อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 303 บีบคอของเขา
ตอนที่ 303 บีบคอของเขา
ตอนที่ 303 บีบคอของเขา
หลังจากที่เด็กชายในตรอกกินยาของหนานหนานเสร็จ ก็รู้สึกดีขึ้นมามาก คนทั้งคนพลันมีเรี่ยวแรงขึ้นมา
แต่เมื่อรอนานแล้วไม่พบว่าหนานหนานจะกลับมา เด็กชายก็ทำเพียงหัวเราะให้ตนเอง และค่อย ๆ ยันตัวลุกขึ้นยืน
ทว่ายังไม่ทันจะจากไป ก็พบกับหมอคนหนึ่งถือกล่องยาเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน “มีเด็กชื่อว่าอวี้ฉิงหนานให้เงินข้า และให้ข้ามาที่ตรอกแห่งนี้เพื่อรักษาเด็กที่อายุไม่ต่างจากเขามากนัก คนผู้นั้นคือเจ้าใช่ไหม”
เด็กชายค่อย ๆ ตกตะลึง และก็ถูกท่านหมอจับให้นั่งลงบนพื้นอีกครั้ง บางทีหนานหนานอาจจะบอกสถานการณ์ของเขาให้ท่านหมอฟังแล้ว ท่านหมอผู้นั้นจึงให้เด็กชายนั่งลงกับพื้น และเช็ดตัวเขาด้วยผ้าขาวสะอาด
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ไม่เจ็บหรอก” หมอผู้นั้นมีท่าทางดูใจดี และยังมีความอดทนเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้สนใจเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของเด็กน้อยแม้แต่เลย ยังคงจดจ่อกับการทำความสะอาดบาดแผลต่อไป
เด็กชายปิดปากไว้ครึ่งหนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ เขาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ด้วยคิดว่าเด็กชายผู้มีผิวพรรณละเอียดงดงามจะไม่ได้สนใจใยดีตน แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะไปตามหมอมาจริง ๆ
การที่อายุยังน้อยแล้วได้สัมผัสรสชาติแห่งชีวิตไม่ว่าจะเย็นชาหรืออบอุ่นจากผู้คน ทำให้ไม่นานนักเด็กชายอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
ส่วนอีกด้านของตรอก จู่ ๆ เด็กวัยรุ่นอายุสิบกว่าปีก็วิ่งผ่านพวกเขาไป ด้วยแรงของฝีเท้าจึงทำให้เกิดฝุ่นตลบฟุ้งขึ้น หมอชราที่กำลังจดจ่ออยู่กับการพันแผลพลันรู้สึกไม่พอใจและตำหนิอย่างโกรธเคือง “ไม่เห็นว่ามีคนป่วยอยู่ตรงนี้หรือย่างไร? จะรีบร้อนไปเพื่อสิ่งใด?”
อวี้เป่าเอ๋อร์หยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหัน ในตอนที่เด็กหนุ่มหันกลับมา จึงตระหนักได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เด็กหนุ่มจึงรีบเอ่ยขอโทษต่อทั้งสองคน “ขอ ขออภัยด้วยขอรับ ข้าเพียงแค่มีเรื่องร้อนใจ ไม่ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ?”
หมอเฒ่าเงยหน้าขึ้นมองเขา และเมื่อพบว่าเขามีใบหน้าแดงก่ำด้วยท่าทางที่รู้สึกผิด จึงยิ้มขึ้น “ไม่เป็นไร วันหลังก็อย่างวิ่งเร็วนัก เดี๋ยวจะล้มลงง่าย ๆ”
อวี้เป่าเอ๋อร์จึงยิ้มขึ้นมาอย่างสบายใจ และขอโทษพวกเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะวิ่งต่อไปและหยุดลงที่เรือนรับรอง
เมื่อมองขึ้นไปที่ประตูบานใหญ่ของเรือนที่ดูทรงอำนาจ ร่างกายของอวี้เป่าเอ๋อร์ก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา
เด็กหนุ่มรีบกวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว เมื่อไม่เห็นเงาของหนานหนาน แววตาของเขานั้นก็ฉาบไปด้วยความวิตกกังวล
หนานหนานไม่อยู่ แต่รถม้ายังอยู่ เช่นนั้นเขาจะไปที่ใดได้? หรือว่าจะเข้าไปข้างในแล้ว?
อวี้เป่าเอ๋อร์เร่งรีบและรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อขวางเด็กน้อยไม่ให้ไปที่เรือนรับรอง ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นกีบหนานหนานจริง ๆ ชาตินี้เขาคงจะไม่มีทางให้อภัยตนเองแน่
เด็กชายและหมอเฒ่าที่พันแผลที่อยู่ในตรอกต่างมองดูอวี้เป่าเอ๋อร์เดินไปมาด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าท้ายที่สุดแล้วเขาต้องการจะทำสิ่งใด
เวลานี้ จู่ ๆ ก็มีคนปรากฏออกมาจากประตูหนึ่งคน คนผู้นั้นมีรูปโฉมงดงาม ร่างกายเล็ก แต่งกายงดงาม และดูถือตัว
ด้านหลังตามมาด้วยชายหนุ่มที่ดูท่าทางแล้วจะเป็นองครักษ์ เมื่อพบว่าเขานั้นเดินออกมาจากนอกประตู ก็จึงอดที่จะเอ่ยเตือนไม่ได้ “องค์ชายสิบสาม องค์รัชทายาทรับสั่งไว้ว่าห้ามออกจากเรือนรับรองแม้แต่ครึ่งก้าว”
ฉีหานเทียนหันกลับมามองด้วยแววตาที่โกรธเคือง “เอาล่ะ เอาล่ะ ข้ารู้ ไม่ต้องคอยให้เจ้าเตือน ข้าแค่เพียงรู้สึกประหลาดใจ องครักษ์ผู้นั้นที่ออกไปซื้อของกินเหตุใดจึงไม่กลับมา คงจะไม่แอบเอาไปกินเองสินะ”
มุมปากขององครักษ์กระตุกขึ้น และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าน้อยจะไม่มีวันให้อภัยเขาแน่พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสิบสาม ข้างนอกนั้นไม่ปลอดภัย พระองค์กลับห้องเถิด ไม่เช่นนั้นถ้าองค์รัชทายาทไม่พบตัว พระองค์จะกริ้วเอานะพ่ะย่ะค่ะ”
“ฉีจ้าน เจ้าอย่าเอาแต่องค์รัชทายาทมากดดันข้า เขากำลังยุ่งอยู่ ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจข้า ตอนนี้ข้าจะรออยู่ตรงนี้ ข้าอยากจะดูว่าองครักษ์ผู้นั้นจะใช้เวลาซื้ออาหารเท่าไหร่ จึงจะพอ หึ…”
ฉีหานเทียนว่าพลางเอนตัวเข้ากับประตู สายตากวาดมองไปยังถนนด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ฉีจ้านค่อย ๆ ขมวดคิ้ว แต่ท้ายที่สุดแล้วองค์ชายสิบสามนั้นก็เป็นนายของตนเอง องค์รัชทายาทกำชับไว้ว่าอย่าให้องค์ชายนั้นออกจากเรือนรับรองไปแม้แต่ครึ่งก้าว เขาเองก็ไม่ควรจะทำเกินไป
ตอนนี้เขาก็แค่อยู่ตรงนี้ เพียงแค่องค์ชายสิบสามไม่ทำเรื่องอะไรขึ้นมา ทางฝั่งขององค์รัชทายาทก็คงจะไม่กล่าวอะไรมากมาย
แต่เพียงเขาคิดขึ้นเช่นนี้ ฉีหานเทียนที่กำลังเบื่อหน่ายก็ให้ความสนใจกับอวี้เป่าเอ๋อร์ที่กำลังเดินไปมาอยู่หน้าเรือนรับรองแล้ว
เขาค่อย ๆ หรี่ตาลงช้า ๆ สายตาจับจ้องไปยังอวี้เป่าเอ๋อร์ที่เดินไปเดินมา และเมื่อพบว่าอวี้เป่าเอ๋อร์นั้นมองมาที่เรือนบ้างเป็นบางครั้ง องค์ชายก็รู้สึกว่า อวี้เป่าเอ๋อร์นั้นต้องมีพิรุธบางอย่าง
จึงชี้ไปทางเด็กหนุ่มและเอ่ยขึ้น “เฮ้ย เจ้า เจ้าน่ะ มาทางนี้”
อวี้เป่าเอ๋อร์ตกใจและขมวดคิ้ว เด็กหนุ่มเพียงรู้สึกว่าองค์ชายสิบสามนั้นไม่มีมารยาทเอาเสียมาก ๆ จึงหันศีรษะกลับแสร้งทำเป็นออกจากที่นี่
ฉีหานเทียนจึงรีบเดินไปเพียงไม่กี่ด้าว “เฮ้ย เจ้าห้ามเดิน ข้ากำลังพูดกับเจ้า เจ้ามาทำลับ ๆ ล่อ ๆ ตรงนี้เพื่อการใด? เจ้าคิดจะมาทำร้ายเราใช่หรือไม่? “”
ฉีจ้านกรีดร้องในใจ ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าท่าทางของเด็กอายุสิบกว่าปีผู้นี้นั้นดูน่าสงสัยเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเขานั้นไม่ได้ทำอะไรที่เสียหายต่ออาณาจักรหลิวอวิ๋น องค์ชายก็ไม่ควรใส่ใจอะไรมากมาย
ตอนนี้องค์ชายสิบสามกำลังจะสร้างปัญหาให้เด็กน้อย แต่กลับทำไม่ได้
ฉีจ้านเข้าไปข้างหน้าเพื่อคว้าฉีหานเทียนไว้โดยไม่คิด “องค์ชายสิบสาม องค์รัชทายาทรับสั่งแล้ว ว่าห้ามออกจากเรือนรับรองไปแม้แต่ก้าวเดียว”
“ไอหยา ฉีจ้าน เจ้าอย่ามาขวางข้าสิ ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า ออกไป” ฉีหานเทียนกระทืบเท้าด้วยความโกรธ และจ้องมองไปยังอวี้เป่าเอ๋อร์
บริเวณหน้าผากของอวี้เป่าเอ๋อร์นั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ เด็กหนุ่มรีบเดินไปอีกฟาก
เมื่อเห็นดังนี้ พ่อค้าหาบเร่ที่อยู่ด้านข้างก็รีบเตือนเขา “คุณชายผู้นี้ เจ้ารีบไปเสียเถอะ พวกเขาไม่ใช่คนของอาณาจักเฟิงชางของพวกเรา เมื่อครู่นั้นมีเด็กประมาณห้าปี ถูกพวกเขาทุบตีจนเลือดออกไปทั้งตัว ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรบ้าง และก็ไม่รู้ว่าจะรอดไหม ข้าจะบอกเจ้านะ เจ้ายัง…อ๊ะ คุณชายน้อยเจ้าอย่าไปเลย กลับมา ไอหยา”
เมื่ออวี้เป่าเอ๋อร์ได้ยินเรื่องที่เด็กอายุห้าปีโดนทุบตีจนเกือบเสียชีวิต สมองของเด็กหนุ่มก็บีบแน่นราวกับจะระเบิดออกมา
สิ่งเดียวที่แวบเข้ามาในความคิดของเด็กหนุ่ม นั่นก็คือสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดของหนานหนาน วินาทีนั้นโลกก็หมุนขึ้นมาในทันที เด็กหนุ่มอยากที่จะปรี่เข้าไปหาฉีหานเทียนและคนอื่น ๆ โดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น
หนานหนานต้องไม่เป็นอะไร ต้องไม่เป็นอะไร ถ้าหากว่าเป็นอะไรเป็นขึ้นมา เขาจะให้อภัยตนเองได้เช่นไรกัน?
ฉีจ้านได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ ขมวดคิ้วและหันตัวไป “หยุดนะ เจ้าจะทำอะไรน่ะ?”
“หนานหนานอยู่ที่ไหน เจ้าทำอะไรกับหนานหนานของข้า?” ดวงตาทั้งสองข้างของอวี้เป่าเอ๋อร์แดงก่ำ เเละจ้องมองไปด้วยแววตาดุร้ายก่อนที่จะเอ่ยถามขึ้น
ฉีจ้านมีสีหน้าตกตะลึงไป ฉีหานเทียนที่อยู่ข้างหลังก็ได้คว้าคอเสื้อของอวี้เป่าเอ๋อร์เอาไว้ และเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดัง “ดีเลย เจ้ามีเจตนาที่ไม่ดี เจ้าบอกว่าจะมาทำอะไรที่เรือนรับรองนะ?”
“หนานหนานของข้าอยู่ที่ไหน?” อวี้เป่าเอ๋อร์ยื่นมือไปบีบคอของฉีหานเทียน
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คุณชายอวี้ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม เดี๋ยวเป็นเรื่องยุ่งระดับอาณาจักร
ไหหม่า(海馬)