อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 299 หนานหนานบาดเจ็บ
ตอนที่ 299 หนานหนานบาดเจ็บ
ตอนที่ 299 หนานหนานบาดเจ็บ
เย่หลานเฉิงพยักหน้าอย่างแรง เด็กน้อยไม่ต้องการให้หนานหนานไปที่เรือนรับรองเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับอาณาจักรหลิวอวิ๋นแม้แต่น้อย ต่อให้รู้บ้าง แต่ถ้าเข้าไปโดยพลการเช่นนี้แล้วโดนจับได้จะต้องรับผิดชอบไม่ไหวแน่ ๆ
แต่หนานหนานกลับมีความมุ่งมั่นเอาเสียมาก ๆ “ถ้าหากว่าพวกเจ้าสองคนไม่ไป เช่นนั้นข้าจะไปคนเดียวเอง”
“หนานหนาน…” เย่หลานเฉิงกำมือเล็ก ๆ แน่น และครุ่นคิดอยู่ว่าควรจะบอกเรื่องนี้ต่อท่านน้าชิงดีไหม
แต่หนานหนานเป็นคนฉลาด การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเย่หลานเฉิงก็ทำให้เด็กน้อยสงสัยในทันที ก่อนจะหรี่ตามองทั้งสองคนในเวลาต่อมา
“พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูด ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทรยศต่อพี่น้องและมิตรสหาย ผิดหลักคุณธรรม จะต้องถูกสวรรค์ส่งอสนีบาตลงมาทำโทษ และวันข้างหน้าข้าจะไม่สนใจพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
เย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์สบตากัน ทั้งคู่ต่างสงบปากคำอย่างเชื่อฟัง แต่เรื่องที่จะไปเรือนรับรองนั้น พวกเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนี้เช่นเดิม
“เพียงแค่รู้ว่าพวกเจ้านั้นมีความซื่อสัตย์ หากจะไม่ไปกับข้าก็ไม่เป็นไร เช่นนั้นข้าจะไปด้วยตัวเอง” หนานหนานเหลือบมองไปยังทั้งสองคนและทำท่าจะลุกขึ้น
ไหนเลยทั้งอวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หนานเฉิงจะวางใจให้หนานหนานไปผู้เดียว ถึงแม้ว่าทั้งสองนั้นจะไม่ยินยอม แต่ก็รู้ดีว่าไม่สามารถปล่อยให้หนานหนานไปเรือนรับรองคนเดียวได้ เมื่อถึงเวลานั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ๆ ก็คงจะรู้สึกเสียใจไปจนตาย
ช่างเถอะ หากจะไปก็ไปด้วยกันนี่แหละ ไปหลายคนก็จะดูแลกันได้ดีกว่า
หนานหนานหรี่ตา และพยักหน้าด้วยท่าทางสดใส
แต่ว่า…
“หนานหนาน ถึงพวกเราจะไปเรือนรับรองจริง ๆ แต่ว่าในห้องนี้มีท่านลุงโม่อยู่นะ เขาจะต้องไม่ให้พวกเราไปอย่างแน่นอน” เย่หลานเฉิงเงยหน้ามองดูโม่เสียนที่กำลังจ้องมองมายังพวกเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ครั้งก่อนท่านน้าชิงเคยบอกว่าเสด็จปู่ส่งผู้พิทักษ์ทมิฬมาคอยดูแลพวกเราด้วยนะ”
หนานหนานตกตะลึง และก็นึกขึ้นได้ว่าข้างหลังตนนั้นไม่ได้มีเพียงคนเดียวที่เฝ้าดูแลอยู่
หนานหนานนั่งลงไปบนพื้นพลางใช้มือเล็ก ๆ ลูบคาง และเริ่มแสร้งทำเป็นครุ่นคิด
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงสบตากัน พวกเขาหวังว่าหนานหนานจะคิดวิธีการอะไรไม่ออก เช่นนั้นแล้วเด็กน้อยจะได้ล้มเลิกแผนการที่จะไปเรือนรับรอง และเมื่อรอให้ท่านน้าชิงกลับมา หนานหนานก็จะไม่กล้าทำอะไรอีกต่อไปแล้ว
เพียงแต่เมื่อทั้งสองเพิ่งจะคิดเช่นนี้ได้ หนานหนานก็มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เด็กน้อยปรบมืออย่างแรงและหัวเราะออกมา
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงขมวดคิ้ว และรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นมา
หลังจากนั้นทั้งสองก็เห็นหนานหนานตบก้นตนเองและกระโดดลุกขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาโม่เสียน จนทำให้โม่เสียนที่จับตามองพวกเขาอย่างระมัดระวังตกใจจนเกือบจะสะดุ้งขึ้นมา
“อ้อ…หนานหนาน เรื่องสำคัญของเจ้านั้น ปรึกษากันเสร็จแล้วหรือ?”
“อื้ม” หนานหนานพยักหน้า และย้ายเก้าอี้หนึ่งตัวมานั่งบริเวณด้านหน้าของชายหนุ่ม หลังจากนั้นจึงเอียงคอมองไปรอบ ๆ ตัวโม่เสียน
โม่เสียนที่ถูกเด็กน้อยจ้องมองก็รู้สึกขนลุกขึ้นมา ชายหนุ่มพยายามอดทน แต่ก็ไม่สามารถทนต่อไปได้อีกจึงเอ่ยปากถามขึ้นมา “หนานหนาน เจ้ามองข้าเช่นนี้มีสิ่งใดหรือไม่?”
“ข้ากำลังคิดว่า ไม่กี่วันมานี้ข้าเรียนวรยุทธ์กับท่านพ่อ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เลยอยากจะลองฝีมือกับท่านลุงโม่เสียน ว่าจะสามารถชนะได้หรือไม่”
“…” โม่เสียนกระตุกมุมปาก ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าหนานหนานมีพรสวรรค์สูงส่ง แต่ในเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ ตนก็คงจะไม่ถูกเด็กน้อยเล่นงานเอาเสียง่าย ๆ ถ้าหากว่าวรยุทธ์ที่ร่ำเรียนมาตลอดยี่สิบปีไม่อาจสู้วรยุทธ์ของเด็กน้อยที่เพิ่งจะเริ่มเรียนมาได้ไม่กี่วัน โม่เสียนเองก็คงจะไม่มีหน้าอยู่อารักษ์ข้างกายนายท่านได้อีกต่อไป
แต่ว่า นิสัยของหนานหนานนั้นเขาเองก็รู้จักดี ถ้าหากพูดตามความจริง เด็กน้อยก็คงจะไม่เชื่อแน่ ๆ ดังนั้น…
“หนานหนานมีพรสวรรค์ แน่นอนว่าต้องชนะ ลุงโม่เสียนของเจ้าน่ะแก่แล้ว ยังไงก็ต้องสู้ไม่ได้อยู่แล้ว” ก็แค่เกลี้ยกล่อมเด็กน้อย คำพูดที่เจียมเนื้อเจียมตัวเช่นนี้ ก็คงจะใช้ได้
หนานหนานย่นจมูกเล็ก ๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา “ท่านลุงโม่เสียนช่างอ่อนปวกเปียกยิ่งหนัก ยังไม่ทันจะได้ประลองให้รู้ผลแพ้ชนะ ก็ไม่มีความมั่นใจเช่นนี้ วันข้างหน้าจะสามารถคอยปกป้องท่านพ่อได้เช่นไร และจะสามารถแต่งงานมีครอบครัวแล้วดูแลภรรยาและลูก ๆ ได้อย่างไร? ”
โม่เสียนขมวดคิ้ว เจ้าเด็กหนานหนานผู้นี้รู้วิธีจี้ใจดำผู้คนเสียจริง ถ้าเรื่องนี้ไปถึงหูของเยว่ซินที่หัวอ่อน จะต้องเชื่อหนานหนานเป็นแน่แท้ ไม่แน่ว่านางจะต้องคอยติดตามหนานหนานเพื่อคอยดูถูกตนอีกด้วย
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ โม่เสียนก็รู้สึกไม่สบายตัว
ชายหนุ่มหันหน้าไปมองหนานหนานและได้เอ่ยถามขึ้น “ดังนั้น เจ้าอยากจะประลองวรยุทธ์กับข้าเช่นนั้นหรือ?”
“อื้ม อื้ม” หนานหนานพยักหน้าแรง ๆ และหรี่ตายิ้ม
โม่เสียนแตะคางของตนและพลางครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนว่าประลองกับเจ้าเด็กคนนี้ก็คงจะไม่เป็นอะไร
ยิ่งไปกว่านั้นทุกวันนี้ โม่เสียนเองก็พักอยู่ที่ตำหนักของท่านอ๋องซิว และก็ไม่ได้อยู่อยู่กับนายท่านตลอดเวลา ก็เลยไม่ได้รู้ว่าทักษะของหนานหนานฝึกฝนไปถึงระดับใดแล้ว
กล่าวตามจริง โม่เสียนเองก็อยากจะรู้เช่นกัน จึงอยากจะทดสอบฝีมือของหนานหนาน เพื่อดูว่าเด็กน้อยเมื่ออยู่ในสนามนั้น จะสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด
เมื่อนึกถึงจุดนี้ โม่เสียนก็พยักหน้า “ดีเลย มาลองกัน”
“ท่านลุงโม่อย่าแพ้ล่ะ เดี๋ยวจะมองหน้าไม่ติด”
“เฮ้ เจ้าเด็กนี่ช่างทะนงตัวยิ่งนัก” โม่เสียนตบแขนเสื้อและลุกยืนขึ้น และอุ้มเด็กน้อยลงจากเก้าอี้ หลังจากนั้นจึงย้ายโต๊ะและเก้าอี้ไปที่มุมห้อง และกำชับอวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงให้คอยดูอยู่ห่าง ๆ
เย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์ยืนอยู่หลังโต๊ะด้วยความกังวล ทันทีที่ทั้งคู่เห็นการแสดงออกทางสีหน้าของหนานหนานนั้น ก็รู้ว่านี่ไม่ใช้การต่อสู้ง่าย ๆ แน่
แต่ว่าพวกเขานั้นไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วหนานหนานต้องการจะทำสิ่งใด จึงทำได้เพียงเฝ้ามองอย่างเงียบ ๆ
โม่เสียนผูกชายเสื้อของตน และยืนเผชิญหน้ากับหนานหนานตรงกลางห้อง ชายหนุ่มขมวดคิ้วและคลี่ยิ้ม “อย่างไรก็ตามเรามีกฎอยู่สามข้อ แพ้แล้วอย่าร้องไห้ และไม่สามารถแก้ตัว สุดท้ายก็ไม่สามารถแก้แค้นในภายหลังได้”
หนานหนานเยาะเย้ย “วางใจเถิด ตราบใดที่ท่านลุงไม่ทำอะไรที่เกินไป ก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“…”
หนานหนานที่ไร้ยางอายมาโดยตลอด คาดไม่ถึงว่าเด็กน้อยก็รู้สึกอายที่จะพูดคำพวกนี้เช่นกัน
“เริ่มเถอะ” แววตาโม่เสียนเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็ไม่ได้มีความรู้เช่นนี้มานานแล้ว แม้คู่ต่อสู้จะเป็นเด็กอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น แต่เลือดของเขาก็กำลังพลุ่งพล่านเช่นกัน
สิ้นเสียงของโม่เสียน หนานหนานก็พุ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม
โม่เสียนขมวดคิ้ว…ช่างเป็นความเร็วที่ว่องไวมาก
ชายหนุ่มแทบจะไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย เขาเหยียดมือทั้งสองขึ้นและกำหมัด ไม่นานก็มือของเขาก็ชนกับหนานหนาน
แม้หนานหนานจะตัวเล็ก แต่กลับมีความยืดหยุ่นมาก ๆ โดนเฉพาะทักษะฝีเท้าพิเศษของตระกูลลู่ที่มีความรวดเร็ว ทำให้เด็กน้อยปรากฏตัวต่อหน้าโม่เสียนทางนี้ทีทางนั้นที
โม่เสียนกระตุกมุมปาก และรู้ว่าหนานหนานต้องไม่เล่นตามกติกา โชคดีที่ชายหนุ่มเรียนวรยุทธ์มาเป็นเวลานาน ไม่ไม่ได้หลงกลต่อลูกเล่นของหนานหนาน
ไม่นานโม่เสียนก็จับตัวของหนานหนานได้ และทั้งสองก็ต่อสู้กันในห้องปีกอันกว้างขวาง
“อ้า…” ผ่านไปไม่นานหนานหนานก็กรีดร้องขึ้น ร่างเล็ก ๆ กระเด็นออกไปและกลิ้งลงไปบนพื้น
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น้องแกล้งทำเป็นบาดเจ็บแน่ ๆ เลย คิดจะเล่นมุกนี้เหรอเจ้าหนานหนาน
ไหหม่า(海馬)