อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 316 หาพ่อเลี้ยง
ตอนที่ 316 หาพ่อเลี้ยง
ตอนที่ 316 หาพ่อเลี้ยง
เย่หลานเฉิงเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเย่ซิวตู๋กำลังยืนมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หลังจากประคองเขาจนยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงปล่อยมือราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“วิ่งทำไม?”
ถึงอย่างไรเย่หลานเฉิงก็ให้ความเคารพเย่ซิวตู๋ จึงรีบคารวะ “ท่านอาห้า”
“เจ้ากลับไปกินข้าวที่โถงบุปผาเถอะ แม่ของหนานหนานทางฝั่งนั้น เราจะไปเชิญเอง”
เย่หลานเฉิงชะงัก แต่ก็เข้าใจได้ ดูเหมือนว่าท่านอาห้าจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว โม่เสียนเป็นผู้ช่วยคนสำคัญข้างกายท่านอาห้า ท่านอาห้ากลับถึงตำหนัก ก็ต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่แล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ เย่หลานเฉิงก็ยังแอบกลัวอยู่ดี ถึงอย่างไรเขาและหนานหนานก็สร้างปัญหาร่วมกัน และไม่สามารถหยุดปัญหานั้นได้ทันเวลา
เพียงแต่เย่ซิวตู๋กลับแค่นเสียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่เขาเบา ๆ ว่า “ในเมื่อรู้ความผิดแล้ว ก็กลับไปตรึกตรองดูให้ดี ๆ อยู่ในวังมานานขนาดนั้น อายุก็ไม่น้อยแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ควรจะรู้ได้แล้ว”
“ขอรับ” เย่หลานเฉิงหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เขาเก็บทุกคำพูดของเย่ซิวตู๋ไว้ทั้งหมด
ผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินนำอยู่ด้านหน้าห่างออกไป เขาจึงถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ รีบหมุนกายและวิ่งออกไป
เย่ซิวตู๋สาวเท้าเดินเข้ามาในห้อง เยว่ซินที่อยู่ปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ รีบทำความเคารพ ออกไปยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องอย่างเงียบ ๆ
วันนี้นางไม่ได้ติดตามอวี้ชิงลั่วไปดูความครึกครื้น ย่อมไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทว่าจากสีหน้าที่ดูไม่เป็นมิตรของเย่ซิวตู๋ ก็เหมือนว่าจะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของท่านอ๋อง ก่อนหน้านี้นางได้รับคำเตือนจากโม่เสียนแล้ว เขาบอกนางว่าหากเจอท่านอ๋องในสภาพเช่นนี้ให้หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็ไม่ทำร้ายคุณหนูอยู่แล้ว
อืม…หลังจากนั้นดูเหมือนว่าโม่เสียนจะโอดครวญอีกหนึ่งประโยคด้วย ดูเหมือนจะพูดว่า ต่อให้คิดจะทำร้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แม่นางอวี้ต่างหากล่ะที่แข็งแกร่ง
อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ข้างหน้าต่างโดยตลอด นิ้วมือของนางจับกระถางต้นไม้ที่อยู่ริมหน้าต่าง นางย่อมเห็นฉากที่เย่ซิวตู๋และเย่หลานเฉิงยืนอยู่ในลาน จนกระทั่งเขาเดินเข้ามาด้านใน นางจึงเด็ดใบไม้ที่อยู่บนกระถางพร้อมกับลุกขึ้นยืนและหัวเราะ “ท่านอ๋องซิว ในที่สุดก็ปรากฏตัวสักทีนะ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
เย่ซิวตู๋ถึงกับสำลัก เมื่อนึกได้ว่าหลายวันมานี้เขาหลบซ่อนตัวจากนางมาโดยตลอด สีหน้าของเขาก็แอบเจื่อนลงเล็กน้อย
ทว่าเขาก็ยังเลือกที่จะยกเท้าก้าวเท้ามาด้านใน นั่งลงข้าง ๆ โต๊ะอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมกับรินน้ำชาให้ตนเองหนึ่งแก้ว
อวี้ชิงลั่วเห็นเขาทำตัวเป็นอิสระราวกับอยู่ในห้องตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เขาด้วยสายตาโกรธเคือง หลายวันมานี้ นางก็พอจะคิดได้อย่างชัดเจนแล้ว เรื่องของแม่นมเก๋อมิอาจรีบร้อนได้ เย่ซิวตู๋ผู้นี้ก็บีบบังคับไม่ได้เช่นกัน มิเช่นนั้นหากฉีกหน้าเขาจนกลายเป็นศัตรูขึ้นมา เบาะแสของนางคงไม่ได้กลับมาจริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น นางต้องให้เขาพาเข้าวังอยู่บ่อย ๆ เพราะผ้าเช็ดหน้าที่ถูกเขาทำลายทิ้งเป็นของที่อยู่ในวัง
“ข้าได้ยินโม่เสียนรายงานว่า วันนี้เจ้าเจอพ่อของเจ้าแล้ว?”
ตอนนี้นี่เป็นเรื่องที่ทำให้อวี้ชิงลั่วหงุดหงิดมากที่สุด นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าแค่เข้าไปในเรือนรับรอง จะทำให้นางได้เจอหน้าอวี้เจี้ยนต๋าแบบซึ่ง ๆ หน้า นอกจากนี้เขายังระบุตัวตนของนางได้ด้วย
เมื่อนึกถึงผู้กระทำความผิดทั้งหมดคือหนานหนาน สีหน้าของนางที่มีต่อเย่ซิวตู๋ก็ยิ่งแย่ลง “ก็เป็นเพราะลูกชายตัวดีของท่านนั่นแหละที่สร้างปัญหา”
เย่ซิวตู๋ยิ้ม ทำท่าเหมือนรู้สึกภาคภูมิใจมากที่นางเอ่ยถึงหนานหนาน
อวี้ชิงลั่วเห็นดังนั้นก็มุมปากกระตุก ยิ่งไม่ชอบเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
“โม่เสียนบอกว่าเจ้าก็เตือนใต้เท้าอวี้ไปแล้ว ข้าคิดว่าใต้เท้าอวี้ก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ หากเจ้ายังเป็นกังวลว่าเขาจะกลับไปพูดเรื่องที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ให้สองแม่ลูกเฉินจีซินฟังเพราะทนไม่ไหว เช่นนั้นก็ไม่ต้องปล่อยให้เขากลับจวนอวี้ก็สิ้นเรื่อง”
เย่ซิวตู๋เปลี่ยนหัวข้อสนทนา พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วถามด้วยความประหลาดใจ “ไม่กลับจวนอวี้?”
“อืม” เย่ซิวตู๋จิบน้ำชาอีกหนึ่งคำ กล่าวอย่างเนิบช้าว่า “เมื่อครู่ข้าเข้าไปในวังมา วันนี้อาณาจักรจิงเหลยสร้างปัญหาใหญ่หลวง เสด็จพ่อกริ้วจนถึงขั้นตำหนิรัชทายาทและคนอื่น ๆ ไปยกใหญ่ ทั้งยังยกเลิกภารกิจต้อนรับราชทูตออกไปแล้ว ตอนนี้เรื่องเหล่านั้นภายในเรือนรับรองถูกโยนไปให้เจ้าแปดทั้งหมด บอกเจ้าแปดให้หางานให้ใต้เท้าอวี้ทำสักหน่อย ทำให้เขายุ่งมือไม้พันเป็นระวิงจนกลับจวนอวี้ไม่ได้ก็สิ้นเรื่องแล้ว”
อวี้ชิงลั่วชะงัก ยื่นหน้าไปด้านหน้า “อำนาจของรัชทายาท ท่านอ๋องเป่า และองค์ชายเจ็ดถูกถอดถอนหมดแล้วรึ?”
“มีแค่รัชทายาทคนเดียว”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว ก็จริง เดิมทีจักรพรรดิก็มิได้โปรดปรานรัชทายาทอยู่แล้ว อีกอย่างวันนี้รัชทายาทก็เสียหน้ามากที่สุด เรื่องเหล่านั้นที่เขาทำไว้ทำให้อาณาจักรเฟิงชางต้องอับอาย ฮ่องเต้ไม่ถอดตำแหน่งรัชทายาทของเขาออกก็นับว่าอดทนอดกลั้นถึงขีดสุดแล้ว ท่านอ๋องเป่าไม่ได้พูดอะไรก็ถือว่าไม่ได้มีความผิด ส่วนองค์ชายเจ็ดอาจอารมณ์รุนแรงไปสักหน่อย แต่เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของอาณาจักรเฟิงชางเขาจึงออกตัว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอุปราช
ทว่าเย่ฮ่าวหรานคนเจ้าสำราญและชอบดูเรื่องสนุก ๆ มาโดยตลอด จู่ ๆ กลับต้องมาแบกรับเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เกรงว่าตอนนี้คงนอนร้องไห้อยู่ในตำหนักอ๋องแปดกระมัง ถึงอย่างไรวันพรุ่งก็ยังมีอาณาจักรเทียนอวี่ที่จะเข้าเมืองด้วย
แต่วันนี้คนที่โดดเด่นก็คือเย่ซิวตู๋ ที่ฮ่องเต้ไม่ให้เขาไป คงไม่ใช่ว่าถูกเขาบ่ายเบี่ยงอีกหรอกนะ
“เย่ฮ่าวหรานไม่มาสู้สุดชีวิตกับท่านรึ?” อวี้ชิงลั่วเอ่ยถามเขาอย่างห้ามไม่อยู่ ช่วงนี้อีกฝ่ายตามติดจินหลิวหลีอย่างหนัก จนแทบไม่อยากให้มีเรื่องอะไรไปอยู่บนตัวเขาทั้งนั้น แต่ท้ายที่สุดเขาก็หนีไม่พ้นชะตากรรม ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
“ก็มีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่เหมือนกัน หลังจากพ้นประตูวังก็คิดจะลงมือกับข้า แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” สายตาของเย่ซิวตู๋ที่มองนางเป็นประกาย เมื่อเห็นว่านางชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ขนาดนั้น ใกล้จนทำให้เขารู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของนาง จึงเกิดอาการจิตใจฟุ้งซ่านภายในพริบตาเดียว
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา ๆ เย่ซิวตู๋ถึงกับตกใจ รีบข่มความอยากที่กำลังจะผงาดจากท้องน้อยขึ้นมาสร้างปัญหา ยื่นมือออกมาหยิบแก้วบนโต๊ะและรีบดื่มน้ำชาเข้าไปสองอึก นอกจากทำให้ชุ่มคอแล้วก็ถือโอกาสข่มไฟลงไปด้วย จากนั้นจึงเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เรื่องของพ่อเจ้าก็ถือว่าแก้ปัญหาได้แล้ว นี่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องรบกวนใจเจ้าแล้ว บาดแผลบนตัวเป่าเอ๋อร์ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร หนานหนานยังเด็ก อยู่ในวัยกำลังโต จะให้เขาอดข้าวได้อย่างไรกัน? ถึงอย่างไรเขาก็รับรู้ความผิดของตัวเองแล้ว เรียกให้เขามากินข้าวเย็นด้วยกันเถอะ”
อวี้ชิงลั่วมองเขาด้วยสายตาดูหมิ่นอย่างห้ามไม่อยู่ “ท่านลำเอียงไปฝั่งหนานหนานมากเกินไปหน่อยนะ หลานเฉิงอยู่ของเขาดี ๆ ยังถูกท่านตำหนิไปยกใหญ่ ทั้งยังไล่ให้เขากลับห้องไปตรึกตรองดูให้ดีอีก เหตุใดเมื่อถึงคราวของหนานหนาน ท่านกลับไม่ลงโทษอะไรเขาเลย?”
“…” เย่ซิวตู๋เบือนสายตาไปทางอื่น ตอบอย่างมั่นใจว่า “หนานหนานยังเด็ก สร้างปัญหานิดหน่อยก็เพราะความไร้เดียงสา ไม่เหมือนกันหรอก”
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าความไร้ยางอายของหนานหนานถูกถ่ายทอดมาจากใคร” เหมือนกับตอนที่หนานหนานใช้เล่ห์เหลี่ยมไม่มีผิด จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แค่คนสองคนก็ทำให้หนานหนานหลงระเริงจนเสียคนได้แล้ว แต่นี่ทุกคนกลับปกป้องหนานหนานโดยไม่รู้เรื่องราวความจริงแบบนี้ “เหอะ สร้างปัญหาเพราะความไร้เดียงสา สร้างปัญหาจนเป่าเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บ สร้างปัญหาจนคนในตระกูลอวี้จับได้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ สร้างปัญหาจนตัวเองเกือบจะได้พ่อเลี้ยงมาอีกคนแล้ว”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น่าสงสารท่านอ๋องแปดเขานะคะที่ต้องมาเช็ดล้างวีรกรรมของพี่น้อง
เอ่อ ท่านอ๋องซิวใจเย็น ๆ ไม่ได้เจอหน้าชิงลั่วนานถึงกับหวั่นไหวขนาดนั้นเลยเหรอคะ
ไหหม่า(海馬)