อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 298 ตัดสินใจแล้ว
ตอนที่ 298 ตัดสินใจแล้ว
ตอนที่ 298 ตัดสินใจแล้ว
ทันทีที่เย่ซิวตู๋ทำท่าจะจากไป แววตาของหนานหนานก็ฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
เด็กน้อยรีบลากเย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์ไปที่หน้าต่าง ครั้นหันกลับไปมองโม่เสียนที่ยืนอยู่อีกฝั่ง เด็กน้อยก็ชะงักขึ้นมาทันที “ไป ๆๆ ไปที่อื่น พวกเรามีเรื่องใหญ่สำคัญที่จะต้องปรึกษากัน เจ้าอย่ามาทำให้เสียเรื่อง”
โม่เสียนกระตุกมุมปาก และหยุดฝีเท้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน
เรื่องใหญ่สำคัญหรือ? เหตุใดจึงมีเรื่องใหญ่สำคัญอีกแล้ว?
โม่เสียนนับนิ้ว ตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกันมา หนานหนานมีเรื่องใหญ่สำคัญยี่สิบเรื่องแล้ว
ในตอนเริ่มต้น พวกเขารู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก และก็สนใจเรื่องใหญ่ของหนานหนานเช่นกัน อื้ม เรื่องสำคัญที่ว่าของหนานหนานก็คือ…จับจิ้งหรีด ชนไก่ กอบโกยเงิน เอาใจแม่นางอวี้ และที่สำคัญสุดก็คือการกิน
โม่เสียนตื่นเต้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อพบว่าเด็กน้อยจูงมือสหายทั้งสองอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ โม่เสียนเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหาเก้าอี้สักตัวแล้วนั่งลง เพื่อที่จะไม่ไปรับกวน‘การรวมตัว’ของพวกเขา
หนานหนานหัวเราะเหอะ ๆ และลากเด็กทั้งสองลงไปนั่งกับพื้น ศีรษะทั้งสามแนบชิดเข้าด้วยกัน
ใบหน้าของอวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงเปี่ยมไปด้วยความสงสัย “หนานหนาน เจ้ามีเรื่องอะไรที่จะคุยกับพวกเราหรือ? หรือเพราะว่าหลายวันมานี้เจ้าเรียนวรยุทธ์กับท่านอ๋อง จนกลายเป็นปรมาจารย์ไปแล้ว?”
“จริงหรือ? ถ้าหนานหนานสุดยอดเช่นนี้ เช่นนั้นการประลองฝ่ายบู๊เจ้าจะต้องชนะแน่นอน”
“ตอนนี้ข้ารอให้การประลองทั้งสี่อาณาจักรเริ่มต้นขึ้นไม่ไหวแล้ว หนานหนาน ตอนนี้ข้าเชื่อมั่นในตัวของเจ้ามาก”
“อื้มๆ หนานหนาน พวกเราจะเอาที่หนึ่งมาให้ได้ ทำให้ทุก ๆ คนเห็นว่าเราพัฒนาไปมากเพียงใด ”
“หนานหนาน…”
“หยุด!! ” หนานหนานยื่นมือออกมา และจับศีรษะของทั้งสองคนชนเข้าด้วยกันจนทำให้อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงมองเห็นดวงดาวสีทองเปล่งประกายไปทั่วทั้งท้องฟ้า ก่อนตะโกนอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าเอาแต่พูด ไม่ให้โอกาสข้าได้เอ่ยอะไรเลย ระวังข้าจะโยนพวกเจ้าออกไปซะ”
“หนานหนาน เจ้าสามารถโยนคนออกจากหน้าต่างได้แล้วหรือ?” เย่หลานเฉิงลูบหน้าผากของตนเองที่รู้สึกเจ็บเล็กน้อย เด็กน้อยถอนหายใจและเอ่ยถามออกมา เย่หลานเฉิงยังจำได้ดีว่าครั้งก่อนที่พวกเขาทั้งสองช่วยเสิ่นอิงที่ตำหนักอี๋ซิ่งนั้น หนานหนานยังต้องให้เสิ่นอิงอุ้มเข้าไปในห้องอยู่เลย
คาดไม่ถึงว่าเรียนวรยุทธ์กับท่านลุงห้าเพียงไม่เท่าใด กลับมีความสามารถมากมายเช่นนี้แล้ว
หนานหนานตกตะลึง หลังจากนั้นจึงเริ่มรู้สึกได้ใจขึ้นมา “ตอนนี้ข้าสามารถทำให้ก้อนหินแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ด้วยเท้าข้างเดียว ถึงจะเจ็บเล็กน้อย แต่มันก็ไม่เท่าไหร่หรอก ดังนั้นการเตะใครสักคนในการประลองก็คงไม่มีปัญหาอะไร ข้าจะบอกพวกเจ้าไว้ ไม่กี่วันมานี้ข้าซ้อมหนักมาก มันใช้เวลาทั้งชีวิตของข้า…โอ้ ไอหยา ข้าไม่ได้จะพูดเรื่องนี้ พวกเจ้าทั้งสองหุบปากซะ ห้ามผู้ใดพูด ห้ามผู้ใดถาม”
เย่หลานเฉิงสำลักพลางหัวเราะแห้ง ก็เห็นอยู่ว่าหนานหนานนั้นพูดสัพเพเหระออกมาเอง แต่ก็ช่างเสียเหอะ พวกเขาเองต่างก็รู้จักนิสัยของหนานหนานดี ในเมื่อเด็กน้อยมีเรื่องต้องการจะพูด เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ควรจะฟัง
หนานหนานมองทั้งสองคนที่นิ่งเงียบไป ในที่สุดก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้สิจึงจะถูก อ้า เรื่องราวเป็นเช่นนี้ เมื่อวานท่านพ่อให้ข้าฝึกทั้งวันเลย และไม่ได้ให้ข้ามาดูอาณาจักรหลิวอวิ๋นตอนที่เดินทางเข้าเมือง พอข้าฝึกเสร็จก็ค่ำแล้ว พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าข้านั้นโกรธจนนอนไม่หลับเลย ริมฝีปากก็มีตุ่มพองขึ้น”
อวี้เป่าเอ๋อร์พิจารณาริมฝีฝากของหนานหนาน ก็ไม่เห็นจะมีตุ่มพองอะไร และการนอนของหนานหนานนั้นก็ดีมาโดยตลอด เขาจึงสับสนเป็นอย่างมากกับเรื่องที่หนานหนานนอนไม่หลับมาทั้งคืน
อย่างไรก็ตามอวี้เป่าเอ๋อร์ก็ไม่สามารถพูดคำพูดเหล่านี้กับหนานหนานได้ ไม่เช่นนั้นแล้วหนานหนานก็คงจะโกรธเป็นอย่างมาก ต่อให้ไม่โยนเด็กหนุ่มออกไปจากหน้าต่าง อวี้เป่าเอ๋อร์ก็จะกระโดดลงไปจากหน้าต่างด้วยตัวเอง อ้อ เด็กหนุ่มนั้นมีฐานะเป็นน้าของหนานหนาน จึงรู้สึกรักและถนอมหลานรักผู้นี้มาก ๆ
ดังนั้น… เด็กหนุ่มจึงรู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้นั้นควรที่จะถามอะไร “ดังนั้น?”
หนานหนานแสดงท่าทางว่า ‘เจ้านั้นถามได้ดี’ และทั้งสามคนก็เบียดศีรษะเข้าหากันอีกครั้ง “ดังนั้นข้าเลยรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก เสียดายจนร่างกายของข้านั้นจะระเบิดออกมา พวกเจ้าดูสิ อาณาจักรจิงเหลยข้าก็ได้เห็นมาแล้ว ได้รู้ว่าอุปราชผู้นั้นเป็นคนเช่นไร เช่นนั้นแล้วข้าจึงมีความคิดภายในใจ และได้รู้ว่าเวลาประลองนั้นควรที่จะต้องระมัดระวังสิ่งใด อาณาจักรเทียนอวี๋ต้องเป็นวันพรุ่งนี้จึงจะได้เห็นถูกต้องไหม ก็มีเพียงแค่อาณาจักรหลิวอวิ๋นที่ข้านั้นไม่รู้สิ่งใดเลย สุดแสนจะลึกลับนัก”
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงสบตากัน ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจว่าหนานหนานต้องการสิ่งใดกันแน่ พูดปูเรื่องมามากมายเช่นนี้แล้วเขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่?
“เอ๊ะ หนานหนาน จริง ๆ แล้วเกี่ยวกับเรื่องของอาณาจักรหลิวอวิ๋นนั้น ไปถามท่านลุงห้าก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ ท่านลุงห้าน่าจะรู้เรื่องราวมากมาย”
หนานหนานจ้องสหายตัวน้อยเขม็ง และเอ่ยขึ้นอย่างโกรธเคือง “เจ้าจะรู้อะไร ท่านพ่อของข้ารู้ก็จริง แต่ก็แค่เพียงผิวเผิน ไหนเลยจะทะลุปรุโปร่งเท่ากับข้าไปดูด้วยตัวเอง?”
“หนานหนาน…เจ้าบอกว่าจะไปดูด้วยตัวเอง…หมายความว่าอะไร?” อวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก แล้วลางสังหรณ์อันน่าสยดสยองก็ผุดขึ้นมาในหัว
หนานหนานตบไหล่ของทั้งสองคน และถอนหายใจออกซ้ำ ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะไปเรือนรับรองของผู้เข้าประลองของอาณาจักรหลิวอวิ๋น ”
“อะไรนะ???” ทั้งสองตกตะลึงเป็นอย่างมาก ทั้งสามกระโดดขึ้นมาในทันที จนทำให้ศีรษะกระแทกเข้าหากัน
“โอ๊ย…”
“โอ๊ย…”
“โอ๊ย…”
ทั้งสามกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน โม่เสียนที่นั่งข้าง ๆ โต๊ะตกใจขึ้น และได้รีบวิ่งเข้าไปหาเด็กทั้งสาม “เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น? ชนกันแล้วหรือ เป็นอะไรหรือไม่?”
หนานหนานผลักมือของโม่เสียนที่โอบตนเองออก และก็กลับมาหงุดหงิดอีกครั้ง “ไอหยา ไม่ได้ให้เจ้าเข้ามานะ ก็เห็น ๆ อยู่ว่าพวกเรายังพูดคุยกันไม่เสร็จ พวกเราไม่ได้เป็นอะไร ก็เพียงแค่อยู่ชิดกันเกินไปจนหัวชนกันเท่านั้น ”
เขาว่าพลางส่งสัญญาณให้อวี้เป่าเอ่อร์และเย่หลานเฉิง เพื่อไม่ให้ทั้งสองเอ่ยอะไรออกมา
เด็กทั้งสองที่ต้องการจะเอ่ยอธิบายพบเข้ากับสายตาของหนานหนานที่จ้องมองมา จึงรีบปิดปากอย่างเชื่อฟัง และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
โม่เสียนจ้องมองไปรอบ ๆ ด้วยแววตาที่สับสน ชายหนุ่มรู้สึกว่าเด็กพวกนี้นั้นแปลกเอาเสียมาก ๆ ท้ายที่สุดแล้วหนานหนานพูดอะไรกับพวกเขากันนะ เหตุใดจึงดูมีมีการเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้
โม่เสียนถูกหนานหนานผลักออกมาไม่กี่ก้าว และภายในใจก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าโม่เสียนนั่งลงอีกครั้ง หนานหนานจึงหันหน้ากลับมา และดึงให้สหายทั้งสองนั่งลงอีกครั้งพร้อมกับทำหน้ามุ่ยและเอ่ยเตือน “อย่าพูดเสียงดัง ไม่เช่นนั้นจะโดนท่านลุงโม่เสียนจับได้ พวกเราจะทำอะไรต้องนึกถึงสิ่งที่จะตามมาด้วย แผนของพวกเราจะต้องไม่สูญเปล่า”
“หนานหนาน เจ้า เจ้าอยากจะไปเรือนรับรองของอาณาจักรหลิวอวิ๋นจริงหรือ?” อวี้เป่าเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและเกลี้ยกล่อมเบา ๆ “แต่ถ้าพวกเราไป ก็อาจจะไม่เห็นผู้คนที่นั่นนะ เจ้าอย่าลืมสิว่าบริเวณด้านนอกเรือนรับรองมีทหารอยู่มากมาย พวกเราไม่สามารถเข้าไปได้อยู่แล้ว และมากไปกว่านี้นะหนานหนาน ถ้าเรื่องนี้ถูกท่านอ๋องและท่านพี่รู้เข้า จะต้องตีพวกเราจนตายแน่ ๆ หนานหนาน พวกเราไม่ควรที่จะไปที่นั่นนะ”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไอ้เจ้าหนานหนานวางแผนจะทำอะไรทีนี่วุ่นไปทั่วทั้งตำหนักเลยนะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)