อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 29 เขาพูดมีเหตุผล
ตอนที่ 29 เขาพูดมีเหตุผล
หมอปีศาจ?
อวี้ชิงลั่วก้มหน้าลง มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นยืนจากเตียง เดินผ่านพ่อบ้านออกไปด้านนอกประตูห้อง
ด้านนอกนั้นมีโม่เสียน เสิ่นอิง เหวินเทียนและหนานหนานที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนตัวของเสิ่นอิงยืนรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นเขาออกมา เหวินเทียนก็ก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวด้วยความตื่นเต้น “นายท่าน หมอปีศาจผู้มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับหมออาวุโสฉงซาน อยู่ที่เจียงเฉิงจริง ๆ”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกต่อเนื่อง ชื่อเสียงของนางโด่งดังเช่นนี้ เห็นท่าทางตื่นเต้นของเหวินเทียนแล้ว หากทราบว่าหมอปีศาจคือนาง ตอนแรกเขาจะสงสัยว่านางวางยาให้เผิงอิงหรือเปล่านะ?
“อูตงบอกว่า แม้นายท่านจะไม่เชื่อนาง แต่ภายในใจของนางก็นึกถึงนายท่านอยู่” พ่อบ้านเดินตามเย่ซิวตู๋ออกมาจากด้านในห้อง ทั้งยังกระซิบเสียงเบาว่า “นางบอกว่าบาดแผลบนร่างกายของนายท่านก็หายดีแล้ว พิษบนร่างกายของท่านเผิงก็ดีขึ้นแล้ว เชิญหมอปีศาจมารักษาสักหน่อยน่าจะดีกว่าขอรับ”
เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเบา ๆ “ไม่จำเป็น ในจวนมีแม่นางอวี้แล้ว ทักษะทางการแพทย์ของนางก็ดีใช้ได้”
อวี้ชิงลั่วได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกสบายใจมาก อูตงผู้นี้ชอบทำตัวให้มีตัวตนจริง ๆ ตัวเองถูกไล่ออกจากจวนไปแล้ว ยังออกมาแกว่งไปแกว่งมาอีก ทั้งยังใช้ประโยชน์จากชื่อของนางด้วย มีฝีมือดีจริง ๆ
แต่เหวินเทียนได้ฟังกลับรู้สึกกังวลใจขึ้นมา รีบเข้ามาโน้มน้าวว่า “นายท่าน ข้ารู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของแม่นางอวี้เก่งกาจ ข้าเองก็เชื่อว่านางต้องรักษาบาดแผลให้ท่านและเผิงอิงได้แน่ แต่ถึงอย่างไรแม่นางอวี้ก็ยังสาวและเป็นสตรี ประสบการณ์ย่อมไม่เหมือนกับหมอปีศาจผู้อาวุโสเก่าแก่ อีกอย่างหมอปีศาจก็อยู่ในเจียงเฉิงแห่งนี้ ข้าน้อยได้ไปตรวจสอบดูแล้ว หลังจากนี้อีกสองวันเขาจะไปรักษาคนไข้ที่โรงเตี๊ยมฝูหลงทางชานเมืองทิศใต้ พวกเราไปดูสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรนะขอรับ”
อวี้ชิงลั่วหันมาสำรวจเขา นางรู้สึกว่าเหวินเทียนผู้นี้ดูเหมือนจะหมกมุ่นอยู่กับหมอปีศาจมาก ราวกับเลื่อมใสเขามาก อีกอย่าง ใครบอกเขาว่าหมอปีศาจเป็นผู้อาวุโส นางดูเหมือนคนแก่หรืออย่างไร? ผมยาวแต่ความรู้สั้นเสียเหลือเกิน
นางมองไปยังคนอื่น ๆ ที่อยู่ในจวน ดูเหมือนว่าจะเห็นด้วยกับคำพูดของเขาอย่างมาก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้…
“ข้าคิดว่าที่เหวินเทียนพูดก็มีเหตุผล”
ครั้นพูดเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ก็มองมาที่นางเป็นตาเดียว แม้แต่เย่ซิวตู๋ก็เลิกคิ้วด้วยความฉงน เขาคิดว่าคำพูดเหล่านี้ที่เหวินเทียนพูดออกมาจะทำให้นางไม่มีความสุข ถึงอย่างไรคนที่มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างนาง หากถูกคนอื่นสงสัยในทักษะทางการแพทย์ของตนย่อมไม่พอใจ
คิดไม่ถึงเลย ว่านางจะเห็นด้วยกับคำพูดของเหวินเทียน
อวี้ชิงลั่วยักไหล่ “พวกเจ้ามองข้าทำไม? ข้าเป็นหมอ ข้าเองก็ฉงนสงสัยเกี่ยวกับบุคคลที่ถูกเล่าขานเช่นนี้และอยากเจอเช่นกัน บางทีอาจจะไหว้วานให้เขาช่วยสอนทักษะทางการแพทย์ให้ข้าด้วย ถูกต้องหรือไม่”
เย่ซิวตู๋ปรายตามองนางด้วยความประหลาดใจ หลังจากเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็พยักหน้าท่ามกลางความคาดหวังของทุกคน “ในเมื่อแม่นางอวี้อยากเจอ เช่นนั้นก็ไปดูเถอะ”
“…” สายตาของเหวินเทียน เสิ่นอิง โม่เสียนและพ่อบ้านปรากฏความประหลาดราง ๆ จรดลงบนร่างกายของอวี้ชิงลั่ว
ได้ยินคำพูดเช่นนี้ของนายท่าน ไยพวกเขาถึงรู้สึกว่าแม่นางอวี้ต่างหากเล่าที่เป็นเจ้านายภายในตระกูลโม่?
“เอิ๊ก ดื่มสิ ดื่มอีก” หนานหนานที่ดื่มจนเมามาย จู่ ๆ ก็เงยหน้าโผล่ขึ้นมาจากบ่าของเสิ่นอิง มองท่านแม่ของตนเองด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ศีรษะเอียงลงก่อนจะหลับไปอีกหน
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ นางอุ้มหนานหนานเตรียมตัวกลับห้อง
“ช้าก่อน” นางเพิ่งก้าวเท้าเดินเพียงก้าวเดียว เสียงของเย่ซิวตู๋ที่นิ่งสงบไร้ซึ่งคลื่นแปรปรวนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ตามมาติด ๆ ด้วยขวดกระเบื้องเคลือบขนาดเล็กที่ถูกยื่นมาตรงหน้านาง ภายใต้สายตาที่สงสัยของอวี้ชิงลั่ว เย่ซิวตู๋จึงเบือนสายตาไปทางอื่น กล่าวเสียงเย็นชาเพิ่มขึ้นหลายส่วนว่า “แมงป่องของเจ้า”
แมงป่อง? อวี้ชิงลั่วคว้าขวดมาไว้ในมือ ก่อนจะถลึงตามองเขาทีหนึ่ง นางก็สงสัยอยู่ว่าทำไมแมงป่องของรักของนางถึงยังไม่กลับมา ที่แท้ก็อยู่ในมือของเขานี่เอง
นางเก็บขวดไว้อย่างดี ก่อนจะเดินกลับสวนอวี้จู๋ของตนเองโดยไม่บอกกล่าวแม้แต่คำเดียว
เสิ่นอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลอกตา ก่อนจะหันหน้าตามไปด้วยท่าทีประจบสอพลอ “แม่นางอวี้ ให้ข้าอุ้มเด็กคนนี้เถอะ เจ้าอย่าเหนื่อยเลย”
เย่ซิวตู๋เม้มปากแน่นทันที เขาจ้องมองคนหนึ่งที่เดินนำและอีกคนเดินตามคนสามคนที่เดินห่างออกไปราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ใบหน้าของเขาอึมครึมเสียจนน่ากลัว
พ่อบ้านที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบรอบตัว ร่างกายของเขาสั่นอย่างรุนแรงไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่อยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้นว่า “นายท่าน อูตงผู้นั้น…”
ยังรออยู่หน้าประตู
“บอกให้นางกลับไป” น้ำเสียงของเขาเย็นชาอย่างมาก ครั้นกล่าวจบ ก็ไม่มองผู้ใดที่อยู่ที่นี่อีก และปิดประตูเสียงดัง ‘ปัง’
โม่เสียนและเหวินเทียนอดไม่ได้ที่จะหันมาสบตากัน ทั้งสองคนต่างก็งุนงง ไม่เข้าใจว่าอารมณ์ของนายท่านเหตุใดถึงเปลี่ยนเป็นโกรธเคืองอย่างฉับพลันเช่นนี้
พ่อบ้านหัวเราะด้วยความขมขื่น สาวเท้าแบบสั้น ๆ ไปยังประตูใหญ่ด้วยความรีบร้อน
อูตงยังรออยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นเขาเดินมาดวงตาจึงเป็นประกาย รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าสองสามก้าว อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปมองด้านหลังของเขา “พ่อบ้านเหยียน นายท่านล่ะ?”
“นายท่านสั่งให้ท่านกลับไป” เมื่อทราบความประพฤติของอูตง ท่าทีของพ่อบ้านย่อมไม่ได้ดีเท่าไรนัก สีหน้าที่มองก็ไม่ได้แสดงความเคารพเหมือนที่มองอวี้ชิงลั่ว ระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่วัน ดูเหมือนว่าอวี้ชิงลั่วจะทิ้งความประทับใจลึก ๆ ไว้ในใจของทุกคนโดยไม่ทันได้ระวังตัวเสียแล้ว
กลับไป? อูตงแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“พ่อบ้านเหยียน เจ้าได้บอกนายท่านอย่างชัดเจนหรือไม่?”
“ข้านำคำพูดของท่านไปรายงานต่อนายท่านไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว นายท่านทราบแล้วว่าหมอปีศาจอยู่ที่เจียงเฉิง ข้าได้พูดไว้อย่างชัดเจน ข้าเชื่อว่านายท่านก็ได้ยินอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน”
“แล้ว…แล้วเจ้าได้บอกนายท่านหรือไม่ ว่าข้าเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเขา แม่นางแซ่อวี้ผู้นั้นเชื่อถือไม่ได้?”
สีหน้าของพ่อบ้านเริ่มหมดความอดทนแล้ว แม่นางอวี้ช่วยถอนพิษให้ท่านเผิง ทั้งยังรักษาอาการบาดเจ็บให้นายท่าน หากนางเชื่อถือมิได้ หรือจะบอกว่าเจ้าเชื่อถือได้?
“แต่ถึงอย่างไรคำพูดที่ท่านให้ข้าไปแจ้ง ข้าได้แจ้งทั้งหมดแล้ว ส่วนนายท่านจะทำเช่นไร ก็เป็นเรื่องของนายท่าน ข้ามิอาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ท่านกลับไปเถอะ หลังจากนี้ก็อย่าได้มาปรากฏตัวที่จวนโม่อีก”
อูตงขบฟันแน่น ถลึงตามองพ่อบ้านเหยียนที่เคยเคารพนางเมื่อสองวันก่อน นางแทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่รอมร่อ ตาสุนัขหยามคนน้อย เป็นแค่บ่าวรับใช้มิใช่หรือ? คิดจริง ๆ สินะว่าตนเองมีความสามารถมากมาย
“พ่อบ้านเหยียน นายท่านบอกว่าจะไปพบหมอปีศาจหรือไม่?” นางข่มโทสะไว้ในใจ และใช้น้ำเสียงที่นิ่งสงบถามกลับไป นางมิอาจเข้าไปในจวนโม่ได้อีกแล้ว ถ้าเช่นนั้นคงทำได้เพียงแค่รอให้นายท่านออกมา นางไม่เชื่อพ่อบ้านเหยียนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว นางคิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้นำคำพูดที่นางบอกไปรายงานอย่างชัดเจน หากอีกสองวันนายท่านไปพบหมอปีศาจ เช่นนั้นก็จะเป็นโอกาสสุดท้ายของนาง
พ่อบ้านมองไม่ออกถึงความคิดเล็ก ๆ นั้นของนาง เขาไม่พูดอะไร หมุนกายและปิดประตูใหญ่ทันที
อูตงโกรธเจียนตายอยู่แล้ว นางยกกำปั้นออกแรงทุบประตูใหญ่สองที “พ่อบ้านเหยียน เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เปิดประตู เจ้ากล้าทำกับข้าเช่นนี้ หลังจากนี้เจ้าได้เห็นดีแน่ เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ”
พ่อบ้านถอนหายใจเบา ๆ เขากลอกตาและเดินกลับไปโดยไม่หันมามองอีก
อูตงยืนตะโกนนอกประตูอยู่นาน ทว่าด้านในกลับไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ตระกูลที่อยู่บริเวณโดยรอบ ๆ ได้ยินเสียงของนาง ต่างก็พากันชะโงกหน้าออกมามอง
คงเพราะรู้สึกขายหน้า อูตงจึงด่าสาปส่งแรง ๆ ไปสองครั้ง ก่อนจะก้มหน้ารีบออกจากประตูใหญ่ของจวนโม่
อย่างไรก็ตาม ตอนที่นางหลุดพ้นจากสายตาของผู้พิทักษ์ทมิฬของจวนโม่แล้ว คนสองคนก็กระโดดลงมาจากกำแพง ใช้ถุงกระสอบคลุมศีรษะของนาง หลังจากถูกมัดก็หายเข้าไปในตรอกอย่างรวดเร็ว
…………………………
สารจากผู้แปล
ถามหาหมอปีศาจกันใหญ่ ที่แท้ก็อยู่ตรงหน้านั่นแหละค่ะ รอดูปฏิกิริยาของทุกคนเวลารู้ว่าชิงลั่วเป็นหมอปีศาจเลย
เหมือนได้กลิ่นน้ำส้มโชยออกมาจากตัวนายท่านนะคะ
ไหหม่า (海馬)