อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 332 เปลี่ยนเสื้อให้เรา
ตอนที่ 332 เปลี่ยนเสื้อให้เรา
ตอนที่ 332 เปลี่ยนเสื้อให้เรา
อวี้ชิงลั่วกะพริบตาปริบ ๆ ใส่เขาขณะหางตากำลังกระตุกยิก ๆ ราวกับกำลังหยุดทุกการเคลื่อนไหวของเขา
เย่ซิวตู๋มีสีหน้าอึมครึม ปราศจากความเต็มใจ ดวงตาคู่นั้นของอวี้ชิงลั่วเบิกกว้างด้วยท่าทีดุร้ายขึ้นทันใด
ให้ตายเถิด หากเขากล้าส่งเสียงพูดออกมา นางจะหยิก ๆๆ เขาให้ตายไปเลย
ดวงตาของอวี้ชิงลั่วเกือบจะเป็นตะคริวแล้ว ในที่สุดเย่ซิวตู๋จึงไม่ได้ลุกขึ้นยืนพูดอะไร
เพียงแต่หลังจากนั้น จู่ ๆ มุมปากของเขาก็ตวัดเป็นเส้นโค้ง แก้วสุราที่อยู่ในมือพลิกกลับอย่างลึกลับ ตามมาติด ๆ ด้วยของเหลวสีเหลืองอำพันที่หกออกมา
นางข้าหลวงตัวเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่ซิวตู๋ถึงกับอุทานด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ท่านอ๋อง”
“จุ๊ ๆ น้องห้า ซุ่มซ่ามเกินไปหน่อยกระมัง ในสถานการณ์เช่นนี้ กลับไม่มีความสำรวมเอาเสียเลย” องค์ชายสามที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองเขาด้วยท่าทีเย้ยหยัน น้ำเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย
เดิมทีเขาอยู่ห่างจากฮ่องเต้ไม่มากอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้เป็นเพราะเรื่องของซ่างกวนจิ่น เสียงพูดคุยของทุกคนจึงเบาลง องค์ชายสามพูดออกมาเช่นนี้ จึงดึงดูดความสนใจของทุกคนได้ในทันที แม้แต่ซ่างกวนจิ่นที่เดินอยู่ไม่ไกลก็หยุดฝีเท้าลงเล็กน้อย พลางหันมามองด้วยใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
ฮ่องเต้ถลึงพระเนตรใส่องค์ชายสาม ในเมื่อรู้ว่าเป็นสถานการณ์เช่นไร เหตุใดจึงไม่ระมัดระวังคำพูดคำจาสักนิด?
องค์ชายสามรู้สึกชิงชังอยู่ภายในใจ เสด็จพ่อลำเอียงเกินไปหน่อยกระมัง ทั้ง ๆ ที่คนที่ทำให้ราชวงศ์เสียหน้าคือเย่ซิวตู๋ กลับไม่เอ่ยวาจาใดออกมา
เย่ซิวตู๋ลุกขึ้นยืนอย่างเปิดเผย มองเสื้อผ้าที่เปื้อนด้วยความเสียดาย ก่อนจะกราบทูลกับฮ่องเต้ว่า “เสด็จพ่อ ลูกขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อแล้วจะกลับมาใหม่อีกครั้ง เพื่อมิให้เป็นการเสียมารยาท”
“อืม” ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ ก่อนจะหมุนกายกลับไปคุยกับองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่
เหมียวเชียนชิวรีบสั่งขันทีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้ไปเรียกนางระบำในวังมาขึ้นแสดง เพื่อทำให้บรรยากาศสงบลง
ในขณะที่องค์ชายสามกลับโกรธแค้นอยู่เต็มอก ถลึงสายตามองแผ่นหลังของเย่ซิวตู๋ที่เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ แก้วในมือก็ถูกบีบจนแน่น
องค์ชายสี่และองค์ชายหกหันสบตากัน ก่อนเบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบงัน ไม่พูดไม่จา ทำราวกับไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่
ทว่าระหว่างที่หลีจื่อฟานกำลังพูดคุยกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ช้อนสายตามองเย่ซิวตู๋ที่เดินออกไป หลังจากนั้นสายตาของเขาก็มองไปยังอวี้ชิงลั่วที่เดินอยู่ข้าง ๆ ซ่างกวนจิ่น
เพียงสายตาเห็นแผ่นหลังนั้น หลีจื่อฟานก็แข็งทื่อไปทั้งตัวด้วยความตะลึงงัน
จากนั้นจึงยกแก้วสุราขึ้นมาจิบต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แปลกใจ…ไม่แปลกใจเลยที่จู่ ๆ เย่ซิวตู๋ก็ทำสุราหก ที่แท้ก็เป็นเพราะนางมานี่เอง
อวี้ชิงลั่วเพิ่งก้าวเท้าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เย่ซิวตู๋ก็ไล่ตามมาติด ๆ นางแอบลอบถอนหายใจ อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่ได้ส่งเสียง ทั้งยังนำทางให้นางได้ด้วย มิเช่นนั้นหากให้เดินไปด้านหน้าต่อ นางคงได้เปิดเผยความจริงออกมา
มุมปากของซ่างกวนจิ่นยังคงดูเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ท่านอ๋องซิวทำสุราหกได้บังเอิญเชียวนะ”
“ดูเหมือนวันนี้อุปราชจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ” ถึงได้พูดว่าตนเองมิใช่คนที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ คำพูดนี้ ยังกล้าพูดต่อหน้าท่านอ๋องและเหล่าขุนนางได้ ความหนาของหนังหน้าไม่ต่างจากกำแพงเมืองเลย
ซ่างกวนจิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย แค่นเสียงเบา ๆ กล่าวว่า “นิสัยของเราก็ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หากมิใช่เพราะมายั่วโทสะเรา ทำลายผลประโยชน์ของบ้านเมือง เราย่อมไม่คิดเล็กคิดน้อย”
อวี้ชิงลั่วกลอกตามองบน แอบรำพึงในใจ สองแม่ลูกที่ถูกเขาฆ่าเมื่อไม่กี่วันก่อน นั่นเป็นเพราะทำลายผลประโยชน์ของบ้านเมืองเขารึ?
นางก้มหน้าก้าวเท้าเดินต่อไปอย่างนอบน้อมถ่อมตน ถึงอย่างไรก็มีเย่ซิวตู๋เดินนำทางอยู่ด้านหน้า นางจึงไม่เป็นกังวลว่าจะหลงทางแล้ว
แม้ว่าบนใบหน้าของทั้งคู่จะประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่าคำพูดของพวกเขากลับเสียดสีกันชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่รู้ว่าจะลงไม้ลงมือใส่กันเพราะไม่สบอารมณ์หรือไม่
อวี้ชิงลั่วกำลังคิดฟุ้งซ่าน จู่ ๆ เสียงฝีเท้าที่อยู่ตรงหน้าก็หยุดลง
อวี้ชิงลั่วชะงัก รีบทำท่าจะเข้าไปเปิดประตูห้อง
เพียงแต่เย่ซิวตู๋กลับก้าวเร็วกว่านางหนึ่งก้าว ผลักประตูห้องให้เปิดออก ในฐานะเจ้าบ้านจึงพูดด้วยท่าทีเป็นมิตรถึงขีดสุด “อุปราช เชิญ”
“เกรงใจท่านอ๋องซิวแล้ว” ซ่างกวนจิ่งเหลือบตามองเขาปราดหนึ่ง หมุนกายสาวเท้าเข้าไปด้านใน
เย่ซิวตู๋หันกลับมาสั่งอวี้ชิงลั่ว “เจ้ารออยู่ข้างนอก อย่าเดินเพ่นพ่าน”
“พ่ะย่ะค่ะ” อวี้ชิงลั่วขานตอบเสียงต่ำ แอบถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ยังดีที่นางไม่ต้องเข้าไป อีกเดี๋ยวหลังจากปิดประตูแล้ว นางจะรีบไปให้พ้นจากความถูกผิดของที่นี่แล้วค่อยว่ากัน
ถึงอย่างไร ตอนที่นางเพิ่งจะคิดเช่นนี้ จู่ ๆ ซ่างกวนจิ่นที่อยู่ตรงหน้าก็เอ่ยปากรั้งไว้ “เจ้าเข้ามาเปลี่ยนชุดให้เรา”
เปลี่ยนชุด? เหตุใดเจ้าไม่ไปตายเสียเลยล่ะ เหตุผลธรรมดา ๆ เช่นนี้กลับไม่รู้? หรือต้องให้นางสอนเขา?
ภายในใจของอวี้ชิงลั่วมีม้าหญ้าโคลน [1] วิ่งผ่านข้างตัวไปสิบล้านตัว น่าเสียดายที่สถานะของนางในตอนนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงทำได้เพียงแค่เดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางชักช้าร่ำไร
ซ่างกวนจิ่นยกมือขึ้น ก่อนจะปิดประตูห้องนั้น
ซ่างกวนจิ่นโยนเสื้อผ้าใส่ตัวนาง กางมือทั้งสองข้างออกเพื่อให้นางเปลื้องผ้าให้ตนเอง
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ เหลือบมองเย่ซิวตู๋ปราดหนึ่ง อีกฝ่ายหรี่ตาลงเล็กน้อย นัยน์ตาคู่นั้นดูเหมือนไม่สบอารมณ์ ทว่าเขายังคงขยิบตาให้อวี้ชิงลั่วโดยไม่ส่งเสียง
ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งคู่ก็รู้จักกันมาระยะหนึ่งแล้ว ย่อมตกลงกันได้โดยปริยาย
อวี้ชิงลั่วเดินบิดสะโพกไปด้านหน้าสองสามก้าว กางแผงกั้นที่เก็บไว้ด้านข้างให้กางออก เพื่อปิดกั้นสายตาของเย่ซิวตู๋
ซ่างกวนจิ่นจ้องมองศีรษะของนาง ก่อนจะแค่นเสียงเยาะ “รีบหน่อย”
ถึงอย่างไร ตอนที่อวี้ชิงลั่วยืนอยู่ตรงหน้าเขา สีหน้ากลับดูลำบากใจขึ้นมา
“อะไรกัน หรือแม้แต่เปลื้องผ้าให้เราก็ทำไม่เป็น?” ซ่างกวนจิ่นยกแขนอยู่ครู่ใหญ่แล้ว ทว่ากลับไม่เห็นนางขยับตัว ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีไปถนัดตา
อวี้ชิงลั่วตอบตะกุกตะกักว่า “อุปราชอย่าได้โกรธเคือง เพียงแต่ กระหม่อม…กระหม่อมประสบการณ์น้อย อยู่ในวังหาได้มีความรู้ไม่ เสื้อผ้าของอุปราชแตกต่างจากอาณาจักรเฟิงชาง กระหม่อม ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
เสื้อผ้าของอาณาจักรจิงเหลยแตกต่างจากอาณาจักรเฟิงชาง กระดุมไข่มุกที่อยู่บนนั้นมีเยอะเป็นพิเศษ อีกทั้งยังยุ่งยาก คลุมบนตัวชั้นแล้วชั้นเล่า ไม่รู้สึกร้อนหรืออย่างไรกัน คนทั่วไป หากไม่เคยเห็นก็คงไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องเริ่มถอดจากชั้นไหน
ที่อวี้ชิงลั่วพูดก็นับว่ามีเหตุผล
ทว่าซ่างกวนจิ่นกลับโกรธเคืองอย่างมาก “อะไรกัน เจ้าหมายความว่าจะให้เราถอดชุดเอง เปลี่ยนชุดเองงั้นรึ?”
“เหตุใดอุปราชต้องโกรธเคืองเช่นนั้นเล่า?” เย่ซิวตู๋ยืนอยู่ข้างนอก เสียงของอวี้ชิงลั่วและซ่างกวนจิ่นค่อนข้างดัง เขาย่อมได้ยินอย่างชัดเจน “ในเมื่อขันทีผู้นั้นเปลี่ยนชุดไม่เป็น เราจึงไปหาคนมาเปลี่ยนชุดให้ท่านแล้ว”
ครั้นกล่าวจบ ข้าง ๆ ประตูก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เย่ซิวตู๋แย้มยิ้ม เปิดประตูห้องให้นางข้าหลวงผู้มีใบหน้างดงามที่ยืนอยู่ด้านนอกเข้ามา
นางข้าหลวงผู้นั้นค้อมกายคารวะเย่ซิวตู๋ พยักหน้าให้พร้อมกับเดินไปด้านหลังแผงกั้น
“เสี่ยวลั่วจื่อ ทางฝั่งอุปราชมีอวิ๋นเสียคอยปรนนิบัติแล้ว เจ้าออกมาช่วยเปลี่ยนเสื้อให้เรา” เย่ซิวตู๋เอ่ยขึ้นตรงหน้าแผงกั้น
………………………………………………………………………………………………………………………..
[1] ม้าหญ้าโคลน (草泥马) คำนี้อ่านออกเสียงเหมือนกับคำว่า “操你妈 (เช่า-หนี่-มา)” ซึ่งเป็นการเล่นคำให้ภาษาดูซอฟต์ลง แต่ความหมายของคำนี้ก็ยังเป็นคำด่าที่ไม่สุภาพ ความหมายของคำนี้คือ “เย็*แม่*มึ*” (ขออนุญาตละไว้ในฐานที่เข้าใจ)
สารจากผู้แปล
จริงๆ ท่านอ๋องซิวคงอยากช่วยชิงลั่วแหละ แต่วิธีการช่วยของท่านนี่นะ….
ไหหม่า(海馬)