อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 294 เสียเปรียบเล็กน้อย
ตอนที่ 294 เสียเปรียบเล็กน้อย
ตอนที่ 294 เสียเปรียบเล็กน้อย
“อืม”เย่ซิวตู๋พยักหน้าเบา ๆ ให้กับให้พวกเขา หลังจากนั้นจึงมองไปยังอุปราชที่อยู่อีกด้าน ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ในเมื่ออุปราชให้เกียรติข้า เช่นนั้นแล้วข้าก็ควรรับมันไว้ ข้านั้นไร้ซึ่งความสามารถก็จริง แต่ก็มีพละกำลังมากมาย”
องค์รัชทายาทและท่านอ๋องเป่าสูดหายใจลึก นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? เย่ซิวตู๋ตัดสินใจยินดีที่จะเป็นทาสลากรถม้าให้เขาหรือ?
เช่นนี้แล้วศักดิ์ศรีของทายาทมังกรของพวกเขาจะไปอยู่ที่ใด? โดยเฉพาะยังมีอีกสามอาณาจักรที่อยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้
เหมือนจะมีเพียงเย่ฮ่าวถิงที่ขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากนั้นก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง แม้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องจะเป็นไปอย่างราบเรียบ แต่เขาเองก็รู้ดีว่าเย่ซิวตู๋ผู้หยิ่งทระนงจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน
เพียงแต่ในตอนที่เย่ฮ่าวถิงมองดูวินาทีที่เย่ซิวตู๋ปรากฏตัวนั้น ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ ๆ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
อุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลยปะทะอ๋องซิวแห่งอาณาจักรเฟิงชาง ไม่แน่ว่าจะทุก ๆ อย่างอาจจะง่ายดายขึ้น
ผลปรากฏว่าอุปราชค่อย ๆ หรี่ตาลง มองดูชายผู้มีแรงกระตุ้นจนน่าอัศจรรย์ที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ
เท่าที่เขารู้มา ท่านอ๋องซิวแห่งอาณาจักรเฟิงชางควรหยิ่งยโสและไม่ง่ายที่จะรับมือ ได้ยินมาว่าฮ่องเต้นั้นให้ความสำคัญกับเขามาก และมีความตั้งใจที่จะมอบบัลลังก์ให้กับเขา และยังได้ยินมาว่าอ๋องซิวผู้นี้จู่ ๆ ก็หายตัวอย่างกะทันหันเป็นเวลาสี่ปี ไม่รู้ว่าหายไปที่ไหน แต่กลับมาปรากฏตัวในเมืองหลวงช่วงนี้
บุรุษเช่นนี้ จะยินยอมลากรถม้าให้แก่อุปราชจริง ๆ หรือ?
เย่ซิวตู๋หัวเราะขึ้นมา และค่อย ๆ โน้มตัวลงวางหนานหนานไว้บนพื้น และกำชับเด็กน้อย “ยืนอยู่ข้าง ๆ ตรงนี้ อย่าวิ่งสะเปะสะปะเข้าใจหรือไม่?”
เย่ซิวตู๋เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทหรือคนอื่น ๆ ก็ไม่เคยเห็นว่าเขาจะอ่อนโยนกับเด็กคนไหนมาก่อน ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าไม่เคยอบอุ่นเช่นนี้ต่อผู้ใดมาก่อนเลย
สายตาของทุก ๆ คนต่างจับจ้องไปยังหนานหนาน เจ้าเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมามองดูพวกเขาด้วยความประหลาดใจ หลังจากนั้นจึงหันไปพยักหน้าให้กับเย่ซิวตู๋ “ข้าเข้าใจแล้ว”
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะจึงยืดตัวขึ้น หันกลับมามองหน้าอุปราชด้วยสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม “ท่านอุปราชไม่ได้ต้องการคนสิบคนมาลากรถหรอกหรือ? ตอนนี้ถ้ารวมข้าเข้าไปด้วยก็เป็นหกคน ยังเหลืออีกสี่คน อุปราชเลือกต่อเถิด”
องค์รัชทายาทตื่นตกใจ “น้องห้า เจ้าคงจะไม่คิดที่จะ…”
เย่ฮ่าวถิงคว้าตัวชายหนุ่มเอาไว้ เพื่อให้เขานั้นไม่เอ่ยอะไรออกมา
แต่องค์รัชทายาทไม่พอใจเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดแล้วเย่ซิวตู๋คิดจะทำอะไรกันแน่? ไม่เพียงแต่คิดหยุดให้เขารังแกประชาชนเช่นนี้ แต่กลับเลือกเข้าไปร่วมมือกับเขา ช่างน่าอับอายเสียจริง
เย่ซิวตู๋เมินเฉยต่อองค์ราชทายาทมาโดยตลอด ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเย่ฮ่าวถิงมาหยุดอีกฝ่ายไว้ เขาก็ย่อมไม่สนใจแม้แต่น้อย
กลับกันอุปราชที่อยู่อีกด้านได้หรี่ตาลงและพิจารณาเย่ซิวตู๋อย่างถี่ถ้วน
ดูเหมือนว่าเขาจะระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าเย่ซิวตู๋ ซึ่งอุปราชไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ยินยอมที่จะถูกชักจูงไป หากเอ่ยอะไรออกมา ก็จะเอ่ยออกมาในทางกลับกัน
“ท่านอ๋องซิวพูดจาขบขันแล้ว พระองค์เป็นถึงอ๋องแห่งอาณาจักรเฟิงชาง เป็นชนชั้นสูง ข้าจะกล้ารบกวนท่านให้ลากรถม้าได้อย่างไรกัน”
“จะพูดเช่นนั้นไม่ได้” เย่ซิวตู๋ปล่อยมือหนานหนาน และกลับมายิ้มเช่นเดิม ก่อนค่อย ๆ เพิ่มน้ำเสียงขึ้น “อาณาจักรเฟิงชางและอาณาจักรจิงเหลยนั้นแตกต่างกัน อาณาจักรเฟิงชางปกครองประเทศด้วยความเมตตาเสมอมา และยังยึดมั่นในหลักการของประชาชนเพื่อประชาชน ที่ข้ามีสถานะเช่นนี้ได้ก็เป็นเพราะความรักความเมตตาของประชาชน หนึ่งอาณาจักรจะสามารถสงบสุขหรือรุ่งเรืองได้ก็ต้องพึ่งพาอาศัยความพยายามของทุก ๆ คน ข้ารักและทะนุถนอมประชาชน ประชาชนก็ย่อมเคารพข้าเช่นกัน ดังนั้นในเมื่อวันนี้ประชาชนสามารถลากรถม้าคันนี้ได้ เหตุใดข้าจะไม่สามารถลากรถม้าคันนี้ได้เล่า?”
“ดีมาก ท่านอ๋องกล่าวได้ดีมาก” มีเสียงจากฝูงชนตะโกนดังขึ้นมา
การป่าวร้องครั้งนี้ ทำให้เหตุการณ์เมื่อครู่กลายเป็นเสียเปรียบทันที ผู้คนที่เกรงกลัวต่ออุปราชจนไม่กล้าขยับตัวก็พลันรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา และมองเย่ซิวตู๋ด้วยความเคารพ
ฉากนี้ อุปราชไม่เพียงแต่จะกำหมัดของตนไว้แน่นเท่านั้น แต่ยังจ้องมององค์รัชทายาทและคนอื่น ๆ ด้วยดวงตาแดงก่ำขึ้นมา และหายใจฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
หากว่าเย่ฮ่าวถิงไม่รั้งองค์รัชทายาทเอาไว้ เกรงว่าเขาคงจะเข้าไปและไล่ให้เย่ซิวตู๋กลับไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้องค์รัชทายาทจะถูกรั้งเอาไว้ แต่อุปราชก็ยังคงต่อสู้กับเย่ซิวตู๋อยู่ เขาหัวเราะขึ้นมา “ท่านอ๋องซิวเอ่ยเช่นนี้ไม่ได้รู้สึกย้อนแย้งหรือ? เมื่อครู่องค์รัชทายาทได้เสนอขึ้นมาว่าให้ประชาชนมาลากรถม้าเยี่ยงเดรัจฉาน เพื่อส่งองค์ชายของข้านั้นไปยังเรือนรับรองอย่างปลอดภัย ”
คำกล่าวเช่นนี้ของอุปราชทำให้องค์รัชทายาทหันหน้าขวับ “อุปราช ข้าไม่เคยเอ่ยเช่นนี้ออกมา”
“ไม่ได้พูดหรือ?” อุปราชหัวเราะออกมา และเอ่ยถามองครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ “เมื่อครู่องค์รัชทายาทได้เอ่ยออกมาหรือ? เจ้าได้ยินหรือไม่”
องครักษ์ของเขายังคงไร้ซึ่งความรู้สึกเช่นเคย และได้เอ่ยซ้ำขึ้นมา “พระองค์เคยตรัสไว้ว่า ไม่ใช้เดรัจฉาน เช่นนั้นแล้วจึงจะใช้คนแทน”
“ข้า…” องค์รัชทายาทใบหน้าแดง เห็นได้ชัดว่าอุปราชผู้นี้เข้าใจความหมายของตนผิด
อุปราชไม่สบตาองค์รัชทายาทเลย เพียงยักไหล่ให้กับเย่ซิวตู๋ เมื่อต้องเผชิญหน้าอ๋องซิวที่ยืนอยู่ตรงหน้าผู้นี้ เขาต้องใช้สติและระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก “ท่านอ๋อง ท่านได้ยินแล้วใช่หรือไม่?”
“ท่านอุปราช เท่าที่ข้ารู้ เมื่อครู่ที่องค์รัชทายาทเอ่ยนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการตั้งคำถาม ส่วนคำตอบคือการตัดสินใจของท่านเอง ว่าจะใช้ประชาชนในการลากรถม้า”
“หึ คำถามเช่นนั้นหรือ? ถ้าหากองค์รัชทายาทไม่ได้มีความคิดเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วจะเสนอความคิดมาได้เช่นไร?”
“เมื่อครู่ที่ข้าได้เอ่ยไปนั้น อาณาจักรของข้านั้นปกครองด้วยความเมตตามาโดยตลอด อุปราชเพิ่งจะเข้าเมืองมาก็สังหารประชาชนสองคนต่อหน้าองค์รัชทายาท และยังตัดหัวม้าอีก มากไปกว่านั้น องค์รัชทายาทยังแบกรับหน้าที่รับผิดชอบการแข่งขันของทั้งสี่อาณาจักร สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ในด้านหนึ่งองค์รัชทายาทก็ละอายใจต่อประชาชนทั้งสองคน ในอีกด้านก็ต้องขอโทษที่รบกวนทูตของอาณาจักรอื่น ดังนั้นจึงนับว่าเป็นความผิด แต่นี่ก็เป็นเพียงความผิดเล็กน้อยเท่านั้น”
คนทั้งหมดได้ยินเช่นนี้ ต่างก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ
บนโรงเตี๊ยมที่ห่างออกไปไม่ไกล หน้าต่างก็ค่อย ๆ ถูกเปิดออกมา ดูเหมือนจะมีคนร่างเล็กซ่อนอยู่หลังหน้าต่าง ต่อมาไม่นานเสียงหัวเราะเบา ๆ ก็ดังขึ้น “คาดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องซิวที่เคร่งขรึมแห่งอาณาจักรเฟิงชางจะพูดจาได้ดีเช่นนี้ คำพูดเพียงสั้น ๆ ที่ย้อนความผิดพลาดขององค์รัชทายาท กลับสร้างความประทับใจต่อผู้คน เมื่อมองดูแล้วสถานการณ์ของอุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลยในตอนนี้นับว่าไม่สู้ดีนัก”
หลังจากหยุดไปพักหนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ยิ้มและเอ่ยขึ้น “ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แค่ดูสู้ไม่ดี ดูเหมือนว่าจะเสียเปรียบเล็กน้อยแล้ว”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนปากเก่งใจเหี้ยมมันต้องเจอคนประเภทเดียวกันที่อยู่ในระดับขั้นกว่าค่ะถึงจะจมลง
ไหหม่า(海馬)