อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 293 เย่ซิวตู๋ปรากฏตัว
ตอนที่ 293 เย่ซิวตู๋ปรากฏตัว
“เดรัจฉานไร้ประโยชน์” องค์รัชทายาทหัวเราะอย่างมีโทสะ “เช่นนี้จะให้ใช้คนหรืออย่างไร?”
เย่ฮ่าวถิงตื่นตระหนก สายเกินไปแล้วที่จะหยุดองค์รัชทายาท จึงมองอีกฝ่ายด้วยสายตารำคาญใจ
ท่านอ๋องเป่าก็ตระหนักได้เช่นกันว่ามีบางอย่างผิดปกติ ใจของเขาเต้นแรงด้วยลางสังหรณ์ไม่ดี
เย่ซิวตู๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างค่อย ๆ หรี่ตาลง และหัวเราะเบา ๆ อย่างเย็นชา “องค์รัชทายาทผู้นี้ ช่างมีความสามารถในการทำลายงานอย่างเหลือเฟือเสียจริง”
“หืม?” หนานหนานกะพริบตาด้วยความงงงวยมองดูท่านพ่อของตนเอง แต่พบว่าสายตาเย่ซิวตู๋จับจ้องไปยังกลุ่มคนไม่กี่คนในบริเวณด้านหน้า เด็กน้อยจึงหันศีรษะมองตามและตั้งใจฟังอีกครั้ง ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เข้าใจในคำพูดของท่านพ่อที่ว่า ‘องค์รัชทายาทช่างมีความสามารถในการทำลายงานอย่างเหลือเฟือ’
ตามความจริงแล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นไปตามสิ่งที่เย่ซิวตู๋และคนอื่น ๆ ได้คาดคิดเอาไว้ สถานการณ์กำลังดำเนินไปในทิศทางที่เลวร้ายลง
จากนั้นก็พบว่าแววตาของอุปราชเป็นประกายพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้องค์รัชทายาท “ท่านนี่สมกับเป็นองค์รัชทายาทเสียจริง ช่างเป็นความคิดที่ดีจริง ๆ เช่นนั้นแล้วก็ทำตามความคิดของท่านเถิด ใช้คนลากดีกว่าเดรัจฉานมากนัก”
องค์รัชทายาทพ่นลมหายใจแรง เขา…เขาไม่ได้มีความคิดเช่นนี้ นี่เป็นเพียงคำพูดที่ออกมาเพราะบันดาลโทสะเท่านั้น เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้
องค์รัชทายาทหันหน้ากลับมา และเห็นผู้คนต่างจ้องมองตนด้วยแววตาไม่พอใจ ราวกับว่าตนได้กระทำสิ่งชั่วร้ายลงไป
องค์รัชทายาทต้องการที่จะอธิบาย แต่ท่านอ๋องเป่าที่อยู่ข้าง ๆ ทนไม่ไหวโกรธจนหน้าดำหน้าแดง จึงดึงองค์รัชทายาทไปด้านหลัง และเอ่ยเตือนเบา ๆ “องค์รัชทายาทสงบปากสงบคำเสียเถิด หากกล่าวอะไรออกไปอีก อาณาจักรเฟิงชางทั้งหมดคงได้อับอายเพราะท่านเป็นแน่”
“เจ้า เจ้ากล้าเอ่ยกับข้าเช่นนี้หรือ เจ้า…”
องค์รัชทายาทไม่พอใจเป็นอย่างมากและต้องการเดินไปข้างหน้า แต่เย่ฮ่าวถิงก็ได้เดินเข้าไปสนทนากับอุปราชแล้ว
“ท่านอุปราชพูดจาขบขันแล้ว คนจะสามารถลากรถม้าได้ดีกว่าม้าได้อย่างไร? จะว่าไปแล้ว คนคนเดียวจะสามารถลากรถม้าได้อย่างไร?”
“เรื่องนี้จัดการง่ายมาก ถ้าหนึ่งคนไม่พอ เช่นนั้นแล้วก็เรียกคนมาเพิ่มสิ สิบคนก็คงลากได้ดีกว่าหนึ่งคนสินะ สำหรับความเสถียรนั้น อืม…” จู่ ๆ สีหน้าของอุปราชก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา เขามองผู้คนรอบข้างพลางหัวเราะเย็นชา และเอ่ยขึ้นอย่างโหดเหี้ยม “หากว่าผู้ใดลากได้ไม่มั่นคง ก็จะเป็นเช่นเดียวกับม้าตัวนั้น เช่นนั้นแล้ว ผู้ที่จะมาลากรถนั้นต้องระมัดระวังเป็นที่สุด”
“ท่านอุปราช…”
“เอ๊ะ ท่านอย่าเอ่ยอะไรขึ้นมาเลย ความคิดนี้เป็นขององค์รัชทายาทของพวกท่าน ข้าจะปัดผ่านความคิดขององค์รัชทายาทได้เช่นไรกัน? เช่นนั้นแล้วข้าจะไม่ดูเหมือนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีหรือ?” อุปราชโบกมือ ยังไม่ทันที่เย่ฮ่าวถิงจะมีโอกาสเอ่ย เขาก็เอ่ยขึ้นมาก่อนแล้ว “องค์รัชทายาทแห่งอาณาจักรเฟิงชางนั้นได้ตัดสินพระทัยแล้ว เพื่อเป็นการแสดงถึงมิตรภาพที่ดีระหว่างอาณาจักรจิงเหลย ดังนั้นจึงตัดสินใจได้ว่าจะให้คนแปดคนมาลากรถม้า นี่นับว่าเป็นเกียรติของพวกเจ้าที่ได้ยืนหยัดเพื่อเป็นเกียรติของอาณาจักรเฟิงชาง นี่จึงจะเป็นประชาชนที่ดีของเฟิงชาง”
คำพูดนี้ ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นความปรานีอันมหาศาล
องค์รัชทายาทตกตะลึงสุดขีด เขาไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องราวจะดำเนินมาเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าอุปราชผู้นี้กำลังทำร้ายตนหรือ? เช่นนี้แล้วในภายภาคหน้าประชาชนของอาณาจักรเฟิงชางจะไม่เกลียดเขาจนตายเลยหรือ
องค์รัชทายาทต้องการจะอธิบาย แต่อุปราชหนุ่มยังคงพูดต่ออย่างไม่ลดละ “อย่างไรก็ตาม รถม้าคันนี้ต้องได้รับการคัดเลือกให้ดีและมั่นคงขึ้นมาอีกหน่อย เพื่อให้ขุนนางและทหารรักษาเมืองได้ปฏิบัติตามข้อกำหนด เพียงแต่ ข้าเห็นว่าทหารเหล่านี้ต่างก็ล้วนปฏิบัติหน้าที่ของตน คงจะออกมาทำหน้าที่ลากรถไม่ได้ มิเช่นนั้นแล้วถ้าขาดไปสักคน ฝูงชนอาจเข้ามารุมเบียดเสียดอีกจะทำเช่นไร? คงไม่อยากให้ข้าลงมือสังหารผู้ใดอีกใช่หรือไม่?”
เย่ฮ่าวถิงกำมือแน่น “ท่านอุปราช ประชาชนของอาณาจักรพวกเราไม่สามารถ…”
“ในกรณีนี้ เช่นนั้นแล้วก็เลือกผู้คนที่รายล้อมอยู่ตอนนี้สิ มีจำนวนตั้งมากมาย ข้าเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถพร้อมที่จะทำงานได้ ใช่หรือไม่องค์รัชทายาท?”
องค์รัชทายาทตกตะลึง รู้สึกเพียงว่าร่างกายตนสั่นสะท้านไหว และไม่มีการตอบสนองใด ๆ
อุปราชถือว่าการตอบสนองขององค์รัชทายาทเป็นการยอมรับ เขาจึงชี้นิ้วขึ้นมา และชี้ไปยังบรรดาชายฉกรรจ์ในฝูงชน
“เจ้า เจ้า เจ้า เจ้า และเจ้า” อุปราชชี้ไปที่บุรุษทั้งห้า
เหล่าบุรุษที่ถูกชี้ต่างพากันหน้าซีด พวกเขาล้วนยืนอยู่แถวหน้าทั้งหมด เรื่องที่ว่าหากลากรถม้าของอุปราชได้ไม่มั่นคงแล้วจะต้องจบชีวิตลงเหมือนกับม้าตัวนั้น พวกเขาล้วนได้ยินทั้งหมด ในตอนนี้จึงมีเหตุผลอันใดเล่าที่พวกเขาจะไม่หวาดกลัว?
ผู้คนทั้งหมดแทบจะทำอะไรไม่ถูกในเวลานี้ แต่ละคนเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จาสิ่งใด ด้วยเกรงว่าตนจะเป็นคนต่อไปที่จะถูกเลือก ทั่วท้องถนนต่างตกอยู่ในความเงียบสงบ
หนานหนานไม่สามารถระงับโทสะของตนเอาไว้ได้ ฟันขาวสะอาดขบเคี้ยวกันอย่างรุนแรง มุมปากของเด็กน้อยกระตุกขึ้น “จะเกินไปแล้วนะ เกินไปแล้วจริง ๆ คนไร้ยางอายอย่างข้าทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว จิตใจของอุปราชผู้นี้ทำมาจากอะไรกัน? นี่มันไม่ใช่คนแล้ว วิปริต วิปริตเสียมาก ๆ”
มุมปากของเย่ซิวตู๋กระตุกเล็กน้อย หนานหนาน ทุกคนต่างเงียบกันหมด แต่เจ้ากลับพูดขึ้นมาคนเดียว ถึงแม้จะพูดด้วยเสียงระดับปกติ แต่ผู้มีสัมผัสไวก็ได้ยินได้
อย่างเช่น…ท่านอุปราช
แน่นอนว่าคำพูดเต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมนั้นดังเป็นพิเศษภายใต้ความเงียบสงบ ประหนึ่งเกาทัณฑ์ที่เสียบเข้าไปในโสตประสาทของอุปราชผู้นั้น
อุปราชที่เดิมทียืนพิจารณาอยู่ตรงนั้นว่าจะเลือกผู้ใดเป็นคนต่อไป มุมปากของเขาก็ค่อย ๆ กระตุกขึ้นอย่างชั่วร้าย
ในใจของเขารู้แล้วว่า ใครจะเป็นผู้ลากรถคนต่อไป
อุปราชค่อย ๆ ขยับตัวหันไปตามทิศทางที่มาเสียงของเสียง เมื่อมองไปก็พบกับเย่ซิวตู๋ที่โดดเด่นมาจากฝูงชนประหนึ่งนกกระเรียนในฝูงไก่ ผู้มีสีหน้าดูไร้อารมณ์พร้อมแววตามั่นคงที่ยังคงอุ้มเด็กคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขน
นิ้วของอุปราชค่อย ๆ ขยับขึ้นมา และค่อย ๆ ชี้ไปยังเย่ซิวตู๋ และยิ้มขึ้นด้วยรอยยิ้มกระหายเลือด “คนต่อไปก็คือเจ้า”
เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ ขมวดคิ้ว และตบบั้นท้ายของหนานหนานเบา ๆ ก่อนที่จะหัวเราะและเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ดูสิ เจ้าทำให้ข้าเดือดร้อน”
พูดจบชายหนุ่มก็ก้าวออกมาจากฝูงชนอย่างสง่างาม และผลักทหารที่อยู่ข้างหน้าตนให้ถอยออกไปอีกด้าน อุ้มหนานหนานที่ยังมีท่าทางไม่พอใจและก้าวต่อไปอย่างมั่นคง
เงาของชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น เย่ฮ่าวถิง องค์รัชทายาท ตลอดจนท่านอ๋องเป่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อุปราชต่างก็อ้าปากค้างและกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเย่ซิวตู๋ก้าวเข้าไปบริเวณด้านหน้าของเย่ฮ่าวถิง ชายหนุ่มจึงระบายลมหายใจเฮือก “ท่านพี่ห้า?”
“น้องห้า” องค์รัชทายาทและท่านอ๋องเป่าต่างก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ และอุทานออกมา
อุปราชขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินพวกเขาเอ่ยชื่อก็หันศีรษะไปดูด้วยความตกใจ และจ้องมองไปยังชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ
ท่านพี่ห้า? น้องห้ารึ?
หรือว่า คนผู้นี้คือคนที่ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิงชางให้ความสำคัญมากที่สุด…ท่านอ๋องซิวหรือ?
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สะดุดตอเข้าแล้วอิอุปราชเอ๊ย เตรียมโดนท่านอ๋องซิวยำเละเทะได้เลย
ไหหม่า(海馬)