อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 31 สูดอากาศ
ตอนที่ 31 สูดอากาศ
สองวันต่อมา ณ โรงเตี๊ยมฝูหลงตรงชานเมืองทิศใต้
ข่าวลือถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ตอนแรกอวี้ชิงลั่วแค่อยากให้ขอทานเอาเรื่องนี้ไปบอกอวี๋จั้วหลินให้รู้เพียงคนเดียว แต่ก็มิอาจหยุดการสอบถามของผู้ที่มีใจได้
ด้วยเหตุนี้ ที่โรงเตี๊ยมจึงมีผู้คนคับคั่งตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสาง เบียดเสียดทั้งคนที่มาเพื่อรักษาและคนที่อยากเห็นหน้าหมอปีศาจ
เถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมถึงกับหุบยิ้มไม่ได้ เป็นเรื่องยากที่จะมีลูกค้าจำนวนมากเช่นนี้ จึงต้องทำให้งานหนักยิ่งขึ้น แน่นอน ราคาของก็เพิ่มขึ้นอย่างมากด้วย ช่วยไม่ได้ คนมีเงินเยอะแยะ หากพวกเขาไม่คว้าโอกาสไว้ จะไม่ละอายใจต่ออวี้ชิงลั่วที่ให้โอกาสพวกได้อย่างไรกัน?
“เถ้าแก่เนี้ย ราคาอาหารพวกนี้สูงไปหน่อยหรือเปล่าขอรับ นี่ มีคนกินด้วยหรือ?” เสี่ยวเอ้อเดินมาตรงหน้าเถ้าแก่เนี้ยด้วยเนื้อตัวสั่นงันงก ขณะถือรายการอาหารนั้นไว้ในมือ ความคิดอยากตายก็ผุดขึ้นมาแล้ว
ต่อให้ต้องการทำเงิน แต่มันดูจะตั้งใจทำเงินอย่างโจ่งแจ้งเกินไปแล้ว
เถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมฝูหลงเป็นสตรีสาวอายุประมาณยี่สิบปี ดวงหน้ามีเสน่ห์เย้ายวน ทั้งยังมีบุคลิกที่สุดแสนจะพรรณนา ครั้นเห็นท่าทางลำบากใจของเสี่ยวเอ้อในร้าน จึงอดแค่นเสียงเย็นไม่ได้ “ข้าจะบอกอะไรให้นะต้าอู่ นี่เป็นลูกค้าที่เจ้าเด็กอวี้ชิงลั่วนั่นเรียกมา เจ้าคิดว่านางจะไม่หักส่วนแบ่งจากข้าหรือ? หากข้าคิดราคาต่ำเกินไป เดี๋ยวก็ไม่พอแบ่งหรอก”
ต้าอู่ก้มหน้าลง ครุ่นคิดดูแล้วก็จริงอย่างที่นางว่า แม่นางอวี้ไม่เคยเกรงใจมาแต่ไหนแต่ไร หากพวกเขาไม่เก็บเงินให้มากหน่อย บางทีแม้แต่เงินเดือนของต้าอู่ก็ยังไม่มีเลยกระมัง
เงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ทำได้เพียงแค่เก็บรายการอาหาร ก่อนจะสั่งให้คนอื่น ๆ รีบไปทำงาน
“เถ้าแก่เนี้ย ห้องพิเศษเต็มแล้ว ห้องโถงใหญ่ก็มีคนเบียดเสียดจนแน่นขนัด แต่ด้านนอกยังมีผู้คนจำนวนมากจะเข้ามา ท่านจะสร้างเพิงให้ลูกค้านั่งรอหรือไม่ขอรับ?” ลูกจ้างที่กำลังยุ่งอยู่ด้านนอกวิ่งเข้ามาด้วยเหงื่อชุ่มศีรษะ ครั้นนึกได้ว่าลูกค้ามีจำนวนมากเพียงนั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสุข
มือดุจหยกลูบไปตามขอบถ้วย จินหลิวหลีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ต้องหรอก สร้างเพิงก็ต้องทำงานหนักอีก ที่นี่มีคนมากขนาดนั้น คนของเราก็ยุ่งหัวหมุนกันหมดแล้ว จริงสิ ต้าอู่ แขกในห้องพิเศษได้แผ่นป้ายกันหมดแล้วหรือยัง?”
ต้าอู่พยักหน้า “ได้หมดแล้วขอรับ”
“อืม ใครมาเร็วที่สุด?”
“แขกผู้นั้นแซ่อวี๋ ดูเหมือนว่าจะมาจากเมืองหลวง แต่เขาไม่ยอมเปิดเผยชื่อ แจ้งแค่ชื่อของลูกสมุนที่อยู่ข้างกาย มีนามว่าอวี๋เฟิงขอรับ”
มือของจินหลิวหลีชะงักเล็กน้อย นางเลิกคิ้วขึ้นเบา ๆ “อวี๋?” ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ นางรู้สึกสงสัยมาก อวี้ชิงลั่วไม่ยินดีที่จะเปิดเผยตัวตนต่อหน้าคนอื่น ๆ ครานี้จู่ ๆ ก็เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นเพราะพุ่งเป้าไปที่ตระกูลอวี๋จากเมืองหลวง งานนี้ชักสนุกเสียแล้วสิ
“ยังมีใครอีก?”
ต้าอู่มองสมุดในมือ ตอบกลับเสียงทุ้ม “ยังมีจวนโม่ที่มีความลึกลับอย่างมากจากตะวันตกของเมือง นี่ก็จองห้องพิเศษไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว นอกจากนี้ยังพาแม่นางปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมอีกคนหนึ่งด้วย ดูเหมือนว่าอายุจะไม่มาก แต่ดูมีพลังมาก แล้วก็ยังมีตระกูลหยางที่มีชื่อเสียงในเจียงเฉิงซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ใจบุญ ก็ได้ให้คนมาจองห้องพิเศษไว้ แต่ช่วงนี้ตระกูลหยางไม่มีคนป่วย คาดว่าคงมาดูความครึกครื้นนี้ ส่วนคนอื่น ๆ เป็นตระกูลใหญ่ของเจียงเฉิง ห้องพิเศษเต็มหมดแล้ว ส่วนตรงห้องโถงเป็นประชาชนธรรมดาของเจียงเฉิงเรา มีทั้งคนที่ป่วยหนักและคนที่อยากมาเจอหน้าหมอปีศาจจริง ๆ”
จินหลิวหลียกยิ้มมุมปาก ดูสิเจ้าเด็กอวี้ชิงลั่วนั่นหน้าใหญ่เสียจริง คนจำนวนมากขนาดนี้ต่างก็มาเพื่อยลโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องสนุกให้ดูแล้วสิ
“เถ้าแก่เนี้ย แม่นางจะอวี้จะมาเมื่อไรหรือขอรับ?” อันที่จริงต้าอู่มีความกังวลใจมาก แม่นางอวี้ผู้นี้เชื่อถือไม่ได้มากเพียงใดพวกเขาต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เรื่องเบี้ยวนัดเช่นนี้นางทำได้แน่นอน หากนางไม่มา คนเหล่านี้จะไม่ทุบโรงเตี๊ยมฝูหลงของพวกเขาเลยหรือ?
จินหลิวหลีมุมปากกระตุก แค่นเสียงเย็นสองเสียง “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่านางเด็กนั่นจะมาตอนไหน? ทางที่ดีก็รีบออกมาเถอะ มิเช่นนั้นข้าได้ถลกหนังนางแน่”
“ฮัดเช้ย” เสียงจามดังขึ้นเพราะถูกใครบางคนที่พูดถึง นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากเสื้อของหนานหนานที่พกติดตัวไว้มาเช็ดจมูก
เด็กน้อยมองนางด้วยสายตารังเกียจ ครั้นเห็นนางเช็ดจมูกเสร็จและยัดผ้าเช็ดหน้ากลับมาในเสื้อของตน ก็รีบถอยหลังไปสองก้าว ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเย่ซิวตู๋
“แม่นางอวี้ เจ้าไม่สบายหรือ?” เสิ่นอิงรีบรินน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว และยื่นไปที่หน้าโต๊ะของนางอย่างเอาใจใส่
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าคงมีใครกำลังด่าสาปส่งข้าอยู่กระมัง”
จินหลิวหลีสตรีผู้นั้นต้องเริ่มบ่นถึงนางแล้วแน่ ๆ
เย่ซิวตู๋จ้องน้ำชาที่มีควันร้อนระอุในแก้ว ก่อนจะมองเสิ่นอิงและยิ้มเยาะหนึ่งเสียง อีกฝ่ายรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบด้านหลัง จึงรีบหันหน้ามายิ้มแห้ง ๆ ให้นายท่านของตนเอง “นายท่าน ดื่มชาขอรับ”
เย่ซิวตู๋ปรายตามองเขาโดยไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่เปิดหน้าต่างของห้องพิเศษ มองออกไปด้านนอกหน้าต่างผ่านผ้าม่านบางเบา
ด้านล่างมีเสียงดังโหวกเหวกและครึกครื้นเป็นพิเศษ แขกแต่ละคนต่างก็พากันยืดคอชะเง้อมอง อยากเห็นอะไรบางอย่างภายในโรงเตี๊ยมที่แสนจะธรรมดาแต่มีความแข็งแรงนี้ คนส่วนใหญ่มีป้ายหมายเลขอยู่ในมือ คาดว่าคงเป็นรูปแบบที่หมอปีศาจลึกลับผู้นั้นทำออกมา ในมือของเขาก็มีหนึ่งอันเช่นกัน นี่เป็นสิ่งที่พ่อบ้านนำมาให้เขา แต่ไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร
หนานหนานบ่มพึมพำเล่นกับเจ้าเสือดำที่อยู่ข้าง ๆ ตอนนี้เขายังไม่ทราบว่าเหตุใดท่านแม่ถึงอยากมาโรงเตี๊ยมของท่านน้าจิน โรงเตี๊ยมแห่งนี้อยู่ค่อนข้างห่างไกล ต้องเดินทางพักใหญ่เลยด้วย เขาที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้าก็ยังง่วงอยู่เลย
“คนมาเยอะแยะขนาดนี้แล้ว นายท่าน โรงเตี๊ยมแห่งนี้กำลังอุบอิบอะไรไว้กันแน่ แผ่นป้ายนี้…” โม่เสียนเหลือบมองห้องโถงใหญ่ชั้นล่าง บัดนี้มีคนที่รอจนหมดความอดทนแล้ว และเริ่มส่งเสียงตะโกนออกมา
เย่ซิวตู๋ยกมือจิบน้ำชาหนึ่งคำ “รอก่อนเถอะ”
มันคงไม่ช้าไปกว่านี้แล้ว
“ขอรับ” โม่เสียนก็รู้สึกร้อนใจมากเช่นกัน หมอปีศาจผู้นี้วางท่าใหญ่โตเพียงนี้ ไม่รู้ว่าซ่อนอะไรอยู่
อวี้ชิงลั่วดื่มน้ำชาจนหมดแก้วแล้วจึงเลิกคิ้วขึ้น เหลือบมองคนที่อยู่ในห้องพิเศษปราดหนึ่ง คนที่เย่ซิวตู๋พามาด้วยกลับดูเคร่งขรึมมาก ต่อให้ภายในใจจะรีบร้อน แต่สีหน้ากลับไม่ได้ปรากฏความใจร้อน และไม่ได้ส่งคนออกไปเร่งเร้า
นางช้อนสายตามองเวลา นี่ก็สายแล้ว หากนางยังนั่งต่อไป คาดว่าอีกเดี๋ยวจินหลิวหลีคงได้ฆ่านางแน่ ๆ
“ข้าจะออกไปสูดอากาศหน่อย” นางวางแก้วลง ก่อนจะลุกขึ้นยืน จัดกระโปรงเล็กน้อยและเดินออกนอกประตูไป
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขามองแผ่นหลังของนางขณะครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
เสิ่นอิงกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ข้าว่าแม่นางอวี้คงไม่ได้ออกไปสูดอากาศหรอก นางคงรอไม่ไหว และอยากแอบไปดูหน้าตาของหมอปีศาจเสียมากกว่า”
หมอปีศาจ? หนานหนานเงยหน้าขึ้นทันใด เมื่อครู่เขาได้ยินคำว่า ‘หมอปีศาจ’ ใช่หรือไม่? อืม…ไม่หรอก ๆ ท่านแม่ก็อยู่ที่นี่ อยู่ดี ๆ เหตุใดถึงพูดถึงหมอปีศาจได้เล่า?
หนานหนานสะบัดหน้า ก่อนจะกลับไปเล่นกับเจ้าเสือดำอย่างมีความสุขต่อ
เย่ซิวตู๋ได้ยินแล้วกลับรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ด้านล่างก็มีเสียงเถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมฝูหลงดังขึ้น
…………………………
สารจากผู้แปล
จะได้รู้ว่าหมอปีศาจเป็นใครก็คราวนี้แหละค่ะ ถ้ารู้แล้วจะมีคนตะลึงไหมนะ
ไหหม่า (海馬)