อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 322 ใช้เย่หลานเฉิงเป็นข้ออ้าง
ตอนที่ 322 ใช้เย่หลานเฉิงเป็นข้ออ้าง
ตอนที่ 322 ใช้เย่หลานเฉิงเป็นข้ออ้าง
โม่เสียนและเหวินเทียนตกใจมาก เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วถูกจับเป็นตัวประกัน พวกเขาก็โจมตีเข้าใส่คนเหล่านั้นรุนแรงยิ่งขึ้น
คนชุดดำเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ได้มีใจอยากสู้อีกต่อไป เมื่อเห็นว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว ต่างก็เริ่มถอยออกไป เพียงแต่เหวินเทียนและโม่เสียนโจมตีดุเดือดเกินไป คนเหล่านั้นจึงไม่สามารถหนีออกไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
หนานหนานดึงเย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์เข้ามาขดตัวอยู่ในตรอกข้าง ๆ ก่อนจะจ้องมองคนเหล่านั้นด้วยท่าทางจริงจัง
มีชายชุดดำสองคนที่ถูกโม่เสียนและคนอื่น ๆ ใช้กระบี่แทงจนตาย ส่วนอีกสองสามคนที่เหลือดูเหมือนจะร้อนใจขึ้นมา หลังจากหันมาสบตากันก็เริ่มกระจายตัวออกไป
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ยังมีคนสองสามคนที่ถูกแทงเข้ากลางอกจนตายภายในทันที
สถานการณ์ค่อนข้างรุนแรง ในที่สุดเสียงการต่อสู้ทางฝั่งนี้ก็ดึงดูดความสนใจจากคนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงจนต้องเปิดประตูออกมาดู แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ก็รีบกลับเข้าไปในบ้าน
เพียงไม่นาน ใต้เท้าเย่ผู้ตรวจการเมืองหลวงก็นำเจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน พบว่ามีคนนอนตายอยู่บนพื้นหลายศพ ส่วนคนที่เหลือกำลังสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง สีหน้าของใต้เท้าเย่พลันอึมครึมลง ช่วงนี้เป็นวันที่สามอาณาจักรเข้าเมือง ผู้อารักขาของเมืองหลวงแห่งนี้ต่างก็ระมัดระวัง ตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หากฮ่องเต้ตำหนิลงมา เขาก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมิใช่รึ?
ใต้เท้าเย่โบกมือวูบหนึ่ง ก่อนจะตะโกนกับทหารที่อยู่ด้านหลัง “จับตัวไว้ให้หมด”
ชายชุดดำที่เหลืออยู่ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น ดูเหมือนว่าคงคิดไม่ถึงว่าโม่เสียนและคนอื่น ๆ จะจัดการยากเช่นนี้ ต่างคนต่างพากันหนีออกไปด้วยความรีบร้อน ทำให้กระบวนยุทธ์สับสนมากขึ้น หลังจากใช้วรยุทธ์อยู่สองสามกระบวนก็ถูกแทงไปอีกสองคน
เหวินเทียนและโม่เสียนเริ่มเกิดความกังวลใจขึ้นมา แม่นางอวี้ถูกจับเป็นตัวประกันแล้ว พวกเขากลับไม่สามารถหนีออกไปได้ ฝีมือของคนเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลย กระบวนยุทธ์ของพวกเขาหาได้ยากและแปลกมาก
ทั้งคู่หันสบตากัน คนเหล่านี้ คงมิใช่นักฆ่าของสามอาณาจักรที่อื่นหรอกนะ?
เมื่อเห็นว่าจำนวนคนลดน้อยลง เหวินเทียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หันไปตะโกนบอกโม่เสียนว่า “ที่เหลือฝากเจ้าด้วย ข้าจะตามมันไปเอง”
“ได้” โม่เสียนขานตอบ ใช้กระบี่แยกตัวคนชุดดำที่คิดจะใช้อุบายสกปรกจัดการกับเหวินเทียน เพียงแต่เป็นเพราะไม่ทันได้ระวัง บนแขนกลับถูกอาวุธปาดจนเกิดแผลใหญ่ลากยาวหนึ่งเส้น เลือดจึงไหลออกมาภายในพริบตาเดียว
มุมปากเหวินเทียนขึงตึง ท้ายที่สุดก็วิ่งไปยังทิศทางที่อวี้ชิงลั่วถูกจับเป็นตัวประกันโดยไม่หันกลับมามอง
คนชุดดำได้รับบาดเจ็บหลายคน ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครขัดขวางเหวินเทียนไว้ได้ เพียงแต่น่าเสียดาย อวี้ชิงลั่วหายไปจากที่นี่ระยะหนึ่งแล้ว คนชุดดำผู้นั้นที่จับตัวนางมีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ตอนนี้ต่อให้วิ่งไล่ตามก็ไม่ทันอยู่ดี
เมื่อคิดเช่นนี้ คนชุดดำห้าคนที่เหลือจึงวางใจ เพียงแต่ตอนนี้ส่วนราชการตื่นตกใจขึ้นมาแล้ว พวกเขาต้องรีบหนีออกไปให้เร็วที่สุด
ใต้เท้าเย่ที่นำทหารมาที่นี่ไม่เคยเห็นใครที่ต่อสู้ได้โหดเหี้ยมเช่นนี้มาก่อน พวกเขาก็แค่ทำตัวให้ดูดุดัน แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านี้ แค่ก้าวเท้าออกไปก็เท่ากับเป็นการส่งตัวเองออกไปตายแล้ว ด้วยเหตุนี้ทหารเหล่านี้จึงทำได้แค่ถืออาวุธขวางด้านหน้าและด้านหลังของถนนด้วยเนื้อตัวสั่นเทา กลืนน้ำลายขณะมองคนเหล่านั้น
ใต้เท้าเย่ยืนอยู่รอบนอกด้วยความร้อนใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าตนเองไม่มีปัญญาที่จะจัดการกับคนเหล่านี้ จึงได้ทำได้เพียงยืนมองพวกเขา
หนานหนานพาเย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์ขยับเข้าใกล้เขาอย่างเงียบ ๆ อย่างน้อย ๆ อยู่รอบนอกก็น่าจะปลอดภัยขึ้นบ้างแล้ว
ใต้เท้าเย่เห็นเด็กสามคนเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ คิ้วพลันขมวดมุ่น ทว่าเมื่อสายตาเห็นสีหน้าตึงเครียดของหนานหนานก็ถึงกับตกใจในทันที “เจ้าคือ…”
“คนชุดดำเหล่านั้นคิดจะสร้างปัญหาให้เฉิงซื่อจื่อ ทั้งยังทำลายรถม้าของตำหนักอ๋องซิว ใต้เท้าเย่ ท่านรีบจับตัวพวกเขาสิ” หนานหนานดันเย่หลานเฉิงมาตรงหน้าใต้เท้าเย่
เฉิงซื่อจื่อ? ตำหนักอ๋องซิว?
คนหนึ่งก็เป็นบุตรชายของรัชทายาท ส่วนอีกคนก็เป็นถึงท่านอ๋องซิว คนเหล่านี้คิดจะลงมือกับลูกหลานราชวงศ์งั้นรึ?
ใต้เท้าเย่ถึงกับร่างกายแข็งทื่อ เขาไม่สนใจความกลัวอีกต่อไปแล้ว ใช้เท้าเตะทหารที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง ตวาดด้วยความโกรธเคือง “ยังไม่รีบเข้าไปจับตัวคนชุดดำเหล่านั้นอีก? พวกมันเหล่านี้คือกบฏ”
คนผู้นั้นถลาไปด้านหน้า ตอนนี้ต่อให้ทหารเหล่านี้ไม่เต็มใจมากกว่านี้ ก็ทำได้เพียงแค่กัดฟันสู้
ท้ายที่สุดคนชุดดำก็เหลือแค่คนที่มีฝีมือการต่อสู้ขั้นสูงที่สู้กับโม่เสียนและเหวินเทียนในตอนแรกสุด
หนึ่งในนั้นเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ก็รีบผลักอีกคนหนึ่งขึ้นไปด้านบนหลังคา ส่วนตนเองกลับยืดตัวรับกระบี่ของโม่เสียน ใช้หน้าอกขวางกระบี่เล่มนั้นไว้ หลังจากนั้นก็วาดอาวุธออกไป ใช้พลังอึดสุดท้ายนั้นเพื่อขวางฉินซงและผู้พิทักษ์ทมิฬคนอื่น ๆ ที่คิดจะไล่ตามไป
จนกระทั่งฉินซงและคนอื่น ๆ หลบกระบี่เล่มนั้นและเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง คนชุดดำผู้นั้นก็หนีออกไปไกลแล้ว
ฉินซงและโม่เสียนหันสบตากัน ท้ายที่สุดก็นำผู้พิทักษ์ทมิฬสองคนของฮ่องเต้ไล่ตามไป
ในที่สุดการต่อสู้ก็หยุดลง ใต้เท้าเย่แอบถอนหายใจ รีบผลักทหารที่อยู่ข้าง ๆ ออกไป หลังจากทำให้จิตใจนิ่งสงบลง ก็สาวเท้าเดินเข้ามา
“ผู้อารักขาโม่”
โม่เสียนมองเขาปราดหนึ่ง จากนั้นก็รีบกวาดตาหาหนานหนานและเด็กสองคนด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสามคนเดินตามอยู่ข้าง ๆ ใต้เท้าเย่อย่างปลอดภัย เขาจึงถอนหายใจออกมา
ก่อนจะหันไปมองศพเหล่านั้นที่นอนอยู่บนพื้น
“ใต้เท้าเย่ คนเหล่านี้พยายามจับตัวเฉิงซื่อจื่อเป็นตัวประกัน โปรดใต้เท้าเย่ช่วยส่งคนไปตรวจสอบด้วย ต้องหาตัวผู้ที่บงการอยู่ด้านหลังให้เจอว่ามันผู้นั้นคือใคร” สีหน้าของโม่เสียนดูไม่ดีเอาเสียเลย แขนของเขาได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เลือดก็ยังหยดติ๋ง ๆ ไม่หยุด
ประกอบกับอวี้ชิงลั่วที่ถูกจับตัวเป็นตัวประกัน ไม่ต้องพูดถึงท่านอ๋อง แม้แต่ตัวเขาเองก็มิอาจให้อภัยตัวเองได้
ใต้เท้าเย่สีหน้าเคร่งขรึม คนเหล่านี้เป็นพวกกบฏจริง ๆ
“ผู้อารักขาโม่อย่าได้เป็นกังวล ข้าจะตรวจสอบตัวตนของกบฏเหล่านี้เพื่ออธิบายกับรัชทายาทและท่านอ๋องซิวให้ได้” พูดจบ ก็หันไปพยักหน้าให้เย่หลานเฉิงเบา ๆ
อันที่จริงเย่หลานเฉิงยังตกใจไม่หาย เพียงแต่หนานหนานคอยจับมือของเขาและอวี้เป่าเอ๋อร์อย่างมั่นคงอยู่ตลอด จึงทำให้เขารู้สึกโล่งใจอย่างมาก ตอนนี้การต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว สีหน้าของเขาจึงดีขึ้นเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะเป็นห่วงอวี้ชิงลั่วมาก แต่เมื่อได้ยินใต้เท้าเย่พูดเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเกิดความมั่นใจแล้ว “เช่นนั้นก็รบกวนใต้เท้าเย่ด้วย”
ใต้เท้าเย่โบกมือ แบ่งทหารกลุ่มหนึ่งตามร่องรอยของคนชุดดำที่หนีไป แม้ทราบดีว่าโอกาสในการตามตัวจะมีไม่มาก แต่ก็ยังต้องทำอยู่ดี
ทหารที่เหลืออยู่ ลงมือยกศพของคนชุดดำเหล่านั้น
โม่เสียนย่อตัวลง ดึงผ้าสีดำของคนชุดดำที่มีวรยุทธ์ชั้นสูงที่นอนอยู่ข้าง ๆ เท้าของเขา เพียงแต่บุคคลผู้นี้มีลักษณะธรรมดาและไม่ได้มีลักษณะพิเศษอะไร
เขาใช้มือกดบนตัวของคนชุดดำ แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร บนตัวของคนคนนี้ไม่มีอะไรติดตัวเลยสักชิ้น
โม่เสียนเม้มปาก ลุกขึ้นยืนอย่างเนิบช้าโดยเพิกเฉยต่อบาดแผลบนแขน
ตอนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหามากไปกว่านี้ เขาต้องรีบพาหนานหนานและเด็กอีกสองคนกลับตำหนักอ๋องโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาเพิ่งจะลุกขึ้นยืน จู่ ๆ ก็มีเสียงตื่นตระหนกของใต้เท้าเย่ดังขึ้นข้าง ๆ “ท่านอ๋องซิว!!!”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดูท่าคนพวกนี้คงไม่อยากมีชีวิตอยู่ละมั้ง เล่นขโมยดวงใจท่านอ๋องซิวไปแบบนี้
ไหหม่า(海馬)