราว อวี๋จั้วหลินคงคิดถึงนางเข้าแล้ว และภายในเมืองหลวงตอนนี้ยังมีข่าวลือของนางกับเสนาบดีฝ่ายขวาอีก เกรงว่าเขาคงเกิดความร้อนใจเข้าแล้ว
“แม่นางอวี้ เจ้าจะไปหรือไม่?” โม่เสียนจ้องมองอารมณ์ของนางที่ดูยากแท้หยั่งถึง จึงเอ่ยถามเพื่อหยั่งเชิง “ตอนนี้แม่นางอวี้กำลังอยู่ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็กำลังถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องของท่าน หากตอนนี้ท่านยังไปที่จวนอวี๋ เกรงว่าชาวบ้านภายในเมืองหลวงคงใส่ไฟกันเข้าไปใหญ่”
อีกอย่าง นายท่านก็คงไม่มีความสุขมากด้วย
ตอนนี้นายท่านไม่อยู่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแม่นางอวี้ทั้งหมด เขากังวลจริง ๆ ว่าหากนายท่านกลับมาแล้วรู้ว่าเขาทำงานได้ไม่ดี เขาคงรับความผิดไว้ไม่ไหว
อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม ความคิดเล็ก ๆ นั้นของโม่เสียนเขียนไว้บนหน้าของเขาแล้ว อย่าว่าแต่นางเลย คาดว่าแม้แต่เยว่ซินก็มองออกเช่นกัน
นางแกว่งเทียบเชิญที่อยู่ในมือ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “เทียบเชิญมาส่งถึงหน้าประตูแล้ว หากข้าไม่ไป ความพยายามก่อนหน้านี้มิเท่ากับสูญเปล่ารึ?”
“แต่ว่า…” โม่เสียนยังอยากโน้มน้าวใจนาง ทว่าเมื่อเห็นท่าทางหมดความอดทนของอวี้ชิงลั่ว เขาจึงขบฟันแน่น และถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกไป
ทว่าทันทีที่เขาเดินออกจากประตู เขาก็รีบปาดเหงื่อและวิ่งไปที่คอกม้า ก่อนจะจูงม้าของตนเองออกมาและควบตะบึงออกจากตำหนัก
เย่ซิวตู๋กินอาหารค่ำเสร็จแล้ว เขากำลังเช็ดปากให้หนานหนานอยู่ โม่เสียนก็วิ่งเข้ามาด้วยสภาพเหงื่อชุ่มทั้งศีรษะ จึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้สาวใช้ที่ยืนดูแลอยู่ข้าง ๆ ให้นางดูแลหนานหนานระหว่างกินข้าว
พวกเขาทั้งคู่เดินออกมาจากโถงบุปผา ก็ได้ยินโม่เสียนกดน้ำเสียงอย่างแผ่วเบา “นายท่าน จวนอวี๋ส่งเทียบเชิญมา บอกให้แม่นางอวี้ไปร่วมงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ขอรับ”
“อืม เข้าใจแล้ว” เย่ซิวตู๋เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าให้เขากลับไป
โม่เสียนถึงกับตกตะลึง นายท่านกลายเป็นคนใจกว้างขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?
เขาอุตส่าห์รีบควบม้ามาที่นี่โดยไม่หยุดพักเพราะคิดว่าแม่นางอวี้อาจจัดการทำเรื่องที่เสี่ยงอันตราย ทว่านายท่านกลับไม่สนใจอะไรเลย เพราะเหตุใดกัน?
“นายท่าน เรื่องนี้…ด้านนอกยังมีข่าวลือแพร่สะพัด ไปที่จวนอวี๋ในเวลานี้จะไม่…”
“เป็นเพราะยังมีข่าวลือเหล่านั้นอยู่ นางไปที่จวนอวี๋นั่นแหละถึงจะเหมาะสม” เย่ซิวตู๋ละสายตาไป หันมองหนานหนานที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่ด้านในโถงบุปผา หลายวันมานี้เด็กคนนี้ก็เหนื่อยมาก เขาจึงกินอาหารมากขึ้น
คาดว่าเมื่อถึงการแข่งขันสี่อาณาจักรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตอนที่อวี้ชิงลั่วและเสด็จพ่อได้เจอหนานหนาน เกรงว่าคงได้บอกว่าเขาอ้วนขึ้นอีกครั้ง เขาควรคิดหาวิธีเพื่อควบคุมการกินของหนานหนานสักหน่อยหรือไม่?
โม่เสียนถึงกับเกาศีรษะ เขาคิดไม่ออกเลยว่าที่นายท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่
ทว่าเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็แสดงว่านายท่านไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เช่นนั้นเขาก็เบาใจได้แล้ว
“ข้าน้อยขอตัวลา” ได้นำเรื่องมารายงานแล้ว โม่เสียนก็ควรต้องรีบกลับไป
เพียงแต่หลังจากเขาหมุนกายเดินไปได้สองก้าว จู่ ๆ ก็หยุดลงอีกครั้ง ลังเลอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะเปล่งเสียงออกมา “นายท่าน ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…ข้าน้อย…”
“เรื่องอะไร?” สายตาของเย่ซิวตู๋ยังคงไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา จิตใจเอาแต่ครุ่นคิดถึงวิธีที่จะควบคุมปริมาณอาหารของหนานหนาน
โม่เสียนเม้มปาก ก้มหน้าลงและกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “วันนี้แม่นางจินมาที่ตำหนัก หลังจากนางคุยกับแม่นางอวี้อยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็ออกจากตำหนักอ๋องไป ตอนช่วงค่ำก็กลับมาหาแม่นางอวี้อีกครั้ง ฝีมือของผู้พิทักษ์ทมิฬสู้แม่นางจินไม่ได้ ติดตามไปได้ไม่นานก็ตามนางไม่ทันแล้ว แต่จากที่ผู้พิทักษ์ทมิฬกล่าวไว้ ทิศทางที่แม่นางจินไป…คือจวนเสนาบดีฝ่ายขวาขอรับ”
ในที่สุดความสนใจของเย่ซิวตู๋ก็ถูกดึงกลับมาอย่างสมบูรณ์ เขาละสายตาออกจากหนานหนาน โดยหันกลับมามองโม่เสียนพร้อมกับหรี่ดวงตาลงเล็กน้อย
โม่เสียนรู้สึกได้ถึงสายตาที่ร้อนผ่าวส่งลงมาจากเหนือศีรษะ พลังที่แข็งแกร่งนั้นกดทับลงมาจนทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก ภายในใจเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาว่าเขาไม่ควรพูดเรื่องนี้เลย
ตอนที่กำลังครุ่นคิดว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร แรงกดดันจากบริเวณเหนือศีรษะก็ค่อย ๆ หายไป
สายตาของเย่ซิวตู๋ที่ร้อนระอุจนเฉียบคมก็กลับมานิ่งสงบอีกครั้ง โม่เสียนที่กำลังถอนหายใจอย่างโล่งอก จู่ ๆ ก็ได้เสียงเรียบเฉยดังอยู่เหนือศีรษะ “อืม เข้าใจแล้ว เจ้ากลับตำหนักเถอะ”
“ขอรับ” โม่เสียนไม่กล้ายืนเหม่ออีกต่อไปแล้ว
ทว่าเขาก็ยังรู้สึกสงสัยอย่างมากอยู่ดี ปฏิกิริยาโต้ตอบของนายท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูเหมือนจะนิ่งสงบมาก
หรือว่า ภายในระยะเวลาไม่กี่วันที่นายท่านไม่เจอหน้าแม่นางอวี้ ความรักนี้จะจืดจางลงแล้ว? จนไม่ได้ชอบแม่นางอวี้แล้ว?
โม่เสียนเริ่มคิดจนสับสนไปหมด จนกระทั่งตอนที่เขาขี่ม้ากลับมาถึงตำหนักอ๋องซิว ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว
พ่อบ้านของตำหนักอ๋องบอกเขาแค่ว่าวันนี้จินหลิวหลีจะพักที่ตำหนัก ส่วนเรื่องอื่น ๆ ยังปกติทุกอย่าง แม่นางอวี้กินอาหารค่ำเสร็จก็ไปที่ห้องยา เพื่อพัฒนายาสมุนไพรของตนเองเหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา
สองวันมานี้โม่เสียนต้องวุ่นวายใจเพราะเรื่องของนายท่านและแม่นางอวี้ ตอนนี้เขาจึงเหนื่อยมาก หลังจากฝากพ่อบ้านที่ให้จัดธุระแล้ว จึงกลับไปพักผ่อนที่ห้อง
เพียงแต่ ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น อวี้ชิงลั่วก็พาเหวินเทียนออกจากตำหนักอ๋องซิว มุ่งหน้าไปยังงานเลี้ยงของจวนอวี๋แล้ว
ฮูหยินใหญ่ของจวนอวี๋สั่งให้คนดูแลอยู่ด้านนอกจวน เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วเดินทางมาถึง ก็รู้สึกตื่นเต้นราวกับได้เจอบุตรสาว รีบออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น รอยยิ้มที่มุมปากก็ดูกระตือรือร้นยิ่งกว่าเมื่อหลายวันก่อนเสียอีก
อวี้ชิงลั่วเดินตามนางเข้ามาด้านในห้องโถงด้านหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทัศนคติของนางที่มีต่อความกระตือรือร้นของฮูหยินใหญ่ยังคงเหมือนเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้
อวี๋จั้วหลินเดินลงจากเตียงได้แล้ว ตอนนี้หลี่หรานหร่านกำลังประคองเขาเดินออกมาจากด้านหลัง ตอนที่เห็นอวี้ชิงลั่ว ดวงตาของเขาพลันเป็นประกายแวววาว มือทั้งสองข้างหลุดออกจากการประคองของหลี่หรานหร่านโดยจิตใต้สำนึก ราวกับอยากจะพุ่งตัวเข้ามาหาอวี้ชิงลั่วอย่างไรอย่างนั้น
หลี่หรานหร่านยังคงแย้มยิ้ม ทว่าร่างกายของนางกลับแข็งทื่อเล็กน้อยแล้ว มือทั้งสองข้างค้างเติ่งอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางกระดากอาย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงปล่อยมือลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อวี้ชิงลั่วเห็นได้อย่างชัดเจน นางหันกลับมาเริ่มสอบถามอวี๋จั้วหลินอย่างอบอุ่น “ร่างกายของคุณชายอวี๋ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ช่วงนี้ข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่มีเวลาแวะมาดูอาการคุณชายอวี๋”
“แม่นางชิงพูดอะไรเช่นนั้น ข้ารู้ดีว่าตอนนี้ท่านอาศัยอยู่ที่ตำหนักอ๋องซิว ทั้งยังมีหลายสิ่งที่ทำได้ไม่สะดวก ข้าไม่โทษท่านหรอก” อวี๋จั้วหลินยิ้มอ่อน ๆ ให้นาง ปากของเขายังขาวซีดทำให้ดูซีดเซียวยิ่งขึ้น
อวี้ชิงลั่วทำเป็นไม่ได้สนใจ หันไปมองหลี่หรานหร่านพลางกล่าว “สีหน้าของคุณหนูอวี๋ก็ดีขึ้นไม่น้อย ดูเหมือนว่าคงดูแลร่างกายเป็นอย่างดีตามใบสั่งยาของข้า”
ครั้นได้ยินเช่นนี้ หลี่หรานหร่านก็รู้สึกโมโหขึ้นมา นังแพศยาผู้นี้จงใจอย่างเห็นได้ชัด ให้กินผักใบเขียวและเต้าหู้ตลอดทั้งวันยังพอทน แต่กลับไม่ให้เติมน้ำมันแม้แต่น้อย ทั้งยังบอกให้ฮูหยินใหญ่มาจับตามองนางทุกวันเพื่อกระตุ้นให้นางอาเจียนออกมา ช่วงระยะเวลานี้ทำให้นางทรมานจนอยากตายจริง ๆ
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับตนเอง นางก็เกิดความคิดอยากบีบคออวี้ชิงลั่วให้ตายเสียเหลือเกิน สติสัมปชัญญะหายไปชั่วขณะหนึ่ง “ขอบคุณแม่นางชิงมาก ข้าดีขึ้นมากแล้ว แต่แม่นางชิงดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เป็นเพราะเจอเรื่องยากลำบากอะไรมาใช่หรือไม่? เมื่อวานข้าได้ยินมาว่ามีข่าวลือเกี่ยวกับแม่นางชิงและเสนาบดีฝ่ายขวาแพร่สะพัดทั่วทั้งเมืองหลวง…”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องดูเหมือนมีแผนซ้อนแผนนะคะ แล้วก็เอาชิงลั่วเป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดานนี้ด้วย สงสารโม่เสียนที่สุดแล้ว พ่อบุรุษไปรษณีย์เอ๊ย
โดนแย่งของรักแล้วล่ะสินังหรานหร่าน
ไหหม่า(海馬)