อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 283 ใจตรงกัน
ตอนที่ 283 ใจตรงกัน
ตอนที่ 283 ใจตรงกัน
วันพรุ่งนี้? ไม่ใช่แค่เยว่ซินเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ เหวินเทียนเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน
เมื่อพบว่าหลี่หรานหร่านเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หากว่าไม่ทำอะไรเลยและยังปล่อยนางไปง่าย ๆ นางจะไม่สบายไปหน่อยหรือ?
เหวินเทียนคิดและถามออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
วันนี้อวี้ชิงลั่วกำลังอารมณ์ดีมาก นางจึงอดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมา “เหวินเทียน เจ้ารู้สึกว่าหลี่หรานหร่านในวันข้างหน้านั้นจะใช้ชีวิตอย่างราบรื่นหรือไม่?”
“…” เหวินเทียนหัวเราะ ดูเหมือนว่าเขาจะสับสนไปเอง ในเมื่อฮูหยินใหญ่และอวี๋จั้วหลินต่างเริ่มสงสัยในตัวนางแล้ว ดังนั้นการดำรงชีวิตของนางในภายหน้าคงจะไม่สะดวกสบายเหมือนแต่ก่อนเป็นแน่
เหวินเทียนส่ายศีรษะ และกระชับบังเหียน ค่อย ๆ เพิ่มความเร็วของรถม้า กลับมายังตำหนักอ๋อง
เมื่อกลับมาถึง โม่เสียนก็ออกมาต้อนรับ
เพียงแต่เขายังไม่ทันจะเอ่ยปาก อวี้ชิงลั่วที่รีบตรงไปยังเรือนของตนก็ได้ถ่ายทอดคำสั่งให้กับชายหนุ่มเป็นชุด ๆ แล้ว
“เหวินเทียน โม่เสียน ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้นพวกเจ้าจงให้คนออกไปปล่อยข่าว ว่าหมอปีศาจป่วย จึงปฏิเสธที่จะรับราชโองการไปรักษาเสนาบดีฝ่ายขวา และปล่อยซ้ำไปเรื่อย ๆ หลังจากนั้นให้ปล่อยข่าวอย่างลับ ๆ ว่าวันนี้หมอปีศาจจะไปที่จวนตระกูลอวี๋เพื่อดูอาการของอวี๋จั้วหลินอีกครั้ง และบอกให้คนทั้งเมืองหลวงรับรู้ ว่าหมอปีศาจไม่สนใจว่าเสนาบดีฝ่ายขวานั้นจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร และยอมเข้าห้องขังมากกว่าจะยินยอมไปยังจวนของเสนาบดีฝ่ายขวา แต่หมอปีศาจที่กำลังป่วยอยู่นั้นกลับไปดูอาการให้กับอวี๋จั้วหลินแทน”
เหวินเทียนมีดวงตาเป็นประกาย ยอดเยี่ยม ล้ำเลิศสุด ๆ ด้วยวิธีนี้ข่าวลือที่ว่าหมอปีศาจและเสนาบดีฝ่ายขวามีความสัมพันธ์กันก็จะถูกหักล้างไป
อย่างไรเสีย แม้ว่าเรื่องอาการป่วยของเสนาบดีฝ่ายขวาจะไม่มีใครรับรู้ แต่ผู้คนต่างก็รู้ว่าว่าข่าวลือนั้นกระจายไปอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้ได้ส่งแพทย์หลวงจำนวนหนึ่งไปที่จวนของเสนาบดีฝ่ายขวา แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นที่น่าพอใจ
ครั้นเสนาบดีฝ่ายขวาป่วยหนัก สตรีในข่าวลือที่ว่ามีความสัมพันธ์ด้วยกลับไม่แยแส ถ้าหากว่าเจ้าตายก็นับว่าฟ้าดินลิขิตให้เจ้ากับข้าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน
ต่อให้นางปฏิเสธที่จะรับพระราชโองการเพราะอาการป่วย แต่ในวันต่อมากลับไปจวนตระกูลอวี๋ นี่ไมได้แสดงให้เห็นว่านางไม่ยินยอมที่จะไปรักษาเสนาบดีฝ่ายขวาหรอกหรือ?
เหวินเทียนรู้สึกว่าแม่นางอวี้นั้นฉลาดเป็นกรด สตรีเช่นนี้ไม่แปลกใจเลยที่ท่านอ๋องจะชื่นชอบ และไม่กล้าที่จะปล่อยมือ
เหวินเทียนสูดหายใจลึก ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยน้ำเสียงที่ฉะฉาน “ขอรับ”
เมื่อชายหนุ่มเอ่ยจบ ก็พบว่าโม่เสียนที่อยู่ข้าง ๆ ตนกลับไม่ขยับเขยื้อน ดูราวกับตกตะลึงสุดขีด
เหวินเทียนส่งสัญญาณว่าตนนั้นเข้าใจ อย่างไรเสียเมื่อครู่ชายหนุ่มนั้นรู้สึกว่าอวี้ชิงลั่วนั้นไม่เลวเลยจริง ๆ เขายิ้มและกระแทกเข้าที่หัวไหล่ของโม่เสียน
“เฮ้ย เจ้าได้ยินในสิ่งที่แม่นางอวี้กล่าวหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า หลังจากนั้นก็หันมามองทั้งสองคนที่กระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา และเอ่ยถามขึ้น “มีอะไรจะถามเช่นนั้นหรือ?”
“…มี อ้า ไม่มี”ในที่สุดโม่เสียนก็กลับมามีสติอีกครั้ง ชายหนุ่มเพียงแค่ตกใจและบ่นพึมพำ “แม่นางอวี้ คำพูดพวกนี้ของเจ้า…วันนี้ในตอนบ่ายท่านอ๋องเพิ่งจะกำชับกับผู้ใต้บังคับบัญชาไปแล้วหนึ่งรอบ เหมือนกับที่แม่นางกล่าวเลย และเวลาที่ท่านอ๋องบอกก็คือเช้าวันรุ่งขึ้น ให้นำเอาข่าวพวกนี้ประกาศออกไป ”
“…” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว และด่าทอในใจไม่หยุด เย่ซิวตู๋ ความคิดของท่านไม่เหมือนกับข้าบ้างสักครั้งจะได้หรือไม่?
เหวินเทียนอดไม่ได้ทีจะประหลาดใจ จึงเอ่ยถามโม่เสียน “เจ้าบอกว่าท่านอ๋องและแม่นางอวี้นั้นใจตรงกัน แม้แต่ความคิดก็เหมือนกันทุกประการ และระยะเวลาในการเลือกก็ไม่เลวเลยใช่หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วหันหน้าไปมองชายหนุ่มอย่างขุ่นเคือง อะไรจึงเรียกว่าใจตรงกัน อัจฉริยะบุคคลอย่างนางกับชายที่เอาแต่ซ่อนตัวผู้นั้นมีความคิดตรงกันตอนไหน
แต่คนผู้นั้นก็ค่อนข้างชาญฉลาด และเขาเองก็คิดวิธีการนี้เช่นกัน นางไม่คิดที่จะสนใจเขาแล้ว
“เอาเถอะ มันก็เป็นวิธีเดียวกัน ข้าเหนื่อยแล้ว จะกลับห้องไปพัก” ทันใดนั้นอวี้ชิงลั่วก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา นางรอไม่ไหวที่จะบีบคอเย่ซิวตู๋ที่แส่เข้ามาในทุก ๆ เรื่อง
เพียงแต่ว่า หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดลง นางขมวดคิ้วแล้วกำชับขึ้นอีกครั้ง “ใช่แล้ว เมื่อตอนที่แพร่ข่าว ให้บอกว่าคนอื่น ๆ ว่า ฮ่องเต้เห็นว่าข้านั้นเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยองค์ชายเจ็ดได้ จึงถือว่าการปฏิเสธราชโองการนั้นไม่มีความผิด ต้องบอกประโยคนี้ให้ชัดเจน ข้าไม่ต้องการให้เหล่าองค์ชายและสนมฉวยโอกาสนี้มาทำให้ข้าเดือดร้อน”
โม่เสียนกลืนน้ำลายและถอยกลับไปหนึ่งก้าว และรีบยิ้มขึ้น “แม่นาง ประโยคนี้ท่านอ๋องก็ได้กำชับแล้ว”
“ไปตายซะ” อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะด่าออกมา หลังจากนั้นนางจึงกลับห้องไป
เหวินเทียนและโม่เสียนสบตากัน ทั้งสองต่างถอนหายใจด้วยความสบายใจ หลังจากนั้นจึงไปเตรียมตัวที่จะลงมือตามแผนการ
วันต่อมา
หลังสองวันผ่านไป ‘เรื่องราวความรักสะท้านฟ้าดินของหมอปีศาจและเสนาบดีฝ่ายขวา’ ‘เรื่องราวที่ไม่เอ่ยไม่ได้ของหมอปีศาจและเสนาบดีฝ่ายขวา’ ‘หมอปีศาจแอบชอบเสนาบดีฝ่ายขวามานานหลายปี เพื่องต้องการที่จะลงหลักที่เมืองหลวง’ เมื่อรอให้ข่าวลือในรูปแบบต่าง ๆ แพร่กระจายออกไป และแล้วก็มาถึงวันของการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าสะท้านดิน
เมื่อถึงเช้าตรู่ ข่าวที่หมอปีศาจปฏิเสธจะช่วยเสนาบดีฝ่ายขวาในการการรักษาอาการป่วยโดยไม่คำนึงถึงชีวิตและความตาย ก็ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วจากโรงเตี๊ยมและร้านน้ำชา
ทุก ๆ คนต่างแบ่งปันข่าวล่าสุดอย่างมีรสชาติ ชื่อของหมอปีศาจและเสนาบดีฝ่ายขวาปรากฏขึ้นอย่างแพร่หลาย แม้แต่เหล่าเชื้อพระวงศ์เองก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ในตอนที่ที่หลี่หรานหร่านรับรู้เรื่องนี้ นางก็คิดหาทางเอาใจอวี๋จั้วหลินโดยการต้มยาให้ ตอนนั้นนางโมโหเป็นอย่างมากจนต้องปัดขวดยาจนคว่ำไป แต่นางก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย ไม่เช่นนั้นแล้วอวี๋จั้นหลินคงจะไม่ปล่อยนางไว้แน่ โชคดีที่เป้าหมายของนางสำเร็จไปแล้วในส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดข่าวลือนี้ก็หยั่งรากลึกลงไปในใจของสองแม่ลูกเฉินจีซิน พวกเขาประทับใจกับหมอปีศาจเป็นอย่างมาก
ในตอนที่ฮ่องเต้ได้ยินข่าวลือนี้ พระองค์ก็เข้าใจได้ในทันที เพียงแค่บอกว่า เหตุใดซิวเอ๋อร์จึงให้พระองค์ออกราชโองการไปโดยไร้ซึ่งเหตุผล อีกทั้งยังบอกให้ตนนั้นห้ามตำหนิแม่นางชิง ที่แท้แล้ว…ก็เป็นแผนการของเขานี่เอง
เหมิงกุ้ยเฟย ฮองเฮา และองค์ชายองค์อื่น ๆ มองด้วยสายตาเย็นชา จะต้องมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ความสัมพันธ์ของเสนาบดีฝ่ายขวาและหมอปีศาจไม่ใช่คนแปลกหน้าเลย ท้ายที่สุดมันอาจจะไม่มีเหตุผล ไม่มีใครเกี่ยวข้องกับหมอปีศาจและเสนาบดีฝ่ายขวาโดยไม่มีเหตุผล และก็ไม่มีใครเผยแพร่ข่าวลือดังกล่าวโดยปราศจากมูลเหตุใด ๆ ระหว่างเสนาบดีฝ่ายขวาและหมอปีศาจแล้ว จะต้องมีเรื่องบุญคุณความแค้นความรักความเกลียดชังเข้ามาเกี่ยวข้องไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งในสี่อย่างนี้เป็นแน่
เสนาบดีฝ่ายขวานอนอยู่บนเตียง มองดูเม็ดยาในมือแล้วหัวเราะออกมา ปฏิเสธราชโองการ แต่กลับให้คนมาส่งยาให้กับตน
ยาเม็ดที่พัฒนาโดยอวี้ชิงลั่วมีประสิทธิภาพมากกว่ายาของหมอหลวงจริง ๆ ในช่วงไม่กี่วันวันที่ผ่านมา เขาเองก็รู้สึกดีขึ้นมาก อย่างน้อย… ก็ไม่อาเจียนเป็นเลือดอีกต่อไป
ขณะที่สองแม่ลูกเฉินจีซินถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่กลับเริ่มคิดถึงเหตุการณ์ที่พ่อบ้านไม่ให้พวกตนเข้าไปในจวนวันนั้น เสนาบดีฝ่ายขวาจะต้องไม่ดูถูกพวกนางแน่ อย่างไรเสียพวกนางก็ยังคิดบัญชีอยู่กับหมอปีศาจ เมื่อเทียบกับข่าวลือในครั้งนี้ พวกนางยินดีที่จะยอมเชื่อในครั้งแรกมากกว่า
เวลาได้ผ่านไปช้า ๆ ขณะที่ทุกคนกำลังจับตามอง ในขณะที่ข่าวลือนั้นกระหน่ำเข้ามา มันก็ค่อย ๆ ซาไป ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดถึงความคับข้องใจระหว่างเสนาบดีฝ่ายขวากับหมอปีศาจ พวกเขาก็รู้สึกประหม่ากับราชองครักษ์ที่เข้มงวดมากขึ้นในเมืองหลวง
ในที่สุดการประลองทั้งสี่แคว้นก็มาถึง
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อะไรที่ชิงลั่วคิดไว้ ท่านอ๋องนำหน้าไปแล้วหนึ่งก้าวตลอด ๕๕๕
งานประลองมาถึงแล้ว เจ้าหนานหนานจะเตรียมตัวพร้อมหรือยังนะ
ไหหม่า(海馬)