อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 331 จ้องเขม็งมาที่นางแล้ว
ตอนที่ 331 จ้องเขม็งมาที่นางแล้ว
ตอนที่ 331 จ้องเขม็งมาที่นางแล้ว
ขณะที่อวี้ชิงลั่วกำลังครุ่นคิด นางก็เดินเลี้ยวตรงไปยังฝั่งอุทยานอวี้ฮวา
ในขณะที่ห่างออกมา นางก็ได้ยินเสียงเครื่องดนตรีไม้ไผ่ เสียงดื่มสุราและเสียงพูดคุยดังขึ้นจากฝั่งนั้น ดูครึกครื้นเป็นอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วบุ้ยปาก นางรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานเลี้ยงประเภทนี้ของพวกเขา ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดบุรุษเหล่านี้จึงได้ชอบสิ่งเหล่านี้นัก แต่เรื่องการขับร้องเพลง การเต้นและดีดบรรเลงดนตรีเช่นนี้ บุรุษเหล่านี้จะเกิดอารมณ์ได้อย่างไร? ก็มีไว้เพื่อดูรูปร่างหน้าตาของสตรีเหล่านั้นมิใช่รึ?
เมื่อนึกได้ว่าเย่ซิวตู๋ก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น นางก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งขึ้น
อวี้ชิงลั่วบุ้ยปาก ซ่อนตัวหลังภูเขาเทียมลูกหนึ่งอย่างระมัดระวัง ขณะจ้องมองฉากที่กำลังครึกครื้นเหล่านั้น
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เห็นขันทีตัวเล็ก ๆ ที่ยืนปรนนิบัติอยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวัง คนคนนั้นรูปร่างสูงและมีรูปร่างละม้ายคล้ายคลึงกับนาง ขอบเขตในการเดินเคลื่อนย้ายของเขาก็ค่อนข้างกว้าง คนที่หยิบจับของกระจุกกระจิก รวมถึงอุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็คือเขาทั้งหมด ทั้งยังเดินไป ๆ กลับ ๆ ทิศทางที่ตรงไปยังลานด้านหลังนั่นด้วย
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง จ้องมองคนคนนั้นที่กำลังเดินตรงเข้ามาพร้อมกับถาดใบเล็ก ด้านบนนั้นมีองุ่นวางอยู่สองพวง
จนกระทั่งเขาเดินเข้าใกล้มาทางฝั่งนี้ อวี้ชิงลั่วจึงปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเขาอย่างเงียบเชียบ ใช้สันมือสับเข้าที่ท้ายทอยของอีกฝ่าย ขันทีผู้นั้นถึงกับขาอ่อนแรง ถาดที่ถืออยู่ไร้ซึ่งความมั่นคงจนเกือบจะหล่นลงบนพื้น
อวี้ชิงลั่วรีบใช้มือข้างหนึ่งจับเอวของขันทีเพื่อลดแรงกระแทกลงบนพื้น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยื่นออกไปรับถาดใบนั้น
การเคลื่อนไหวของนางเป็นไปอย่างคล่องแคล่วแม่นยำ ไม่มีเสียงดังเล็ดลอดออกมา เพียงไม่นานนางก็ลากขันทีผู้นั้นเข้าไปด้านในภูเขาเทียมด้านข้าง ถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายและนำมาสวมใส่ลงบนร่างกายของตนเอง นางชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบถือถาดใบนั้นเดินกระมิดกระเมี้ยนออกไป
คนในงานเลี้ยงคุยกันเป็นคุ้งเป็นแคว โดยเฉพาะฮ่องเต้ เมื่อเผชิญหน้ากับท่านอ๋องและองค์ชายของสามอาณาจักร ก็แสดงออกให้เห็นถึงความใจกว้างและอารมณ์ดี
อวี้ชิงลั่วสาวเท้าเดินไปที่สวนด้านหลังอย่างระมัดระวัง พยายามหดตัวเองให้เล็กลง ค้อมกายต่ำจนถึงที่สุด
“ช้าก่อน” อย่างไรก็ตาม ตอนที่เดินมาถึงข้าง ๆ ซ่างกวนจิ่น นางกลับถูกอีกฝ่ายยกมือขึ้นมาขวางไว้
อวี้ชิงลั่วใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ รีบขานตอบอย่างระมัดระวัง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหลมขึ้นจมูกว่า “อุปราชมีอะไรให้กระหม่อมรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ซ่างกวนจิ่นไม่ได้มองนาง เพียงแต่ยื่นมือออกมาหยิบองุ่นที่อยู่บนถาด จากนั้นจึงนำไปวางลงบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าตนเอง
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ ยกถาดสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เขาหยิบไปให้เร็วยิ่งขึ้น ตนเองจะได้รีบออกไปจากสถานที่แห่งนี้เสียที
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ มืออีกข้างหนึ่งของซ่างกวนจิ่นก็ยกขึ้นเล็กน้อย นางข้าหลวงที่ยืนปรนนิบัติรินสุราอยู่ด้านหลังเขาไม่ทันได้ระมัดระวังตัว สุราจึงหกใส่แขนเสื้อของเขาทันที
ซ่างกวนจิ่นระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธ ลุกพรวดขึ้นและยกเท้าเตะออกไป “สารเลว รินสุราไม่เป็นรึ?”
การเคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างเปิดเผย ฮ่องเต้ที่กำลังพูดคุยกับรัชทายาทฉีหานเว่ยของอาณาจักรหลิวอวิ๋นอยู่ทางฝั่งนั้นได้ยินการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้อย่างฉับพลัน พระองค์จึงหันกลับมาในทันใด ครั้นเห็นฉากนี้ พระขนงพลันขดขมวดเข้าหากัน
เหมียวกงกงที่อยู่ข้างกายของฮ่องเต้ก็ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เช่นกัน เขารีบวิ่งเข้ามาและอบรมนางข้าหลวงคนนั้น “เกิดอะไรขึ้น แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังทำได้ไม่ดี จะเก็บเจ้าไว้ให้เกิดประโยชน์อะไรกัน?” ระหว่างที่พูด เหมียวเชียนชิวก็รีบหันไปขอโทษซ่างกวนจิ่น “อุปราชใจเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ อุปราชทรงอำนาจและสูงส่งมิอาจล่วงล้ำได้ แม่สาวคนนี้ถูกพลังของอุปราชยับยั้ง ส่งผลให้มิได้ทำตัวให้พอดีไปชั่วขณะหนึ่ง โปรดท่านอ๋องอย่าได้ขุ่นเคือง กระหม่อมเห็นแขนเสื้อของอุปราชเลอะสุราแล้ว กระหม่อมจะพาท่านอ๋องไปเปลี่ยนชุดนะพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ชิงลั่วได้ยินชัดเต็มสองหู เหมียวเชียนชิวต้องการช่วยชีวิตนางข้าหลวงผู้นั้น
อันที่จริงนี่ก็ไม่ได้เป็นความผิดของนางข้าหลวงคนนั้น อีกฝ่ายก็รินสุราอยู่ดี ๆ ซ่างกวนจิ่นกลับยื่นมือออกไป จึงทำให้สุราหกใส่ตัวเขา
ช่างน่าสงสารนัก นางข้าหลวงคนนั้นถูกทำให้ตกใจจนเนื้อตัวสั่นเทาใบหน้าขาวซีด นางคุกเข่าลงบนพื้นและเอ่ยปากร้องขอชีวิต คงคิดว่าตนเองหนีความตายไม่พ้นแล้ว
อวี้ชิงลั่วลอบส่ายหน้าอย่างเงียบ ๆ คุกเข่าลงบนพื้นทว่ามิได้พูดอะไร คนที่อยู่ในราชวัง เดิมทีก็มีชีวิตราวกับหุ่นกระดาษ แม้แต่สถานะของเย่หลานเฉิง แค่ไม่ทันได้ระวังก็เสียชีวิตได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงสาวใช้คนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ก็คงต้องรอดูแล้วว่าเหมียวเชียนชิวจะมีความสามารถนั้นหรือไม่ เขาจะพูดจนทำให้ซ่างกวนจิ่นผู้เหี้ยมโหดยอมปล่อยตัวนางหรือไม่
อวี้ชิงลั่วกำลังคิดเช่นนี้ ทว่าจู่ ๆ กลับมีเสียงเคร่งขรึมดังขึ้นเหนือศีรษะอย่างไม่คาดคิด “ช่างเถอะ เราไม่ใช่คนที่จะฆ่าผู้บริสุทธิ์ เรื่องนี้ช่างมันเถอะ เจ้า พาเราไปเปลี่ยนชุด”
เอ๋? มีเมตตาใจกว้างแล้วหรือ? ซ่างกวนจิ่นเปลี่ยนนิสัยแล้วรึ?
อวี้ชิงลั่วถึงกับอดไม่ได้ที่จะแอบบุ้ยปาก ทว่าบ่าของเขากลับถูกชนวูบหนึ่ง ครั้นเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเหมียวกงกงกำลังกระซิบเตือนนาง “อุปราชกำลังเรียกเจ้าอยู่ ยังไม่พาท่านอ๋องไปเปลี่ยนชุดอีก?”
อวี้ชิงลั่วถึงกับตกใจ บัดซบ ไม่จริง เหตุใดถึงได้ซวยขนาดนี้ ยังต้องพาซ่างกวนจิ่นไปเปลี่ยนเสื้ออีก?
“อะไรกัน หรือว่าเจ้าถูกบารมีของเราทำให้ตกใจจนลุกขึ้นยืนไม่ไหว?” เหนือศีรษะมีเสียงเย็นเยียบดังขึ้นอีกหน
อวี้ชิงลั่วรู้สึกราวกับเลือดทั่วทั้งร่างกายกำลังพลุ่งพล่าน บัดซบ เหตุใดซ่างกวนจิ่นจึงได้เพ่งเล็งมาที่นางอีกแล้ว?
เพียงแต่ นางก็คงปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืนอย่างยอมรับชะตากรรม ยื่นถาดในมือให้เหมียวกงกง
เหมียวเชียนชิวถึงกับชะงัก จ้องมองถาดในมือด้วยใบหน้าอึมครึม จากนั้นจึงเริ่มเกิดความกังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง บ่าวรับใช้คนนี้ก็ดูคล้ายกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว จะทำเช่นไรหากอีกครู่หนึ่งสร้างความขุ่นเคืองให้อุปราช?
เพียงแต่ อุปราชเป็นคนเลือกคนคนนี้ เขายังจะพูดอะไรได้อีก?
เหมียวเชียนชิวเงยหน้าขึ้น สายตาหันมองไปยังฮ่องเต้
ฮ่องเต้พยักหน้าให้เขา หลังจากรีบพูดปลอบโยนซ่างกวนจิ่นสองสามประโยค เขาก็บอกให้อวี้ชิงลั่วรีบไปรีบกลับ จากนั้นเหมียวเชียนชิวก็เดินกลับไป
ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับเป็นทุกข์ขึ้นมาเสียแล้ว ตำหนักสำหรับเปลี่ยนชุดอยู่ที่ใดกัน? นางไม่รู้สักหน่อย หรือจะให้นางพาซ่างกวนจิ่นไปที่ห้องของเด็กรับใช้นั่น?
เกรงว่ายังไม่ทันได้เดินเข้าประตู คงได้ถูกเขาบีบคอจนตายเสียก่อน
เฮ้อ หากรู้แบบนี้ตั้งแต่แรก นางเดินไปทางฝั่งที่เย่ซิวตู๋อยู่ยังจะดีเสียกว่า ก่อนหน้านี้นางคิดว่าถึงอย่างไรนางก็อยู่กับเย่ซิวตู๋มานานแล้ว เกรงว่าตอนที่เดินผ่านข้างกายเขา นางคงถูกจับได้เป็นแน่ ดังนั้นนางจึงเดินมาทางฝั่งซ่างกวนจิ่นแทน
ใครจะไปคิดว่าจะหาความยุ่งยากมาให้ตนเองเข้าแล้ว
เพียงแต่…
เมื่อนึกถึงเย่ซิวตู๋ อวี้ชิงลั่วก็แอบเหลือบมองไปยังจุดที่เขาอยู่ จากนั้นก็ต้องตกใจเพราะเห็นใบหน้ามืดหม่นของเขา
โดยเฉพาะตอนที่เห็นอวี้ชิงลั่วกำลังเดินนำอยู่ด้านหน้าซ่างกวนจิ่น ใบหน้าของเขาก็ดำทะมึนอย่างสมบูรณ์ นิ้วมือบีบเข้าหากันจนแน่น ปากเผยอขึ้นทำท่าจะพูด
อวี้ชิงลั่วรู้สึกหัวใจบีบรัด เขาคงไม่พูดอะไรในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เพื่อห้ามไม่ให้นางไปกับซ่างกวนจิ่นหรอกกระมัง
……………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จบงานนี้ผู้แปลว่าชิงลั่วต้องไปบวชชีบำเพ็ญกุศลสักหน่อยแล้ว ทำไมจังหวะชีวิตมันนรกแบบนี้
ไหหม่า(海馬)