อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 324 เนื้
ตอนที่ 324 เนื้อตัวเปียกปอน
ตอนที่ 324 เนื้อตัวเปียกปอน
การเคลื่อนไหวของเย่ซิวตู๋เป็นไปอย่างเงียบเชียบ เขาแอบตามแมงป่องที่วิ่งอย่างรวดเร็วตัวนั้น เงาของมันพุ่งแฉลบออกไปอย่างเร็วจี๋
เพียงแต่ยิ่งเดินมาฝั่งนี้ คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดมุ่น
เสิ่นอิงที่ตามอยู่ด้านหลังเขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้เช่นกัน “นายท่าน ทิศทางฝั่งนี้…ดูเหมือนว่าจะเป็นเรือนรับรองของอาณาจักรจิงเหลยนะขอรับ”
เย่ซิวตู๋เม้มปาก สายตายิ่งเคร่งขรึมขึ้น
หนานหนานกลับจ้องมองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ประหม่าและตื่นเต้น เรือนรับรองของอาณาจักรจิงเหลย? เมื่อวานเขายังไม่ได้เข้าไปในเรือนรับรองของอาณาจักรหลิวอวิ๋น หรือว่าวันนี้เขาจะเข้าไปในเรือนรับรองของอาณาจักรจิงเหลยได้?
เขาเพิ่งจะคิดเช่นนี้ เย่ซิวตู๋ก็หยุดการเคลื่อนไหว ทะยานลงสู่เบื้องล่างจากบนกำแพงอย่างเนิบช้า จ้องมองอาคารสูงตระหง่านที่ตั้งอยู่ตรงหน้า
ซ่างกวนจิ่งลักพาตัวอวี้ชิงลั่วไปจริง ๆ
เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ แอบเป็นกังวล เหตุใดอุปราชของอาณาจักรจิงเหลยถึงได้จับแม่นางอวี้เป็นตัวประกัน? พวกเขามีความแค้นอะไรต่อกัน? เป็นเพราะรู้สถานะของแม่นางอวี้แล้ว หรือ…ต้องการล่อท่านอ๋องมาที่นี่?
คนอื่น ๆ ที่ตามเย่ซิวตู๋มาที่นี่ไม่เข้าใจ อวี้ชิงลั่วที่ถูกซ่างกวนจิ่งทุบจนสลบและลักพาตัวกลับมาที่เรือนรับรองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
เมื่อกลับเข้ามาด้านในเรือนรับรอง นางก็ถูกน้ำเย็นหนึ่งกะละมังสาดเข้าใส่ เกิดอาการหนาวสั่นจนได้สติกลับมาทันใด
ตอนที่ลืมตาขึ้นมา ช่องว่างระหว่างเปลือกตายังมีหยดน้ำเกาะอยู่ นางเห็นชายร่างสูงใหญ่ที่ยังคงปิดบังใบหน้าด้วยผ้าสีดำแบบเลือนราง กำลังมองมาที่นางจากมุมสูงด้วยท่าทางดูหมิ่น
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าและลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ สาปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “อุปราช ขอร้องเถอะ ต่อให้ท่านจะอารมณ์ร้อนมากกว่านี้ก็น่าจะรู้ว่า ‘ทะนุถนอมสตรี’ เขียนอย่างไร”
ซ่างกวนจิ่งชะงัก ดึงผ้าสีดำที่ปิดบังอยู่บนใบหน้าออก จ้องนางพลางเอ่ยถาม “เจ้ารู้ว่าเป็นเรา?”
อวี้ชิงลั่วมองเสื้อผ้าของตนเองที่เปียกโชก ภายในใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่เสื้อผ้ากลับเปียกชุ่มอยู่บนตัวเช่นนี้ รู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย
นางขยับตัวก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่
หลังจากรออยู่ครู่ใหญ่ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับไม่ตอบ สีหน้าของซ่างกวนจิ่งก็เคร่งขรึมทันใด ใช้มือบีบไหล่ของนางพร้อมกับพูดด้วยความฉุนเฉียว “เรากำลังถามเจ้า เจ้ารู้ว่าเป็นเราตั้งแต่เมื่อใด?”
ซ่างกวนจิ่งออกแรงหนักมากจนอวี้ชิงลั่วรู้สึกว่ากระดูกสะบักคล้ายกับถูกอีกฝ่ายดึงลงมา
อุปราชของอาณาจักรจิงเหลยผู้นี้โหดร้ายทารุณจริง ๆ ไม่ได้มีความเป็นมนุษย์แม้แต่น้อย
นางเงยหน้าขึ้น จ้องเขม็งใส่อีกฝ่ายด้วยสายตาแฝงความโกรธเคือง “ฝีมือของอุปราชไม่ธรรมดา เดิมทีแค่จับตัวข้าออกมาก็สิ้นเรื่องแล้ว แต่ท่านกลับทำให้รถม้าของตำหนักอ๋องซิวพังทลาย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแก้แค้นเรื่องที่ท่านอ๋องซิวทำไว้เมื่อวานนี้มิใช่รึ?”
ใจแคบจริง ๆ เสียเปรียบแค่นี้ก็ยังคิดจะเอาคืน
“เหอะ” ซ่างกวนจิ่งปล่อยมือจากนาง แต่ก็อดตกใจไม่ได้ อวี้ชิงลั่วสงสัยว่าเป็นเขาได้ภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนั้น “ในเมื่อตอนนั้นเจ้ารู้ว่าเป็นเรา เหตุใดก่อนที่จะถูกจับตัวออกมาถึงไม่บอกผู้อารักขาเหล่านั้นของเจ้า?”
นางจะบอกพวกเขาเพื่ออะไร? ไม่เพียงแต่โม่เสียนและคนอื่น ๆ ต้องรับมือกับคนจำนวนมาก ทั้งยังเป็นคนที่มีทักษะการต่อสู้ระดับสูง แต่ในมุมนั้นยังมีหนานหนานและเด็กอีกสองคน หากนางพูดออกไปว่าคนที่จับตัวนางคืออุปราชของอาณาจักรจิงเหลย บางทีซ่างกวนจิ่งผู้นี้อาจฆ่าคนเพื่อปิดปาก รวมถึงฆ่าหนานหนานและเด็ก ๆ ทั้งหมดด้วย สถานะของคนคนนี้แตกต่างจากผู้อื่น เป็นเรื่องง่ายมากที่จะกระตุ้นให้เกิดปัญหาระหว่างสองอาณาจักร
นางไม่ใช่คนโง่ขนาดนี้ ถึงอย่างไรหลังจากเกิดเรื่องหนานหนานก็หาตัวนางได้อยู่ดี
อวี้ชิงลั่วขยับบ่าอีกครั้ง เปียกปอนไปทั้งเนื้อตัวจนรู้สึกอึดอัดจริง ๆ
ซ่างกวนจิ่งก็พอจะเห็นท่าทางอึดอัดเช่นนี้ของนาง จึงยิ้มเยาะออกมา โบกมือให้คนที่อยู่ด้านนอกนำเสื้อผ้าสะอาดเข้ามาหนึ่งชุด
เพียงแต่ชุดกระโปรงตัวนั้น กลับเป็นชุดที่เป็นอัตลักษณ์ของอาณาจักรจิงเหลย
ให้อวี้ชิงลั่วสวมเสื้อผ้าของอาณาจักรจิงเหลย? นางก้มหน้าอย่างเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะปฏิเสธกลับไป “ข้าว่าเสื้อตัวนี้ของข้าเหมาะกับข้าดีแล้ว”
“ข้าขอแนะนำว่าอย่าต่อต้านเราจะดีที่สุด” ซ่างกวนจิ่งไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้น ทั้งยังเหวี่ยงชุดกระโปรงใส่ศีรษะของนาง
ชุดกระโปรงสะอาดจึงไหลลงมาตามศีรษะของอวี้ชิงลั่วอย่างช้า ๆ สาวใช้ซึ่งสวมใส่ชุดชาววังที่ยืนอยู่ด้านหลังซ่างกวนจิ่งคอยปรนนิบัติด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ไม่กล้าขยับตัว พวกเขาเหล่านี้ต่างก็เป็นบ่าวรับใช้ ย่อมรู้ดีที่สุดว่านิสัยของนายท่านเป็นอย่างไร
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วจนเป็นปม นิ้วมือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวสั่นเล็กน้อย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับพูดเคล้ารอยยิ้มว่า “ขอถามอุปราช ท่านจับสตรีอ่อนแออย่างข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”
นางอดทนอดกลั้น ใครใช้ให้คนคนนี้เป็นอุปราชของอาณาจักรจิ้งเหลยกันล่ะ? ทั้งยังเป็นผู้มีวรยุทธ์ขั้นสูง นางจึงไม่มีความมั่นใจหากต้องลงมือกับเขา
ซ่างกวนจิ่งไม่สนใจกับปัญหาเรื่องเสื้อผ้านั้นแล้ว ต่อให้นางแข็งตายก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่ดี
หลังโบกมือสั่งให้สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังถอยออกไป เขาก็ก้าวเท้าเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ ด้วยท่าทางหยิ่งผยอง มองอวี้ชิงลั่วด้วยท่าทางดูหมิ่น
“เราได้ยินมาว่า ประชาชนชั้นต่ำสองคนนั้นที่เราลงมือฆ่าเมื่อวานนี้ถูกเจ้าช่วยชีวิตไว้? คิดไม่ถึงเลยว่าหมอปีศาจผู้มีความลึกลับจะเป็นแม่นางที่มีความอ่อนเยาว์เช่นนี้”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าการช่วยชีวิตคนเมื่อวานนี้จะประมาทเกินไปหน่อย นางไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ทว่ากลับกลายเป็นการเปิดเผยสถานะของตนเอง
ซ่างกวนจิ่งเห็นสีหน้าของนางที่ดูไม่มั่นใจ จึงแค่นเสียงยิ้มเยาะ น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นมืดหม่นโดยพลัน “แต่เราไม่สนใจหรอกว่าเจ้าเป็นใคร ในเมื่อกล้าช่วยประชาชนชั้นต่ำที่ข้าคิดจะฆ่าทิ้ง เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าจุดจบของตนเองเป็นเช่นไร”
จุดจบเป็นเช่นไร มากสุดก็แค่ตายมิใช่รึ
แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ฆ่านางทิ้งภายในที่เกิดเหตุ แต่กลับจับตัวนางมาให้ยากลำบากขนาดนี้ ทั้งยังคุยเรื่องไร้สาระกับนางมากขนาดนั้นอีก ดูเหมือนว่าคงมีเป้าหมายบางอย่าง
“อุปราชต้องการให้ข้า ‘ทำความดีหักล้างความผิด’ อย่างไรรึ?” นางขบฟันพูดคำว่าทำความดีหักล้างความผิด ทั้งยังแฝงด้วยความเย้ยหยันอยู่ในนั้น
ซ่างกวนจิ่งย่อมฟังออก ทว่าเขาเองก็ไม่ได้สนใจ ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เจ้ากับองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่เป็นอะไรกัน?”
อวี้ชิงลั่วชะงัก รู้สึกได้ว่าองค์ชายรองผู้นั้นเป็นผู้กระทำความผิด ทำให้นางต้องมาอยู่ในจุดนี้
อวี้ชิงลั่วกลอกตา ยักไหล่พูดด้วยท่าทางราวกับหมดคำจะพูด “บางทีองค์ชายรองผู้นั้นอาจไม่ได้มองข้าก็ได้นะ”
“ความอดทนของเรามีจำกัด หากไม่ตอบมาดี ๆ เรา…”
“ท่านอ๋อง” คำพูดข่มขู่ของซ่างกวนจิ่งยังไม่ทันจบ จู่ ๆ ด้านนอกก็มีเสียงที่ฟังดูลังเลดังขึ้น
คิ้วของซ่างกวนจิ่งถึงกับขมวดมุ่นทันใด ตวาดด้วยความโกรธโดยไม่หันกลับไปมอง “มีอะไร?”
“ผู้อารักขาเฉากลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้เขาเข้ามา” ซ่างกวนจิ่งยังคงจ้องเขม็งอวี้ชิงลั่ว ราวกับอยากหาบางสิ่งบางอย่างบนใบหน้าของนาง
ประตูห้องถูกผลักให้เปิดออกภายในเวลาอันรวดเร็ว คนชุดดำที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนจนใบหน้าขาวซีด เขายังคงทนต่อความเจ็บปวดเดินโซซัดโซเซเข้ามาด้านใน ครั้นเดินเข้ามาก็คุกเข่าลงบนพื้น “ท่านอ๋อง ข้าน้อยสมควรตาย”
ซ่างกวนจิ่งมองเขาปราดหนึ่ง จู่ ๆ สายตาก็ดูเหมือนพายุฝนโหมกระหน่ำ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “คนอื่น ๆ ล่ะ?”
“ข้าน้อยสมควรตาย นอกจากข้าน้อย คนอื่น ๆ ถูกฆ่าตายทั้งหมด ไม่มีใครรอดกลับมาแม้แต่คนเดียวเลยพะยะค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จับชิงลั่วมามีวัตถุประสงค์อะไรกันนะ หรือเพราะคิดจะล่อท่านอ๋องซิวมา
ไหหม่า(海馬)