อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 313 ขอโทษอย่างไร
ตอนที่ 313 ขอโทษอย่างไร
ตอนที่ 313 ขอโทษอย่างไร
“…” ฉีหานเว่ยมุมปากกระตุก เขาก็แค่พูดตามมารยาทเท่านั้น ทว่านางกลับปีนป่ายขึ้นมาตามเสาจริง ๆ
แผ่นป้ายแผ่นเล็กนั้นนางใช้เพื่อเข้ามาช่วยอวี้เป่าเอ๋อร์แล้วมิใช่รึ? เขาไม่สืบสาวเอาเรื่องถึงความผิดของอวี้เป่าเอ๋อร์ ก็นับว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณแล้ว
เรื่องอันตราย? ความหมายของนางคงไม่ใช่ว่าจะใช้ชีวิตของเขาเพื่อตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้หรอกกระมัง
ฉีหานเว่ยแอบรู้สึกเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่ของตนเองอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าในเมื่อนางพูดออกมาอย่างไม่อายเช่นนี้ ในฐานะรัชทายาท เขาก็แทบไม่มีที่ว่างให้ปฏิเสธแล้ว
เขาแอบถอนหายใจ ก่อนจะหันไปส่งสายตาให้ฉีจ้าน
ฉีจ้านจึงนำแผ่นป้ายแผ่นเล็กคืนให้อวี้ชิงลั่ว
“เช่นนั้นก็ขอบคุณรัชทายาทมาก ข้ายังมีธุระ บนร่างกายของเป่าเอ๋อร์ก็มีบาดแผล ต้องกลับไปดูอาการให้เขาเพื่อไม่ให้กลายเป็นโรคเรื้อรัง” ระหว่างที่อวี้ชิงลั่วพูดก็เหลือบมององค์ชายสิบสาม
ฉีหานเทียนถูจมูก เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าอวี้เป่าเอ๋อร์อะไรนั่นจะสนิทกับผู้มีพระคุณของตนเองขนาดนี้? หากเขารู้ตั้งแต่แรก เขาก็คงไม่ทำอะไรอวี้เป่าเอ๋อร์แบบนี้หรอก
อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม จู่ ๆ ก็ค้นพบว่าฉีหานเทียนผู้นี้แม้ว่าจะมีความหยิ่งผยองและนิสัยถูกครอบงำในแบบขององค์ชาย แต่นิสัยเดิมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แม้ว่าการทำร้ายร่างกายอวี้เป่าเอ๋อร์จะทำให้นางโกรธมาก แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้พวกเขา
ฉีหานเว่ยได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็หันไปเห็นสีหน้าของเจ้าสิบสาม เขาจึงรู้สึกไม่ดีที่จะรั้งต่อไป พยักหน้าและทำท่าจะเดินไปส่งนางเพื่อออกจากเรือนรับรอง
“รัชทายาทส่งแค่นี้ก็พอ” อวี้ชิงลั่วกลับยืนกรานไม่ให้เขาออกไปส่ง
ฉีหานเว่ยขมวดคิ้ว เขารู้สึกยิ่งขึ้นว่าสตรีคนนี้มีความเย่อหยิ่งสูง ไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย ในที่สุดภายในใจก็เกิดความโกรธเคือง เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงและหยุดเดิน
อวี้ชิงลั่วจึงก้าวเท้าเดินออกไป อวี้เจี้ยนต๋าชะงัก รีบทำความเคารพและขอตัวลาฉีหานเว่ย ก่อนจะรีบเดินตามออกไป
“ชิงลั่ว มิใช่ว่าพ่อไม่เชื่อคำพูดของเจ้า เรื่องนี้พ่อจะกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียดหลังกลับถึงจวน” อวี้เจี้ยนต๋าเดินตามหลังนางพร้อมกับพูดด้วยความรีบร้อน “เจ้ายังมีชีวิตอยู่ พ่อดีใจมากจริง ๆ เจ้ากลับจวนไปกับพ่อเถอะ พวกเราค่อย ๆ คุยกันนะ บอกพ่อมาว่าในตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หลายปีมานี้…เจ้าได้รับความทุกข์ทรมานมามากน้อยเพียงใด”
อวี้ชิงลั่วถึงกับปวดหัวเพราะรำคาญ อวี้เจี้ยนต๋าผู้นี้มั่นใจว่านางคืออวี้ชิงลั่ว ไม่ว่านางจะพูดอะไร เขาก็ไม่มีทางเชื่อ
อวี้เป่าเอ๋อร์จับมือของนางด้วยความตึงเครียดมาโดยตลอด เมื่อเห็นท่านพ่อเดินตามอยู่ข้าง ๆ ไม่หยุด ภายในใจก็ทนไม่ไหว ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านั้นเมื่อหกปีก่อน ภายในใจของเขาก็รู้สึกไม่มีความสุขอีกครั้ง จึงละสายตาไปทางอื่นทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
อวี้เจี้ยนต๋าเดินตามพวกนางอยู่นาน ปากก็พูดโน้มน้าวใจด้วยความกังวล
ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บุรุษสีหน้าไร้อารมณ์คนหนึ่งเข้ามาขวางตรงหน้าเขาแล้ว
“ใต้เท้าอวี้ ส่งแค่นี้ก็พอ”
อวี้เจี้ยนต๋าหยุดฝีเท้าทันใด ขมวดคิ้วมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า หลังจากกวาดตาสำรวจครู่หนึ่ง ก็พบว่าคนผู้นี้ไม่ใช่ทหารองครักษ์ที่อยู่ในเรือนรับรองแห่งนี้ เขาสวมใส่เสื้อผ้าของอาณาจักรเฟิงชาง และไม่ใช่คนของอาณาจักรหลิวอวิ๋น จึงจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจพลางถามเสียงขรึม “เจ้าเป็นใคร?”
“โม่เสียน อย่าให้เขาตามมา ข้ากับเป่าเอ๋อร์จะออกไปก่อน” อวี้ชิงลั่วเห็นเขาปรากฏตัว จึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอกและหมุนกายเดินออกไป
โม่เสียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอรับ นายหญิง”
นายหญิง? อวี้เจี้ยนต๋าเบิกตาโต บุรุษคนนี้เรียกชิงลั่วว่า ‘นายหญิง’? นี่คือคนที่ชิงลั่วพามารึ?
อวี้เจี้ยนต๋าไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง เมื่อเห็นว่าอวี้ชิงลั่วเดินไปด้านหน้าแล้ว จึงตะโกนด้วยความรีบร้อน “ชิงลั่ว ช้าก่อน พ่อยังพูดไม่จบ…”
“ใต้เท้าอวี้” อวี้ชิงลั่วหยุดการย่างก้าว ทว่ากลับไม่ได้หันหน้ากลับมา เพียงแต่น้ำเสียงของนางหนักแน่นและทรงพลัง แฝงด้วยคำเตือนเล็ก ๆ “ใต้เท้าอวี้ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าข้าและบุตรสาวที่ท่านพูดถึงหน้าตาเหมือนกันมากเพียงใด แต่ข้าไม่ใช่บุตรสาวของท่านจริง ๆ เป่าเอ๋อร์เคยบอกว่าพี่สาวของเขาตายไปเมื่อหกปีก่อนแล้ว ในเมื่อนางตายไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดถึงอีก ปล่อยให้นางได้ตายอย่างสงบจะดีกว่า”
อวี้เจี้ยนต๋าหยุดการเคลื่อนไหว มองนางด้วยความตกตะลึง
ทว่ากลับได้ยินอวี้ชิงลั่วพูดต่อจากนั้นว่า “ใต้เท้าอวี้ ข้ารู้ว่าเมืองหลวงแห่งนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกสงสัยในตัวคุณหนูอวี้ที่ตายไปแล้วคนนั้น ดังนั้นโปรดใต้เท้าอวี้อย่าได้นำเรื่องในวันนี้ไปพูดข้างนอก ถึงอย่างไรหากมีคนรู้ว่าภายในเมืองหลวงแห่งนี้มีคนที่หน้าตาคล้ายกับคุณหนูอวี้ที่ตายไปเมื่อหกปีก่อน ก็คงมิอาจรับประกันได้ว่าจะมีคนเลอะเลือนเหมือนท่านคิดว่าข้าเป็นนาง แล้วเข้ามารบกวนและทำลายความบริสุทธิ์ของข้า หากใต้เท้าอวี้รักเป่าเอ๋อร์และพี่สาวคนนั้นของเป่าเอ๋อร์จริง ๆ เช่นนั้นก็ปล่อยให้คุณหนูอวี้ได้ตายจากไปอย่างสงบเถอะ”
อวี้เจี้ยนต๋าตกตะลึง คำพูดของอวี้ชิงลั่วเป็นดั่งการตีกลอง เคาะจนทำให้เขาเข้าใจได้ในทันที
จริงสิ อวี้ชิงลั่วเมื่อหกปีก่อน…ตายด้วยวิธีแบบนั้น ชื่อเสียงฉาวโฉ่จนจวนอวี๋รีบปลดนางออกอย่างรวดเร็ว หากพวกเขารู้เรื่องนี้เข้า ย่อมไม่ปล่อยนางไป ถูกต้อง จะพูดเรื่องนี้ไม่ได้
อวี้เจี้ยนต๋าพยักหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ เพียงแต่ตอนที่เงยหน้าขึ้น อวี้ชิงลั่วกลับเดินออกไปไกลแล้ว
ส่วนโม่เสียนที่เข้ามาขวางเขา หลังจากเงาของผู้ใหญ่และเด็กคู่นั้นเดินห่างออกไป จึงดึงมือกลับมาด้วยท่าทางเย็นชาและก้าวเท้าออกจากเรือนรับรองไป
อวี้เจี้ยนต๋าอยากเดินตามไป แต่เมื่อนึกถึงคำพูดนั้นของนาง มุมปากพลันขึงตึงเป็นเส้นตรง ถูกต้อง สถานะของชิงลั่วในตอนนี้ยังต้องเก็บเป็นความลับ อย่าได้เพิ่มปัญหาให้นางเลย ถูกต้อง เมื่อหกปีก่อนเขาได้ทำร้ายนางแล้ว ตอนนี้เขาจะทำร้ายนางอีกไม่ได้
ถึงอย่างไรตอนนี้เป่าเอ๋อร์ก็อยู่ข้าง ๆ นางแล้ว หลังจากนี้ย่อมมีโอกาสได้เจอกันอีก
เพียงแต่ไม่รู้ว่า…ตอนนี้นางพักอยู่ที่ใด
อีกอย่าง ทางด้านรัชทายาทฉีของอาณาจักรหลิวอวิ๋น เกรงว่าสถานะของชิงลั่วคงปิดไม่อยู่แล้ว ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเห็นแก่บุญคุณที่ชิงลั่วเคยช่วยชีวิตไว้ และไม่ทำตัวเป็นตัวถ่วง
อวี้เจี้ยนต๋าเดาไว้ไม่ผิด หลังจากอวี้ชิงลั่วกลับไปแล้ว ฉีหานเว่ยทางฝั่งนี้ก็กลับมาที่เรือนของตนเอง ทั้งยังออกคำสั่งกับฉีจ้านด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไปสืบมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูใหญ่ตระกูลอวี้เมื่อหกปีก่อน รวมถึงสาเหตุในการ ‘ตาย’ ด้วย” คำว่า ‘ตาย’ คำนี้ ฉีหานเว่ยขบฟันพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมาก แววตาก็ดูเคร่งขรึมด้วย
ฉีจ้านตอบ “ขอรับ”
เพียงแต่ตอนที่เขากำลังจะออกไป จู่ ๆ ฉีหานเว่ยก็ขมวดคิ้วเรียกเขาไว้ “ช้าก่อน สั่งให้คนตามคุณหนูใหญ่อวี้คนนั้นด้วย ดูว่านางไปที่ใด ยืนยันตัวตนของนางด้วยว่าใช่หมอปีศาจหรือไม่”
ฉีจ้านพยักหน้าและหมุนกายเดินออกไป
ฉีหานเว่ยเคาะโต๊ะเบา ๆ พลางแย้มยิ้มออกมา
อวี้ชิงลั่วเดินค่อนข้างเร็ว ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มแล้ว หนานหนานและคนอื่น ๆ ยังรอนางอยู่ข้างนอก หากนางกลับไปช้า ไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าตัวเล็กนั่นจะสร้างเรื่องอะไรอีก
อย่างไรก็ตาม ตอนที่นางเดินจูงมืออวี้เป่าเอ๋อร์เพิ่งมาถึงประตูใหญ่ของเรือนรับรอง ทางฝั่งนั้นก็มีองค์ชายน้อยสวมชุดฮั่นฝูดูฉลาดปราดเปรื่องยืนอยู่
เมื่อเห็นพวกนางเดินมา ฉีหานเทียนก็รีบก้าวเท้ามาด้านหน้า ยิ้มตาหยีพูดว่า “ข้าอยากขอโทษเป่าเอ๋อร์”
ขอโทษ?
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาเอ่ยถาม “ขอโทษอย่างไร?”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อลวนรักสมชื่อเรื่องมากชิงลั่วเอ๊ย ปรากฏตัวทีไรมีแต่ผู้ตามทั้งในและนอกอาณาจักรเลย
ไหหม่า(海馬)