อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 326 เขาอัปลักษณ์ขนาดนั้น
ตอนที่ 326 เขาอัปลักษณ์ขนาดนั้น
ตอนที่ 326 เขาอัปลักษณ์ขนาดนั้น
อวี้ชิงลั่วเงยหน้ายักไหล่ด้วยท่าทางราวกับเป็นผู้บริสุทธิ์ ‘ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเย่ซิวตู๋จะรีบมาหาท่านถึงที่เพื่อเร่งให้ท่านออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นได้รวดเร็วเช่นนี้’
ซ่างกวนจิ่งแค่นเสียงเย็น สายตามืดหม่นลง
แม้เขาจะไม่อยากเจอเย่ซิวตู๋ แต่ก็รู้ดีว่าที่นี่คืออาณาเขตของอาณาจักรเฟิงชาง อีกสองวันก็จะเข้าสู่การแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักรแล้ว แต่เย่ซิวตู๋คนนั้น…
ซ่างกวนจิ่งนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน และนึกได้ว่าเย่ซิวตู๋รู้เรื่องที่ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยมีการเปลี่ยนตัวแล้ว นัยน์ตาพลันฉายแรงสังหารจาง ๆ ท้ายที่สุดจึงเหลือบมองเพื่อตักเตือนอวี้ชิงลั่ว ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป
หลังจากเดินออกจากห้อง ก็ได้พูดกับผู้ดูแลที่ยืนอยู่ตรงประตูว่า “ส่งคนมาเฝ้าหน้าห้องสองคน ห้ามมิให้นางก้าวเท้าออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว”
“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ดูแลที่อยู่ด้านนอกขานตอบด้วยความเคารพนอบน้อมทันใด
ซ่างกวนจิ่งหรี่ตามองห้องนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนกายเดินออกไป
แม่นางชิงผู้นี้มิได้มีกำลังภายใน หากคิดจะออกจากเรือนรับรองของเขาที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาเช่นนี้ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ด้านนอกมีผู้อารักขายืนเฝ้าอยู่สี่คน พวกเขาเป็นคนของกองทัพพยัคฆ์ทั้งหมด คงไม่เกิดข้อผิดพลาดอะไร
อวี้ชิงลั่วรอจนเขาเดินออกไป นางก็คิดหาวิธีเพื่อออกไปจากที่นี่ เย่ซิวตู๋มาได้ทันเวลาจริง ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ซ่างกวนจิ่งออกไปได้
นางหันกลับไปมองหน้าต่างที่อยู่ด้านข้าง เพียงแต่หน้าต่างบานนั้นดูเหมือนจะถูกตอกไม้ปิดไว้ ส่วนหน้าต่างบานอื่น ๆ ทางซ้ายและขวาก็เป็นเช่นเดียวกัน
ดูเหมือนว่าหากคิดจะออกจากห้องนี้ คงเหลือแค่ประตูด้านหน้าเพียงบานเดียว
ทว่าด้านนอกมีคนยืนเฝ้าอยู่ เกรงว่าคงมิอาจออกไปได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
อวี้ชิงลั่วลูบคางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพิ่งจะมีสมาธิจดจ่อ ทันใดนั้นด้านหลังของนางก็มีแมงป่องตัวหนึ่งคลานเข้ามา
แมงป่องตัวนั้นหยุดลงตรงหน้านาง อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม ต้าไป๋เหอของหนานหนานจริง ๆ ด้วย นางมองแมงป่องตัวนั้นปราดหนึ่ง นัยน์ตาเคร่งขรึมลงเล็กน้อย จู่ ๆ ก็ส่งเสียงกรีดร้องออกไปด้านนอก “กรี๊ด…”
กองทัพพยัคฆ์ที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกหันมาสบตากัน จู่ ๆ ก็มีคนถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“มี…มีแมงป่อง แมงป่อง…” เสียงของอวี้ชิงลั่วฟังดูสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินก็รู้สึกได้ว่านางหวาดกลัวมากจริง ๆ
คนที่อยู่ด้านนอกชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีคนสองคนเปิดประตูเข้ามา ซึ่งทั้งสองคนนั้นเห็นแมงป่องตัวใหญ่กำลังปีนลงมาจากฝั่งนั้นจริง ๆ
พวกเขาทั้งคู่ลงมือพร้อม ๆ กัน ถือกริชที่อยู่ในมือเพื่อแทงร่างของแมงป่องตัวนั้น
อวี้ชิงลั่วถึงกับตกใจ แต่ก็ลอบถอนหายใจออกมา แม้ว่าต้าไป๋เหอจะทำตัวเกียจคร้านและไร้ประโยชน์มานานขนาดนี้ แต่มันก็ยังหลบได้คล่องแคล่ว ไม่ได้ถูกมีดของคนเหล่านั้นแทงจนตายในทันที
ทหารกองทัพพยัคฆ์สองนายนั้นเห็นว่าแมงป่องหนี พวกเขาก็ถึงกับขมวดคิ้วและแอบส่งเสียงรำคาญอย่างห้ามไม่อยู่
อวี้ชิงลั่วกลับตะโกนด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก “ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ข้ากลัวแมงป่องที่สุดในชีวิต พวกเจ้าพาข้าออกไป พาข้าไปที่ห้องอื่น เร็วเข้า”
ระหว่างที่พูดก็เริ่มวิ่งออกไปข้างนอกด้วยความร้อนรน
ทหารกองทัพพยัคฆ์สองนายที่ยังยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกก้าวเท้ามาด้านหน้าและยื่นมือออกมาขวางทางในทันใด พลางใช้สายตาเย็นชามองนางโดยไม่พูดอะไร
อวี้ชิงลั่วหงุดหงิดถึงขีดสุด ยื่นมือออกไปผลักพวกเขา “ออกไป พวกเจ้าอยากฆ่าข้าให้ตายรึ? แมงป่องมีพิษ หากเกิดภัยร้ายขึ้นกับข้า พวกเจ้าจะอธิบายกับอุปราชอย่างไร?”
ทั้งสองคนหันสบตากัน มองทหารกองทัพพยัคฆ์ที่กำลังหาแมงป่องอยู่ด้านใน ท้ายที่สุดจึงเริ่มพูดขึ้นว่า “อย่าเป็นกังวล เราจะหาแมงป่องให้แม่นางจนเจอ ไม่ทำให้แม่นางต้องบาดเจ็บ”
อวี้ชิงลั่วแค่นเยาะหนึ่งเสียง ถอยไปด้านหลังสองสามก้าว
จากนั้นจึงเงยหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่งบนหลังคา กล่าวว่า “วางยาใส่พวกเขาแล้ว การเคลื่อนไหวคงช้าลงเล็กน้อย เร็วเข้า ซ่างกวนจิ่งกำลังจะกลับมาแล้ว”
ทหารกองทัพพยัคฆ์สี่นายถึงกับชะงัก เงยหน้ามองไปตามทิศทางที่นางกำลังมองตามจิตใต้สำนึก วินาทีต่อมา ดวงตาของพวกเขากลับถลึงมองพร้อมกัน พร้อมกับยื่นมือเพื่อชักกระบี่ออกมา แต่จู่ ๆ มือทั้งสองข้างก็เหมือนจะไร้เรี่ยวแรง
ทั้งสี่คนเข้าใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงคิดจะส่งเสียงร้องตะโกนเพื่อให้คนรับใช้ภายในเรือนรับรองมาที่นี่ทั้งหมด
เพียงแต่ยังไม่ทันได้ส่งเสียง ก็พบเงาหนึ่งวูบไหวพุ่งแฉลบมาตรงหน้าพวกเขา ทั้งสี่คนถึงกับเกิดอาการหัวใจบีบรัดอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
อวี้ชิงลั่วมองคนเหล่านั้นที่หมดสติไป เหลือบมองไปยังเย่ซิวตู๋ที่มีใบหน้าแข็งทื่ออีกครั้ง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ท่านจะไปหาซ่างกวนจิ่งมิใช่รึ? ไม่ไปรอที่ห้องโถงด้านหน้า ไม่กลัวซ่างกวนจิ่งหาตัวไม่เจอหรืออย่างไร?”
เย่ซิวตู๋จ้องมองนางปราดหนึ่ง กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ปล่อยให้เขารอไปเถอะ หน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนั้น ข้าเองก็ไม่อยากเจอ”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก ซ่างกวนจิ่งยังอัปลักษณ์อีกรึ? ก็จริง แม้ว่าการมองอย่างละเอียดเช่นนี้จะเห็นถึงความเผด็จการที่ปกคลุมทั่วตัวเขา ทั้งยังมีสีหน้าที่ดูดุร้ายสักหน่อย แต่องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้า ก็มีความคมสันหล่อเหลา สันจมูกสูงโด่ง ดวงตาดำล้ำลึก เป็นบุรุษรูปงามที่พบเจอได้ยาก
หากนิสัยของเขาดีสักหน่อย ย่อมมีดรุณีสาวผู้มีชื่อเสียงจำนวนมากพุ่งเข้าหาเป็นแน่
อีกอย่าง เย่ซิวตู๋ก็มีใบหน้าเย็นชา ทั้งยังปิดกั้นคนอื่น แม้จะพูดว่า…แค่ก เขาดูดีกว่าซ่างกวนจิ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ไม่ควรมาดูถูกอีกฝ่ายเช่นนี้
“คิดอะไรอยู่? ยังไม่มาอีก หรือเจ้าอยากอยู่ที่นี่ตลอดไปเพื่อรอให้เขากลับมา?” เย่ซิวตู๋ยืนอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว แต่กลับไม่เห็นนางเดินเข้ามาหา ทั้งยังทำท่าทางราวกับไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ภายในชั่วพริบตา
สีหน้าของนางเช่นนี้คืออะไรกัน หรือว่านางคิดว่าซ่างกวนจิ่งหน้าตาดีมาก?
อวี้ชิงลั่วกลอกตาใส่เขา ดูเหมือนว่าวันนี้เย่ซิวตู๋อารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว แต่ที่เขาพูดก็ถือว่ามีเหตุผล นางไม่อยากเผชิญหน้ากับคนขี้โมโหอย่างซ่างกวนจิ่งนั่นแล้ว รีบออกไปจากสถานที่ที่มีปัญหาแห่งนี้ดีกว่า
ระหว่างที่กำลังคิด นางรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเขาสองสามก้าว โดยไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับสีหน้าของเย่ซิวตู๋
ทว่าพวกเขาทั้งคู่ยังไม่ทันได้ออกไป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามาจากไกล ๆ
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วมุ่น พาอวี้ชิงลั่วขึ้นไปด้านบนหลังคา ขณะที่เขากำลังจะกระทืบเท้าออกไปจากที่นี่ มือที่โอบรอบเอวของนางกลับถูกหยิกเบา ๆ
เขาก้มหน้ามองนาง “อะไร?”
“รอดูก่อนค่อยว่ากัน” อวี้ชิงลั่วกะพริบตาปริบ ๆ ใส่ขณะวางมืออยู่บนหลังมือของเขา จากนั้นก็มองลงไปด้านล่าง
เย่ซิวตู๋และนางไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่งแล้ว ต่อให้เป็นเมื่อวานก็คุยกันแค่สองประโยคและเดินออกจากห้องของนางไป ตอนนี้จู่ ๆ สตรีผู้นี้กลับเผยท่าทางที่ดูงดงามเช่นนี้ออกมาให้เขาเห็น ทั้งยังอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเชื่อฟัง อีกทั้งมือเล็ก ๆ ยังวางอยู่บนหลังมือของเขา เลือดลมก็พลันพลุ่งพล่านขึ้นมาจากส่วนล่าง
เย่ซิวตู๋สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าความต้านทานที่เขามีต่อนางกำลังลดลง ก่อนหน้านี้เขายังควบคุมตนเองได้ แต่ตอนนี้แค่สัมผัสโดนตัวนาง ปฏิกิริยาโต้ตอบต่อนางก็เริ่มอยู่เหนือการควบคุม
“มาแล้ว ๆ”
ขณะที่เย่ซิวตู๋ยังคงขมวดคิ้วมุ่น น้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างตั้งใจของอวี้ชิงลั่วก็ดังขึ้นข้าง ๆ หู
…………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋อง ท่านจะมาเลือดลมพลุ่นพล่านตอนหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ไม่ได้เด้อ
ไหหม่า(海馬)