อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 301 โดนหลอกเสียแล้ว
ตอนที่ 301 โดนหลอกเสียแล้ว
ตอนที่ 301 โดนหลอกเสียแล้ว
โม่เสียนในเวลานี้ได้เร่งรีบไปเคาะประตูห้องของอวี้ชิงลั่วที่กำลังรักษาอาการของสองแม่ลูกอยู่
เหวินเทียนที่เฝ้าประตูอยู่ข้าง ๆ ประตูก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นอะไร? เหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนี้?”
“แม่นางอวี้รักษาเสร็จแล้วหรือยัง?” โม่เสียนเป็นกังวลมากจึงต้องการที่จะเปิดประตูเข้าไปทันที แต่ชายหนุ่มกลับคิดขึ้นได้ว่าแม่นางอวี้นั้นเคยบอกกับตนว่าในตอนที่นางกำลังรักษาคนไข้อยู่นั้นห้ามผู้อื่นมารบกวน และตอนนี้เม็ดเหงื่อเย็นเฉียบก็ได้ไหลโซมกายของโม่เสียน
เหวินเทียนเหลือบมองสหายด้วยความแปลกใจ ภายในใจของเขานั้นก็ยิ่งแปลกใจกว่าสายตาที่ส่งออกไปเสียอีก
ประตูห้องในเวลานี้ก็ถูกคนเปิดออกมาจากด้านใน อวี้ชิงลั่วเดินออกมาจากห้องพลางเช็ดเหงื่อไปด้วย เมื่อพบกับท่าทางของโม่เสียนนางก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เจ้ามาเอะอะอะไรอยู่หน้าห้องน่ะ”
นางรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ แต่ยังดีที่ทั้งสองคนนั้นไม่ได้เป็นอะไร จึงปล่อยให้เจียงอวิ๋นเซิงเป็นผู้ดูอาการต่อ อวี้ชิงลั่วจึงได้พักผ่อนสักครู่
เมื่อโม่เสียนมองดูอวี้ชิงลั่ว ชายหนุ่มก็อยากจะร้องไห้ออกมา
“แม่ แม่นางอวี้ เร็วเข้า เกิดเรื่องกับหนานหนานแล้ว”
อวี้ชิงลั่วชะงัก หนานหนาน? เกิดเรื่องกับหนานหนานหรือ?
หญิงสาวขมวดคิ้วจนคิ้วทั้งสองแทบจะรวมเข้าด้วยกัน “หนานหนานมาแล้วหรือ? อยู่ที่ไหน?”
หนานหนานไม่ได้อยู่กับเย่ซิวตู๋หรอกหรือ? มีชายหนุ่มอยู่ด้วย เหตุใดจึงเกิดเรื่องกับหนานหนานได้
โม่เสียนมองดูหญิงสาว เวลานั้นเขาเองก็ไม่รู้จะอธิบายต่อนางเช่นไร จึงทำได้แค่เพียงกล่าวเร่งเพียงเท่านั้น “แม่ แม่นางอวี้ไปดูก่อนเถิด อีกสักครู่ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า หลังจากนั้นจึงหันไปกำชับต่อเจียงอวิ๋นเซิง “เรื่องหลังจากนี้ข้าฝากท่านก็แล้วกัน ข้ายังมีเรื่องต้องทำ”
เจียงอวิ๋นเซิงหรี่ตาและยิ้มอย่างเบิกบานใจ “ได้สิ แม่นางชิงวางใจได้ ข้าไม่ปล่อยให้พวกเขาเป็นอะไรไปหรอก” คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้มีโอกาสเห็นฝีมือของหมอปีศาจ ทักษะการแพทย์ที่วิเศษเช่นนั้น ต่างก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
เฮ้อ เพียงแต่ครั้งที่แล้วอาจารย์ถูกลอบสังหาร ถ้าหากว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ก็คงอยากจะสนทนาแลกเปลี่ยนกับหมอปีศาจเป็นแน่แท้
เมื่อนึกถึงท่านหมอเริ่นที่ถูกลอบสังหาร รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงอวิ๋นเซิงก็หายไป และมองดูแผ่นหลังของอวี้ชิงลั่วที่เดินจากไป หลังจากนั้นจึงได้ทำความสะอาดและพันแผลให้กับสองแม่ลูก
ฝีเท้าของอวี้ชิงลั่วยังคงไม่ช้าไม่เร็วดังเดิม หญิงสาวเองก็รู้สึกมั่นใจในตัวของเย่ซิวตู๋ ถ้ามีเขาอยู่ ก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับหนานหนาน
แต่โม่เสียนนั้นกลับร้อนใจเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มอธิบายพลางเร่งหญิงสาวพลาง “แม่นางอวี้ เรื่องนี้ข้าผิดเอง หนานหนานบอกว่าอยากจะประลองกับข้า เพื่อเป็นการทดสอบทักษะที่ได้ฝึกฝนไปในช่วงนี้ เวลานั้นข้าเองก็อดใจไม่ไหวเพราะว่าต้องการที่จะรู้ว่าทักษะของเขานั้นพัฒนาไปมากเพียงใด จึงได้ประลองกับเขาที่ห้องตรงปีกข้าง คาดไม่ถึงว่าเวลานั้นจะสูญเสียการควบคุม จึงทำให้เขาบาดเจ็บ มองดูแล้วหนานหนานนั้นเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ฟังจากที่เขาพูด ดูเหมือนว่ากระดูกของเขาจะหัก”
ถ้าหากว่าเป็นกระดูกหักธรรมดา โม่เสียนก็คงไม่มีท่าทางที่เป็นกังวลเช่นนี้ แต่หนานหนานเองก็ยังเด็กมาก เป็นเพียงเด็กอายุห้าขวบคนหนึ่ง ชายหนุ่มจะกล้าประมาทเช่นนั้นหรือ? ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ถ้ารีบให้ผู้ที่มีทักษะทางการแพทย์อย่างอวี้ชิงลั่วเป็นคนลงมือ ก็เห็นจะดูเหมาะสมกว่า
เหวินเทียนจ้องชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ “โม่เสียน นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าประลองกับหนานหนานจริงหรือ?”
“ข้า…ข้าเพียงแค่…โอ๊ย ข้านี่สมควรตายเสียจริง” โม่เสียนทนไม่ไหวที่จะด่าทอตนเอง
กระดูกหักหรือ?
อวี้ชิงลั่วชะงักไปสักครู่ หลังจากนั้นจึงเดินต่อราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นางไม่ปักใจเชื่อว่าโม่เสียนจะพลั้งมือจริง ๆ จนทำให้หนานหนานบาดเจ็บ
“แล้วเย่ซิวตู๋ล่ะ?”
โม่เสียนตกตะลึง ชายหนุ่มตอบกลับเบา ๆ “ท่านอ๋องเข้าวังไปแล้ว และกำชับให้ข้าคอยดูแลหนานหนาน และยังบอกอีกว่าช่วงนี้ให้หนานหนานอยู่กับแม่นางอวี้”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าอย่างเข้าใจ ที่แท้แล้วเป็นเช่นนี้เอง ถ้ามีเย่ซิวตู๋อยู่ จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้เช่นไรกัน?
ระหว่างที่สนทนากัน ทั้งสามคนก็เดินมาถึงประตูของห้องบริเวณปีกข้าง
โม่เสียนผลักประตูเข้าไปด้วยความรีบร้อน “หนานหนาน แม่นางอวี้มา…”
คำพูดของชายหนุ่มชะงักลงอย่างกะทันหันพร้อมกับยืนงงอยู่หน้าประตู
คน คนละ? เด็กทั้งสามคนนั้นไปไหนแล้ว?
เหวินเทียนลากโม่เสียนเข้าไปในห้องไม่กี่ก้าวและมองไปรอบ ๆ อย่าว่าแต่หนานหนานเลย แม้แต่อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงเองก็หาไม่พบ
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วและค่อย ๆ หรี่ตาลงมา และกวาดสายตามองไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว
โม่เสียนขยี้ตาของตนเอง และวิ่งเข้าไปด้วยความเร่งรีบ ชายหนุ่มวิ่งไปทั่วทุกมุมห้อง แม้กระทั้งใต้โต๊ะ ใต้เก้าอี้ หรือจะบนหน้าต่างก็สำรวจดูจนหมด แต่กลับไม่พบผู้ใดสักคน
“แปลกมาก แล้วพวกเขาล่ะ?”
อวี้ชิงลั่วค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในประตู หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ และเอ่ยถามขึ้น “โม่เสียน เจ้าโดนเด็กนั่นหลอกเข้าแล้วล่ะ”
“หลอกรึ?” โม่เสียนตกตะลึง จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เจ้าเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้ข้าฟังอีกรอบ ก่อนที่เขาจะประลองกับเจ้า พวกเขาพูดคุยกันเรื่องอะไร ทำสิ่งใด?”
โม่เสียนขมวดคิ้ว ก่อนจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกหนึ่งรอบ ชายหนุ่มนึกถึงตอนที่พวกหนานหนานนั้นมีท่าทางมีลับลมคมในแปลก ๆ และก็รู้สึกหงุดหงิดใจ หรือว่าพวกเขานั้นจะปรึกษาหารือเรื่องใหญ่โต นั่นก็คือจะหลอกตนเช่นไรดีแบบนั้นหรือ?
เหวินเทียนฟังจบ เขาจึงตระหนักขึ้นได้ทันที “หนานหนานน่าจะอยากไปเล่นที่อื่น ดังนั้นจึงใช้วิธีการที่มีเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ ครั้งก่อนตอนที่อยู่ตำหนักท่านอ๋องเป่า เจ้าเด็กนั่นก็เริ่มมีท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ กับเย่หลานเฉิงตามลำพัง” เพียงแค่วิธีการไม่เหมือนกันเพียงเท่านั้น ครั้งก่อนนั้นวางยาตนเอง ครั้งนี้กลับหลอกโม่เสียนโดยตรง ความคิดชั่วร้ายของเจ้าเด็กน้อยนั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ และใช้วิธีการไม่ซ้ำแบบแล้วหรือ?
เหวินเทียนว่าพลางก็ตบไหล่โม่เสียนด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ดูเหมือนว่า เจ้ากับข้าจะตกหลุมพรางของหนานหนานเหมือนกันแล้ว ”
โม่เสียนตกตะลึง หลังจากนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
เขาตกหลุมพราง ตกหลุมพรางจริง ๆ แล้ว และยังเป็นหลุมพรางของเด็กอายุห้าขวบ เมื่อมองดูแล้ว เขาเองก็ไม่อาจมีหน้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก
แต่ว่า…
“แม่นางอวี้ หนานหนานให้ข้าออกมา แล้วเขาต้องการจะไปที่ไหน? เขาและพวกเฉิงซื่อจื่อไปด้วยกัน เด็กสามคนก็คงจะไม่ทำเรื่องอะไรหรอกขอรับ” ถึงแม้การบอกว่าหนานหนานไม่ได้บาดเจ็บจะทำให้โม่เสียนโล่งใจขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อคิดดูแล้ว การที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเด็ก ๆ อยู่ที่ไหนกลับทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจอย่างเย็นชา เจ้าเด็กผีนั่น กลับมาจะต้องสั่งสอนให้ดี ๆ ตอนนี้เริ่มปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ แถมยังดึงสหายอีกสองคนมาเดือดร้อนด้วย
“ลองไปถามลูกจ้างในโรงเตี๊ยมดู เด็กสามคนออกไปอย่างสะดุดตาเช่นนี้ จะต้องดึงดูดความสนใจอย่างแน่นอน ลองถามพวกเขาดูก็จะรู้ว่าพวกหนานหนานนั้นไปทางใด”
“ขอรับ” โม่เสียนสบตากับเหวินเทียน และได้ออกจากห้องไปเพื่อไปสอบถามเรื่องราวของเด็ก ๆ
แต่หลังจากสอบถามแล้วทั้งคู่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา รถม้าห้าคันนั้น…ต่างก็ไปในทิศทางที่ต่างกัน…หนานหนานนี่เจ้าทำขนาดนี้เลยหรือ?
ทั้งสองขมวดคิ้วและกลับไปยังห้องตรงปีกข้าง เพื่อรายงานต่ออวี้ชิงลั่ว
หญิงสาวขมวดคิ้วและหัวเราะขึ้น “ดูเหมือนว่าหนานหนานจะพยายามแยกผู้พิทักษ์ทมิฬที่ฝ่าบาทจัดเตรียมไว้ ไม่เป็นไร เช่นนั้นก็รออยู่ที่นี่แล้วกัน ในเมื่อหนานหนานและพวกอวี้เป่าเอ๋อร์แยกกันไป เช่นนั้นแล้วอีกไม่นานพวกเป่าเอ๋อร์ก็น่าจะกลับมา เมื่อถึงเวลานั้นก็จะรู้เองว่าพวกเขาไปไหน”
เหวินเทียนและโม่เสียนสบตากัน ผ่านไปสักครู่จึงพยักหน้าเบา ๆ “ขอรับ”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจ้าเด็กสร้างปัญหาอีกแล้ว ชิงลั่วคงคิดล่ะว่ารอกลับมาได้จะฟาดให้ขาลาย
ไหหม่า(海馬)