อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 287 พบตัว
ตอนที่ 287 พบตัว
ตอนที่ 287 พบตัว
หนานหนานเห็นชายหนุ่มไม่เอ่ยอะไร จึงก้มศีรษะเล็ก ๆ ลงทันที และมองดูชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ จนกระทั่งพบว่าหูของเย่ซิวตู๋นั้นถูกตนนั้นจับเอาไว้ เด็กน้อยจึงรีบปล่อยมือด้วยความตกใจ และเปลี่ยนไปโอบคอของเย่ซิวตู๋แทน
เกือบไปแล้ว โชคดีที่ท่านพ่อนั้นไม่ได้สังเกต ไม่เช่นนั้นเมื่อท่านพ่อรู้เข้าว่าถูกตนจับหู กลับไปเขาจะต้องได้รับบทเรียนที่ไร้มนุษยธรรมแน่ ๆ
มือเล็ก ๆ กลับมาลูบอกตนเองสองสามครั้งด้วยความดีใจ ทว่าในตรอกเมื่อสักครู่นี้จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง
เย่ซิวตู๋ละสายตา และหันมองไปยังด้านหน้าตรอกนั้นอีกครั้ง
ผ่านไปไม่นาน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาจากทางด้านนั้น ใบหน้าของแต่ละคนดูเคร่งขรึมและป่าเถื่อนไม่น้อย
เมื่อพวกเขาพบกับสองพ่อลูกก็ชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงมองพวกเขาด้วยสายตาดุร้าย ก่อนจะตามบุรุษเมื่อสักครู่ไป
หนานหนานกะพริบตา “ท่านพ่อ พวกเขาตามคนเมื่อครู่นี้ไปใช่หรือไม่?”
“อืม ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” ดวงตาของเย่ซิวตู๋หรี่ลงเล็กน้อย
“คนสามสี่คนไล่ตามคน ๆ เดียว คนผู้นั้นดูค่อนข้างเป็นอันตราย ท่านพ่อ พวกเขานั้นเป็นคนเช่นไรกันน่ะ?”
เย่เซิวตู๋หันกลับมา ยกคิ้วขึ้นและเหลือบมองไปยังเด็กน้อยตัวเหม็นที่นั่งอยู่บนคอของเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ “พวกเขาคือคนจากอาณาจักรจิงเหลย”
ปฏิกิริยาของเด็กผู้นี้ค่อนข้างรวดเร็ว เพียงแค่มีเสียงดังขึ้นก็สามารถปีนขึ้นมาบนตัวชายหนุ่มได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเหมือนลิงน้อย
แต่ถ้าจะให้กล่าวตามตรง มันก็ค่อนข้าง…หนัก
“อาณาจักรจิงเหลย? ” หนานหนานแปลกใจ แต่ยังแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาเอือมระอาของเย่ซิวตู๋ที่มองมา ถึงอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเดินด้วยตัวเองเพราะเท้าของเขานั้นไม่ได้สัมผัสพื้นแล้ว อีกทั้งการมองจากข้างบนนั้นดีกว่ามาก ๆ ด้วยเหตุนี้การแสดงออกของเด็กน้อยจึงพึงพอใจมาก และไม่ต้องการที่จะลงไปเลยแต่น้อย และมากไปกว่านั้นการที่ท่านพ่ออุ้มตนเองเช่นนี้แล้วก็เป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่?
หนานหนานเป็นคนที่มีจิตใจดี จึงให้โอกาสท่านพ่อนั้นได้แสดงความรักอันหนักแน่นดุจดังภูผาของบิดา
ดังนั้น ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็คือไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนานหนานจึงเอ่ยถามต่อ “ท่านพ่อที่กล่าวว่าอาณาจักรจิงเหลย ก็คืออาณาจักรจิงเหลยที่เข้าเมืองมาวันนี้ใช่หรือไม่? เอ๋ เหตุใดจึงมาวิ่งอยู่บนถนนได้ แล้วเหตุใดท่านพ่อจึงสามารถรู้ถึงตัวตนของพวกเขาได้เล่า?”
“เมื่อครู่คนผู้นั้นถลกแขนเสื้อขึ้น จึงทำให้เห็นรอยสักบนแขนของเขา นั่นเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของอาณาจักรจิงเหลย ทุก ๆ คนในอาณาจักรไม่ว่าจะเป็นผู้ใดจะได้รับรอยสักนี้ ตั้งแต่พวกเขาเกิดได้หนึ่งเดือน”
แม้ว่าเพียงแค่แวบเดียว แต่เย่ซิวตู๋ก็สามารถสังเกตเห็นสัญลักษณ์บนแขนของชายผู้นั้นได้ นอกจากนี้กลุ่มคนที่ตามมาทีหลัง แขนของคนที่เป็นหัวหน้าเองก็มีรอยสักบนแขน จึงคิดว่าไม่น่าจะผิดพลาด
เมื่อเปรียบเทียบกับอาณาจักรอีกสามอาณาจักร อาณาจักรจิงเหลยนั้นถือได้ว่ามีความลึกลับมาโดยตลอด แม้จะเรียกไม่ได้ว่าเป็นอาณาจักรที่ตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ก็ยังมีประวัติศาสตร์ ความเชื่อ และวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่คนนอกไม่รู้
เช่นรอยสักแบบนี้…
ต่างก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่ารอยสักนี้สืบต่อกันมาตั้งแต่เมื่อใด และก็ไม่มีผู้ใดเข้าใจความหมายของรอยสักนี้เช่นกัน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีเพียงผู้สืบทอดบัลลังก์แต่ละรุ่นเท่านั้นที่จะเข้าใจความหมายของมัน
ดังนั้น ต่อให้ผู้คนจากอีกสามอาณาจักรจะต้องการค้นหาความลับของอาณาจักรจิงเหลย ก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลย
เย่ซิวตู๋ไม่เคยไปอาณาจักรจิงเหลยมาก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าชายหนุ่มจะไม่เข้าใจอาณาจักรนี้ ทว่าข้อมูลที่สามารถหามาได้นั้นมีน้อยมาก ทั้งหมดล้วนเป็นแค่เรื่องผิวเผินเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับอาณาจักรหลิวอวิ๋นที่เดินทางมาเมื่อวันก่อน อาณาจักรจิงเหลยจึงสามารถกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนได้มากกว่า
หนานหนานที่ได้ยินเช่นนี้ จึงก้มตัวลงไปด้วยความประหลาดใจ หน้าผากของเด็กชายกระทบกับหน้าผากของเย่ซิวตู๋ และเอ่ยถามขึ้น “มีรอยสักอยู่บนแขนหรือ? ใช่แบบเดียวกับแบบที่ข้ามีหรือไม่?”
“จะเหมือนกันได้เช่นไร?” เย่ซิวตู๋เหลือบมองเด็กชาย และเอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “อันนั้นของเจ้าเรียกว่าปาน ของพวกเขาเรียกว่ารอยสัก มันไม่เหมือนกัน”
“จริงหรือ?” หนานหนานยืดตัวขึ้น เด็กชายยังคงไม่เข้าใจ ทว่า…
“ท่านพ่อ พวกเราตามไปดูกันเถอะ” หนานหนานชี้ไปยังทางที่พวกเขาวิ่งไปเมื่อสักครู่ด้วยความตื่นเต้น
เย่ซิวตู๋อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าไม่ได้อยากจะไปดูผู้เข้าแข่งขันจากแคว้นจิงเหลยหรอกหรือ? หรือตอนนี้ไม่อยากดูแล้ว?”
หนานหนานสับสนเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเด็กน้อยอยากไป แต่เขากลับสนใจเหตุการณ์ไล่ตามเมื่อครู่มากกว่า
สับสนไปได้สักครู่ เด็กน้อยจึงปรึกษาเย่ซิวตู๋ “เอาแบบนี้ไหม ไปดูคนกลุ่มนั้นก่อน เมื่อดูเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปดูผู้เข้าประลอง”
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจเบา ๆ ชายหนุ่มรู้ดีว่าเด็กน้อยจะต้องเลือกเช่นนี้
เขาอุ้มหนานหนานลงมาจากคอของตน และหนีบไว้กับรักแร้ ก่อนทะยานเหินไปข้างหน้าหลายสิบหมี่ด้วยความเร็วที่ว่องไว จึงสามารถไล่ตามคนกลุ่มนั้นได้อย่างรวดเร็ว
หนานหนานกอดเอวชายหนุ่มอย่างมีความสุข ตอนนี้เด็กน้อยไม่รังเกียจว่าชายหนุ่มนั้นจะใช้มือหรือเท้าหนีบตนเอาไว้ เพียงแค่ไม่ให้ตนนั้นใช้ขาเล็ก ๆ เดินด้วยความยากลำบาก เด็กน้อยก็ไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น
เย่ซิวตู๋หมดเรี่ยวแรงที่จะมารับมือกับเด็กน้อยแสนขี้เกียจคนนี้ ชายหนุ่มเพียงแค่ค่อย ๆ เร่งความเร็วของฝีเท้าขึ้น
ผ่านไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงรอยเท้าวุ่นวายสับสนดังมาจากทางข้างหน้า
ร่างกายของเย่ซิวตู๋ชะงัก และค่อย ๆ หยุดลงบนหลังคาบริเวณข้าง ๆ
ทางเข้าตรอกข้างล่างมีชายสี่คนที่วิ่งตามไปเมื่อสักครู่ ในตอนนั้นเองร่างกายของพวกเขาก็มีเหงื่อออกเป็นจำนวนมาก
“เจ้านั้นเล่า? เหตุใดเพียงแค่ครู่เดียวก็ไม่อยู่แล้ว”
“ให้ตายสิ ถ้าหากว่าไม่จับมันกลับไป พวกเราเดือดร้อนแน่”
“ไม่ต้องพูดแล้ว รีบหาเถอะ ให้ตายสิ ขนาดเจ้านั่นไม่ได้เมาก็ยังหาเรื่องให้ตนเองได้”
คนกลุ่มนั้นส่งเสียงด่าทอและไม่ได้วิ่งตามต่อ คาดว่าเมื่อพวกเขาไล่ตามมาถึงที่นี่ก็คงจะไม่พบกับเด็กหนุ่มคนนั้นแล้ว
หนานหนานอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซิวตู๋อย่างเงียบ ๆ และมองดูด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง แต่เมื่อมองดูต้นซอยนี้ไปจนถึงสุดซอยอีกด้านหนึ่ง กลับไม่พบผู้ใดเช่นกัน
แต่เย่ซิวตู๋กลับค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้น สายตาของเขาจับจ้องไปกองขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลกองนั้น
ถุงกระสอบที่ปิดไว้ตอนนี้ดูเหมือนจะขยับเล็กน้อย และเด็กหนุ่มผู้นั้นน่าจะซ่อนอยู่ตรงนั้น
เมื่อคิดดูแล้วก็คงจะเป็นเช่นนั้น สำหรับผู้ที่ไม่มีทักษะการต่อสู้พื้นฐาน จะต้องรู้สึกเหนื่อยและไม่สามารถวิ่งไปต่อได้อีก
เย่ซิวตู๋สะกิดหนานหนาน เพื่อให้เด็กน้อยมองตามทิศทางที่ตนชี้ไป และบอกเด็กน้อยอย่างเงียบ ๆ ว่าเด็กหนุ่มหลบอยู่ตรงนั้น
ทันใดนั้นหนานหนานก็ตื่นเต้นขึ้นมา เด็กชายจับหน้าอกเล็ก ๆ ของตนเอง และจ้องมองดูชายไม่กี่คนตามหาเด็กหนุ่มผู้นั้น
เมื่อพบว่าหนึ่งในพวกเขากำลังจะเดินไปในทางที่เด็กหนุ่มซ่อน เด็กน้อยก็รู้สึกได้ทันทีว่าหัวใจของตนนั้นเต้นจนจะพุ่งออกมา ราวกับว่าเหมือนตนเองจะถูกพบเข้าอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านพ่อ ท่านว่าเขาจะถูกพบหรือไม่?”
“พบ”
เย่ซิวตู๋มั่นใจในคำตอบเป็นอย่างมาก สถานที่นั้นไม่ได้ใหญ่ เป็นเพียงตรอกแคบ ๆ แม้ว่าจะเป็นกองขยะที่ส่งกลิ่นเหม็น แต่เมื่อพวกเขาเหล่านั้นเริ่มหยุดที่จะค้นหาบริเวณนั้น ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะถูกพบเข้า
………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เด็กคนนั้นคือใครกันนะ ทำไมถึงต้องถูกไล่ตามด้วย
ไหหม่า(海馬)