อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 325 ข้ากลัวตาย
ตอนที่ 325 ข้ากลัวตาย
ตอนที่ 325 ข้ากลัวตาย
ซ่างกวนจิ่งได้ฟังก็ถึงกับหน้าถอดสีอย่างหนัก สายตากระหายเลือดชั่วร้ายจ้องมองผู้อารักขาเฉาที่คุกเข่าอยู่บนพื้น
อุณหภูมิภายในห้องลดต่ำลงหลายสิบองศาภายในชั่วพริบตา แม้แต่อวี้ชิงลั่วก็เริ่มแอบรู้สึกไม่กล้า ใจเต้นตึกตักเร็วขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย ขาทั้งสองข้างเริ่มถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างเงียบเชียบ
และเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อวินาทีต่อมาได้ยินเสียงตวาดด้วยความโมโหของซ่างกวนจิ่ง “ไม่มีใครรอดกลับมาแม้แต่คนเดียว? เจ้าบอกเราว่าพวกเจ้าไม่มีใครรอดกลับมาแม้แต่คนเดียว? ประเสริฐ…กองทัพพยัคฆ์ที่เราฝึกมากับมือกลับสู้ผู้อารักขาเพียงไม่กี่คนไม่ได้ ยังจะมีหน้ากลับมาทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่อีกรึ?”
ผู้อารักขาเฉาคนนั้นถึงกับร่างกายแข็งทื่อเมื่อได้ยิน เหงื่อผุดซึมออกจากหน้าผากไม่หยุด แผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
ซ่างกวนจิ่งยกฝ่ามือขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อนจะตบไปที่ศีรษะของผู้อารักขาเฉา พูดด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า “คนอื่นตายกันหมดแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังเอาตัวรอดกลับมา?”
ผู้อารักขาเฉาไม่แม้แต่จะเปล่งเสียงออกมา เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ร่างกายอ่อนปวกเปียกลงไปกองอยู่บนพื้น
ซ่างกวนจิ่งดึงมือกลับมา หันไปพูดกับคนที่อยู่ด้านนอกประตู “ลากตัวออกไป เอาไปโยนทิ้งที่เนินป่าช้า”
“พะยะค่ะ” ผู้ดูแลคนนั้นถึงกับร่างกายสั่นเทา ไม่กล้าคัดค้านแม้แต่น้อย รีบสั่งคนให้เข้ามาและลากตัวผู้อารักขาเฉาออกไปอย่างเงียบ ๆ
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วแน่นอย่างห้ามไม่อยู่ ระดับความเหี้ยมโหดของซ่างกวนจิ่งผู้นี้วิปริตมากจริง ๆ ต่อให้นางจะเคยรู้จักกับพวกลูกหลานเชื้อพระวงศ์มาไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นบุรุษที่มีความเหี้ยมโหดอย่างอุปราชของอาณาจักรจิงเหลยคนนี้
คนคนนี้ แค่รู้สึกไม่สบอารมณ์ก็ลงมือฆ่าคนได้อย่างไม่ลังเล ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นลูกน้องข้างกายที่ตนเองไว้เนื้อเชื่อใจมาหลายปีก็ตาม
ซ่างกวนจิ่งดึงมือกลับมาอย่างเงียบ ๆ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมือ ราวกับว่าผู้อารักขาเฉาเป็นคนสกปรก จนแทบอยากจะถูเอาชั้นผิวหนังบนฝ่ามือทั้งสองข้างออก
หลังจากเช็ดมือเสร็จ ประตูห้องก็ถูกปิดลงอีกครั้ง ซ่างกวนจิ่งโยนผ้าเช็ดหน้าทิ้ง ก่อนจะหมุนกายกลับมามองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตามืดหม่นเย็นชา
“แม่นางชิง ตอนนี้จะบอกเราได้หรือยัง เจ้าและองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่เป็นอะไรกัน?”
อวี้ชิงลั่วถึงกับตกใจ เขากำลังเตือนให้นางทำตัวซื่อสัตย์งั้นรึ?
“ความอดทนของเรามีไม่มาก แม้ว่าแม่นางชิงจะเป็นหมอปีศาจ มีความสามารถไม่ธรรมดา และเราเองก็เป็นคนที่เสียดายผู้มีความสามารถด้วย แต่สำหรับคนที่ไม่เชื่อฟัง ต่อให้คนคนนั้นมีความสามารถดีกว่านี้ เราก็ทำให้นางกลายเป็นศพได้อย่างไม่แยแสเช่นกัน”
อวี้ชิงลั่วอยากหัวเราะเสียเหลือเกิน คำพูดนี้ราวกับว่าต่อให้เขาฆ่านางทิ้ง ก็เป็นเพราะถูกนางบังคับให้ทำอย่างช่วยไม่ได้ ความหน้าหนานี้หนายิ่งกว่าเย่ซิวตู๋เสียอีก
“อันที่จริงอุปราชไม่ต้องใช้การข่มขู่เช่นนี้ก็ได้ ข้ารู้มาโดยตลอดว่าอะไรที่เรียกว่า ‘ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ’ อุปราชอยากถามอะไร ข้าย่อมตอบทุกอย่างที่ข้ารู้โดยไม่หมกเม็ด”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจลากยาว ท่าทางเปลี่ยนเป็นความเกียจคร้าน
ท่าทางเช่นนี้กลับทำให้ซ่างกวนจิ่งชะงัก ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยขณะสำรวจสตรีที่อยู่ตรงหน้า ราวกับกำลังตัดสินความจริงจากคำพูดของนาง
“อุปราชอยากรู้ว่าข้าและองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่เกี่ยวข้องกันอย่างไร?” อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม “พูดแบบนี้ก็แล้วกัน องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่คือพี่ชายของข้า”
ดวงตาของซ่างกวนจิ่งเบิกกว้างทันใด มือทั้งสองข้างยื่นออกมาบีบคอของนางอย่างรวดเร็ว พลางยิ้มเยาะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าเห็นว่าเราโง่รึ?”
“แค่ก ๆ” อวี้ชิงลั่วถูกมือของอีกฝ่ายบีบจนรู้สึกเจ็บ ใบหน้าของนางแดงก่ำ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “อุปราช ท่านไม่ใช่คนโง่ ข้าต่างหากที่โง่ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพูดไปท่านก็คงไม่เชื่อ แต่กลับพูดออกมาด้วยความสัตย์จริง หากรู้ตั้งแต่แรกว่าการพูดความจริงจะทำให้ท่านอาละวาดแบบนี้ สู้ให้ข้าบอกว่าองค์ชายรองเป็นศัตรูของข้าหรือเป็นคนรักของข้ายังจะดีเสียกว่า”
“เจ้า…” ซ่างกวนจิ่นถูกคำพูดของนางเสียดสีถึงกับพูดไม่ออก สตรีผู้นี้กล้าพูดทุกอย่างจริง ๆ พูดว่าเป็นศัตรูยังพอทน แต่ยังกล้าพูดว่าเป็นคนรักอย่างไร้ยางอายเช่นนี้? คิดไม่ถึงเลยว่าในสายตาของสตรีผู้นี้จะไม่สนใจว่าชื่อเสียงจะเสียหายได้เช่นนี้
เขาหัวเราะเยาะแต่ก็ยอมปล่อยมือ มองอวี้ชิงลั่วที่กำลังคู้กายไอออกมาด้วยท่าทางอึดอัดด้วยสายตาขึงขัง
ทว่าซ่างกวนจิ่งก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีที่นางบอกว่าองค์ชายรองคือพี่ชายของนาง เพียงแต่เขาเองก็อยากเห็นเช่นกันว่านางพูดโกหกเช่นนี้ จะกลับคำอย่างไร “ก็ดี เจ้าบอกว่าองค์ชายรองคือพี่ชายของเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็บอกเรามา เจ้าเป็นบุตรีของนางสนมคนใด? จากที่เรารู้มา องค์หญิงเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรเทียนอวี่ คนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเจ้ามีแค่สามคนเท่านั้น เจ้าบอกเรามาสิว่าเจ้าคือใคร?”
ซ่างกวนจิ่งเคยไปอาณาจักรเทียนอวี่ เขาย่อมรู้แจ้งกระจ่างชัดเกี่ยวกับข้อมูลของราชวงศ์ อย่าว่าแต่หน้าตาขององค์หญิงทั้งสามที่เขารู้จักเป็นอย่างดี ต่อให้เป็นองค์หญิงเหล่านั้นที่อายุมากกว่าหรืออายุสิบกว่าขวบ เขาก็รู้จักทั้งหมด
สตรีผู้นี้กล้าบอกว่าตนเองเป็นน้องสาวขององค์ชายรองแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ ช่างน่าขบขันเสียเหลือเกิน
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าอวี้ชิงลั่วจะรู้สึกสบายคอขึ้น นางแอบกลืนยาที่ทำให้ชุ่มคอหนึ่งเม็ด ก่อนจะเงยหน้าด้วยดวงตาแดงระเรื่อ ทว่าเท้ากลับถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าวเล็ก ๆ เพื่อรักษาระยะห่างจากซ่างกวนจิ่ง
ไม่มีใครรู้ว่าจู่ ๆ บุรุษผู้นี้จะเป็นบ้าขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ ครั้งหน้าหากเขาบีบคอนางอีกครั้ง นางคงไม่รอดง่าย ๆ เช่นนี้แน่
อวี้ชิงลั่วถลึงตาใส่เขาด้วยท่าทางดุดัน ก่อนจะถอนหายใจกล่าวว่า “ไม่มีกฎกำหนดสักหน่อยว่าข้าต้องเป็นองค์หญิงเหล่านั้นที่คนทั้งโลกรู้จัก หรือว่าไม่อนุญาตให้ข้าเป็นลูกสาวนอกสมรสที่ไม่มีใครรู้ของฮ่องเต้อาณาจักรเทียนอวี่? ไม่อนุญาตให้องค์ชายรองเป็นลูกพี่ลูกน้องอันชอบธรรมของข้า? ไม่อนุญาต…”
อวี้ชิงลั่วพูดยาวเป็นขบวน เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มโกรธอีกครั้ง จึงรีบถอยหลังออกไปอีกหลายก้าว ยกมือขึ้นมาทำท่าหยุด “ช้าก่อน ข้ายังพูดไม่จบ ความอดทนของอุปราชต่ำเกินไปหน่อยนะ”
ซ่างกวนจิ่งสูดหายใจเข้าลึก ๆ “แม่นางชิง เจ้าไม่กลัวตายจริง ๆ สินะ?”
ท้าทายความอดทนของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังกล้ากล่าวคำพูดที่ดูเหมือนจะใช่แต่ไม่ใช่เช่นนี้อีก? บุตรีนอกสมรส? ลูกพี่ลูกน้องอันชอบธรรม?
เหอะ นางกลับมอบปัญหาใหญ่ให้เขาเสียแล้ว
อวี้ชิงลั่วรีบส่ายหน้า “ผิดแล้ว ข้ากลัวตายมาก”
ให้ตายเถอะ เมื่อครู่ตอนที่อีกฝ่ายบีบคอนาง นางก็กินยาเข้าไปแล้ว เหตุใดจนถึงตอนนี้กลับยังไม่เกิดผล?
หรือว่า คนคนนี้มีความสามารถในการต้านทาน? หรือว่ายาของนางใช้กับเขาไม่ได้ผล?
อวี้ชิงลั่วแอบประหลาดใจ ทว่านางก็ยังคงไม่ยอมอยู่ดี ลากเวลาออกไปอีกสักหน่อย ยาก็คงออกฤทธิ์แล้ว
เพียงแต่ยังไม่รอให้ซ่างกวนจิ่งได้พูดอะไร จู่ ๆ ด้านนอกก็ปรากฏร่างเตี้ย ๆ อีกครั้ง “ท่านอ๋องพะยะค่ะ”
“มีอะไร?” เสียงของซ่างกวนจิ่งมืดหม่นยิ่งกว่าเดิม
ผู้ดูแลที่อยู่ด้านนอกทราบดีว่าอารมณ์ของอุปราชดูเหมือนจะไม่ดีเอาเสียเลย เขาจึงเกิดอาการใจสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ รีบตอบไปว่า “รายงานท่านอ๋อง ท่านอ๋องซิวแห่งอาณาจักรเฟิงชางมาแล้วขอรับ บอกว่ามีเรื่องด่วนอยากปรึกษากับท่านอ๋องพะยะค่ะ”
ซ่างกวนจิ่งหรี่ตาลง หันมามองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง ภายในใจกลับไม่เข้าใจ เขาไปลักพาตัวโดยที่ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าดำ คนของเขาแม้ว่าจะตายหมดแล้ว แต่เขาก็จัดเตรียมไว้อย่างเหมาะสมแล้ว เย่ซิวตู๋ก็ไม่น่าจะตรวจพบตัวตนของเขาจึงจะถูก
ทว่า เขาเพิ่งกลับมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ท่านอ๋องซิวผู้นั้นก็มาหาถึงที่นี่
เย่ซิวตู๋ผู้นี้เป็นตัวละครที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จะมีใครอยู่เคียงข้างสักคนในเวลาคับขันจริง ๆ ไหมเนี่ย เอะอะไม่พอใจฆ่าเรียบงี้
คู่ปรับที่ฝีมือสมน้ำสมเนื้อมาแล้วอิอุปราช เตรียมโดนท่านอ๋องซิวทุบได้เลย
ไหหม่า(海馬)