อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 320 ความโกรธเคือง
ตอนที่ 320 ความโกรธเคือง
ตอนที่ 320 ความโกรธเคือง
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง องค์ชายรองผู้นั้นหันกลับไปพูดคุยกับเย่ฮ่าวหรานต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่แค่การมองปราดเดียวนั้น ก็ทำให้อวี้ชิงลั่วได้รับความสนใจจากสายตาของคนจำนวนไม่น้อย
ไม่ต้องพูดถึงคนที่องค์ชายของอาณาจักรเฟิงชางเหล่านั้นแอบเตรียมไว้ แม้แต่คนของอาณาจักรจิงเหลยและอาณาจักรหลิวอวิ๋นก็มองมาทางนี้เช่นเดียวกัน
หนานหนานเห็นองค์ชายรองมองมา เขากลับโบกมือตอบด้วยความตื่นเต้น
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก ก่อนจะลากตัวเขากลับมา “เจ้าโบกมือทำไม?”
“หา?” หนานหนานช่างไร้เดียงสา “เมื่อครู่เขามองมาที่ข้า เขากำลังทักทายข้ามิใช่รึ? ข้าเองก็ต้องมีมารยาท ย่อมทักทายตอบ”
อวี้ชิงลั่วรู้ดีว่าหนานหนานทำตัวไม่ยึดตามเหตุผลโดยทั่วไปมาแต่ไหนแต่ไร เจอใครก็เป็นเช่นนี้ตลอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันนี้ที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ แต่ก็ช่างเถิด ต่อให้เขาไม่โบกมือให้ เกรงว่าลักษณะท่าทางขององค์ชายรองอาณาจักรเทียนอวี่เมื่อครู่คงทำให้คนสนใจมาถึงตัวนางอยู่ดี
ตอนที่โม่เสียนเดินมาดูที่ริมหน้าต่าง เขาก็พบว่ามีสายตาหลายคู่มองมาทางนี้ เขาเม้มปากบอกให้เย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์กลับเข้ามา จากนั้นจึงรีบปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ อวี้ชิงลั่วก็ได้เปิดเผยตัวตนต่อหน้าคนอื่น ๆ แล้ว
ที่ตั้งของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ยอดเยี่ยมมาก ฉีหานเว่ยที่นั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมฝั่งตรงกันข้ามย่อมมองเห็นได้อย่างชัดเจน โบกพัดด้ามจิ้วที่อยู่ในมืออย่างสบาย ๆ ฉากที่อยู่ด้านล่างในตอนนี้กลับไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแล้ว
ฉีหานเว่ยมั่นใจได้ว่า สตรีผู้นั้นที่องค์ชายรองทอดมองเมื่อครู่คืออวี้ชิงลั่วอย่างแน่นอน แม้ว่านางจะถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว แต่สายตาของเขาเฉียบคมมาโดยตลอด จุดนี้เขาไม่มีทางมองพลาด
ข้อมูลที่ฉีลิ่งไปตรวจสอบมาเมื่อวานนี้ส่งมาถึงมือเขาแล้ว อวี้ชิงลั่วผู้นี้คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลอวี้ที่แต่งงานเข้าตระกูลอวี๋เมื่อเจ็ดปีก่อนจริง ๆ เพียงแต่น่าเสียดาย เป็นเพราะถูกอวี๋จั้วหลินจับได้เรื่องที่นางแอบคบชู้เมื่อหกปีก่อน ภายหลังจึงมีข่าวลือพูดกันว่านางถูกฟ้าผ่าตาย
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดอวี้ชิงลั่วถึงยังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังได้เรียนรู้ทักษะติดตัว ทว่าเรื่องเหล่านั้นที่เกิดขึ้นเมื่อหกปีก่อนก็ทำให้เกิดความวุ่นวายสะเทือนเลือนลั่นทั่วทั้งเมือง จนกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลังมื้ออาหารเย็นของคนในเมืองหลวง ทำให้ตระกูลอวี้ถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ไปด้วย ทั้งยังเกิดความสั่นคลอนจะล้มมิล้มแหล่ท่ามกลางข่าวลืออยู่หลายปี
จวนอวี๋นั่นก็ไม่ได้กลัวว่าจะทำให้เรื่องราววุ่นวายจนใหญ่โต น่าเสียดายที่โลกใบนี้ใจกว้างกับบุรุษมาโดยตลอด ประกอบกับอวี๋จั้วหลินที่เป็นวีรบุรุษหนุ่มทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ ด้วยเหตุนี้ ต่อให้จวนอวี๋จะเกิดเรื่องภรรยาแอบมีชู้ แต่บุตรีของตระกูลร่ำรวยที่ยังอยากแต่งงานกับอวี๋จั้วหลินก็ยังมีมากมายดุจเส้นขนวัว
อวี้ชิงลั่วที่ถูกลืมเมื่อหกปีก่อนคนนั้น ย่อมไม่มีใครสนใจว่าตอนนั้นนางไม่ได้ตายอยู่ในวัดร้างเพราะถูกฟ้าผ่าตายจริง ๆ คนที่น่าอายเช่นนี้ตายไปก็ถูกต้องแล้ว
จวนอวี๋?
จู่ ๆ ฉีหานเว่ยก็ยิ้มออกมา หันไปถามฉีจ้านว่า “เจ้าบอกว่าแม่นางชิงที่ถูกขนานนามว่าเป็นหมอปีศาจ ในตอนแรกเริ่มอวี๋จั้วหลินเป็นคนแนะนำให้ท่านอ๋องซิวใช่หรือไม่?”
“ขอรับ” ฉีจ้านตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่เป็นเพราะเมื่อวานเขามิอาจสะกดรอยตามเพื่อยืนยันตัวตนของอวี้ชิงลั่วได้ เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดและละอายใจอย่างมาก
ฉีหานเว่ยกลับเริ่มโบกพัดด้ามจิ้วอีกครั้ง ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าอวี้ชิงลั่วคือหมอปีศาจ นับตั้งแต่นางเข้าหาจวนอวี๋ เขาก็พอจะวิเคราะห์ถึงเจตนาของนางได้แล้ว
ดูเหมือนว่า จะมีฉากสนุก ๆ ให้ชมเสียแล้วสิ
ตอนนี้อวี้ชิงลั่วเข้าหาท่านอ๋องซิว หากคิดจะจัดการกับอวี๋จั้วหลิน คาดว่าคงไม่ต้องลงแรงมากมายอะไร
เพียงแต่ไม่รู้ว่า รอยยิ้มขององค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่เมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร
คนที่ไม่เข้าใจเช่นเดียวกันกับเขา ยังมีซ่างกวนจิ่นอุปราชของอาณาจักรจิงเหลยที่นั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามเยื้อง ๆ กับอวี้ชิงลั่ว
ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย พูดกับผู้อารักขาที่ติดตามอยู่ด้านหลังว่า “ไปตรวจสอบมาว่าคนที่อยู่ในห้องพิเศษห้องนั้นคือผู้ใด”
“ขอรับ ท่านอ๋อง” ทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังเขามีสีหน้าจริงจังอย่างมาก ท่าทางดูเคร่งครัดและให้เกียรติ สายตาที่มองซ่างกวนจิ่นแอบแฝงด้วยความหวาดกลัวเล็ก ๆ
ทั้งสองคนพูดจบก็รีบถอยออกจากห้อง ก่อนจะเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามอย่างเงียบ ๆ
ขบวนที่อยู่บนถนนยังคงเคลื่อนไปด้านหน้า ซ่างกวนจิ่นยิ้มเยาะขณะมองไปยังบุรุษที่กำลังพูดคุยกับเย่ฮ่าวหรานอย่างสนุกสนาน มุมปากพลันกระตุกขึ้นอย่างเย้ยหยัน
ระดับความเร็วขององค์ชายรองเนิบช้ามาก เย่ฮ่าวหรานก็ให้ความร่วมมือกับเขาเช่นกัน ดูเหมือนว่าองค์ชายผู้นี้คงอยากเปิดเผยหน้าตาต่อหน้าประชาชนของอาณาจักรเฟิงชางให้มากที่สุด รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าตลอดเวลาไม่มีท่าทีว่าจะหายไป
เย่ฮ่าวหรานชื่นชมเขาอย่างมาก เขาเองก็ไม่ได้สนใจที่จะเปิดเผยหน้าตาของตนเองอยู่แล้ว ถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าในบรรดาองค์ชายทั้งหมดของอาณาจักรเฟิงชาง เขาคือคนที่หล่อเหลาที่สุด
ขบวนเดินหน้าอย่างเชื่องช้า ครั้งนี้อาณาจักรเทียนอวี่นำคนมาที่นี่เยอะเป็นพิเศษ ขบวนนั้นดูยาวราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด ทำให้ประชาชนที่ยืนอยู่ริมถนนมองดูเกือบครึ่งค่อนวัน
ซ่างกวนจิ่นหัวเราะพรืดหนึ่งเสียง อาณาจักรเทียนอวี่ทำตัวดูดีแต่ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ นอกจากขายหน้าตาแล้ว ยังจะมีอนาคตตรงไหนกัน?
ตอนที่เขากำลังคิดเช่นนี้ ผู้อารักขาที่ออกไปครู่หนึ่งก็กลับมายืนด้านหลังเขาอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยไปสอบถามมาแล้ว ภายในห้องพิเศษนั้นถูกสตรีนางหนึ่งจองไว้ช่วงหลายวันมานี้ ได้ยินมาว่าผู้อารักขาที่อยู่ข้างกายของนางเก่งกาจมาก…” ระหว่างที่เขากำลังพูด จู่ ๆ ก็หยุดลง
สีหน้าของซ่างกวนจิ่นเปลี่ยนเป็นไม่เป็นมิตรทันใด “อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อะไรอยู่?”
ผู้อารักขาคนนั้นตกใจ รีบพูดว่า “ท่านอ๋อง ได้ยินเสี่ยวเอ้อในร้านนั้นบอกว่า สองแม่ลูกอาณาจักรเฟิงชางที่ถูกท่านอ๋องทำร้ายร่างกาย ถูกแม่นางในห้องพิเศษช่วยชีวิตไว้ เสี่ยวเอ้อแอบได้ยินว่าหมอแซ่เจียงอีกคนที่มาช่วยเหลือเรียกสตรีผู้นั้นว่า…แม่นางชิงขอรับ”
แม่นางชิง? สีหน้าของซ่างกวนจิ่นเปลี่ยนไปโดยพลัน “หมอปีศาจ?”
“ขอรับ” ผู้อารักขาคนนั้นมองดูสีหน้าของซ่างกวนจิ่นก็ทราบได้ว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายคงแย่สุด ๆ ถึงอย่างไรเมื่อวานก็เป็นพวกเขาที่ยั่วโมโหก่อน แม้ว่าท้ายที่สุดจะไม่ได้สร้างความลำบากใจให้องค์ชายเหล่านั้นของอาณาจักรเฟิงชาง แต่ถึงอย่างไรการฆ่าประชาชนของอาณาจักรเฟิงชางสองคนต่อหน้าประชาชนของอาณาจักรเฟิงชาง อย่างน้อย ๆ ก็เป็นการทำให้พวกเขาเสียหน้าและเสียศักดิ์ศรีมากแล้ว
ทว่าตอนนี้กลับต้องมาบอกนายท่านว่า สองคนนั้นยังไม่ตาย
นายท่านไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ ในทางกลับกัน…กลับสูญเสียม้าสุดรักที่เขาเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม ทั้งยังทำให้องค์ชายของอาณาจักรจิงเหลยของพวกเขาต้องกลิ้งออกมาจากรถม้าต่อหน้าทุกคน สิ่งนี้ต่างหากเล่าที่เป็นความอัปยศ
ผู้อารักขาก้มหน้าลงไม่กล้าส่งเสียงพูด ภายในห้องพิเศษจึงเกิดความเงียบสงัดจนน่ากลัวอย่างฉับพลัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ได้ยินการเคลื่อนไหวของซ่างกวนจิ่น เขายกแก้วน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา หลังจากดื่มหมดในรวดเดียว ก็กระแทกแก้วลงบนโต๊ะ ทำให้โต๊ะตัวนั้นเกิดเสียงแตกร้าวจนมีขี้เลื่อยกระเด็นลอยทั่วสารทิศ
เสี้ยนไม้แหลมคมชิ้นเล็กๆ ลอยกระเด็นไปหาผู้อารักขาคนนั้น ก่อนจะปักเข้าที่แขนของเขา
เพียงแต่ผู้อารักขาคนนั้นกลับไม่แม้แต่จะเปล่งเสียงออกมา และไม่ได้ดึงออก ยังคงยืนมองเลือดบนแขนของตัวเองอย่างไร้อารมณ์
ขบวนบนถนนใหญ่ค่อย ๆ มาถึงหางแถวแล้ว ผู้คนก็พากันเคลื่อนย้ายไปด้านหน้าตามรถม้าเหล่านั้นของอาณาจักรเทียนอวี่ วินาทีนั้น ถนนทั้งสายจึงเงียบสงัดในทันใด
ซ่างกวนจิ่นลุกขึ้นยืน ผู้อารักขาที่อยู่ด้านหลังรีบยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาหนึ่งผืน หลังจากเช็ดมือก็เดินออกจากห้องพิเศษไปด้วยสายตาที่ดูกระหายเลือด
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างระหว่างฑูตทั้งสามอาณาจักรหลังเห็นหมอปีศาจนะคะ
สมน้ำหน้าอิอุปราช จากที่ทำคนอื่นขายหน้ากลายเป็นตัวเองขายหน้าแทน
ไหหม่า(海馬)