อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 333 น่ากลัวเกินไปแล้ว
ตอนที่ 333 น่ากลัวเกินไปแล้ว
ตอนที่ 333 น่ากลัวเกินไปแล้ว
เสี่ยว…เสี่ยวลั่วจื่อ?
อวี้ชิงลั่วถึงกับเกิดเส้นสีดำผุดขึ้นบนหน้าผากสามเส้น คำพูดของคนคนนี้ทำให้คนโกรธแค้นเจียนตายอยู่เสมอ
ทว่านางเองก็มิกล้าล่าช้า รีบหมุนกายเดินออกไป
ซ่างกวนจิ่นขมวดคิ้วมุ่น ตอนที่กำลังจะยื่นมือออกไปดึงนางกลับมา อวี้ชิงลั่วกลับทำราวกับเป็นปลาไหลที่ทำตัวไหลลื่น ย่อตัวออกจากเงื้อมมือของอีกฝ่าย และลอดผ่านออกไป
ซ่างกวนจิ่นถึงกับเกรี้ยวโกรธ ตอนที่คิดจะยื่นมือออกไปจับตัวนาง อวิ๋นเสียที่อยู่ด้านนอกก็เดินเข้ามา ค้อมกายคารวะเขาเล็กน้อย กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ท่านอ๋อง หม่อมฉันเปลื้องผ้าให้เพคะ”
มือของซ่างกวนจิ่นชักกลับมาโดยพลัน ก่อนจะยิ้มเยาะหนึ่งเสียง กล่าวเสียงสูงออกไปด้านนอกว่า “ท่านอ๋องซิวคิดรอบคอบจริง ๆ”
เย่ซิวตู๋ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด เพียงแต่รอจนกระทั่งอวี้ชิงลั่วเดินออกมา เขาจึงบีบจมูกนางแรง ๆ พร้อมกับถลึงตาใส่
อวี้ชิงลั่วขบฟันกรอด ทว่ากลับส่งเสียงพูดอะไรไม่ได้ มิเช่นนั้นซ่างกวนจิ่นต้องได้ยินเป็นแน่ จึงทำได้เพียงแค่โบกหมัดใส่อีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ ทั้งยังส่งสายตาดุจดั่งใบมีดข่มขู่เขา
เย่ซิวตู๋ยิ้มเบา ๆ ก่อนจะตอบซ่างกวนจิ่นว่า “อุปราชเป็นแขกผู้มีเกียรติของอาณาจักรเฟิงชาง เราย่อมมิกล้าละเลย อวิ๋นเสีย ปรนนิบัติระวังด้วย อย่าได้ทำให้เสื้อผ้าของอุปราชสกปรกหรือขาดเชียว”
“เพคะ”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง อวิ๋นเสียผู้นี้คงเป็นคนของเย่ซิวตู๋ ดูจากท่าทางนิ่งสงบตั้งแต่ก้าวเท้าเดินเข้ามา ดูเป็นคนที่มีความมั่นคงอย่างมาก
ก็จริง คนที่เย่ซิวตู๋ฝึกออกมา มีใครบ้างที่ไม่มีความสามารถจริง ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนคนนี้ที่ต้องอยู่ภายพระราชวัง
เอ่อ ก็ไม่ถูก หนานหนานก็ถูกเย่ซิวตู๋ฝึกออกมา ทว่ากลับซนเหมือนลิง คาดว่าเจ้าเด็กนั่นคงเป็นความล้มเหลวในชีวิตของเขา
ครั้นนึกถึงเด็กคนนั้น อวี้ชิงลั่วก็นึกขำ เมื่อคืนหนานหนานไม่สามารถพูดให้นางใจอ่อนได้ ตอนนี้ก็ยังโกรธอยู่เลย ไม่รู้ว่าตอนที่อยู่ในตำหนักอ๋องจะสร้างปัญหาอะไรอีกหรือไม่
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วเบา ๆ ทว่ากลับลากมือของนางให้เดินไปยังโถงอีกห้องที่อยู่ข้าง ๆ
“ดูเหมือนว่าอุปราชคงใช้เวลาอีกสักพัก กลิ่นสุราที่อยู่บนแขนเสื้อของเราค่อนข้างฉุน ใส่แล้วรู้สึกไม่สบายตัว เจ้าตามเรามา ไปช่วยเปลื้องผ้าให้เรา”
ซ่างกวนจิ่นที่อยู่ด้านหลังแผงกั้นได้ยิน สีหน้าพลันอึมครึมลงอย่างห้ามไม่อยู่ เขามองดูเสื้อผ้าที่ยุ่งยากบนตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนมองว่าเสื้อผ้าของอาณาจักรจิงเหลยที่เขาคิดมาโดยตลอดว่าสง่างามเป็นภาระ
อวิ๋นเสียที่อยู่ด้านหน้ากลับช่วยเขาสวมใส่เสื้อผ้าด้วยท่าทีนิ่งสงบถ่อมตน ท่าทางนั้นดูคล้ายกับไม่ได้ยินสิ่งที่เย่ซิวตู๋พูด
อวี้ชิงลั่วถูกเย่ซิวตู๋ลากให้เดินมาครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าพระราชวังนี้จะใหญ่ขนาดนี้ ทั้งยังกว้างขวางมากด้วย
เย่ซิวตู๋ลากนางมาทางฝั่งทิศใต้สุดก่อนจะปล่อยมือ อวี้ชิงลั่วกอดเสื้อของเขาไว้ ก่อนจะแอบเหลือบมองไปฝั่งนั้นอีกครั้ง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย
นางสงสัยอย่างมากว่าซ่างกวนจิ่นจะจำนางได้แล้ว แต่รูปร่างหน้าตาของนางแม้แต่หนานหนานเจ้าเด็กแสบที่อยู่กับนางมาหกปียังจำไม่ได้ ซ่างกวนจิ่นนั่นเพิ่งเจอหน้านางครั้งแรก จะมองออกได้อย่างไรกัน?
เย่ซิวตู่แค่นเสียงเบา ๆ หนึ่งเสียง ใช้นิ้วจิ้มศีรษะเล็ก ๆ ของนาง กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดเขาถึงเป็นอุปราชของอาณาจักรจิงเหลยได้ทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อย? หากมิใช่เพราะมีความสามารถในการวางแผน เขาคงถูกกลืนจนไม่เหลือแม้กระทั่งเศษซากไปนานแล้ว จริงอยู่ที่ฝีมือของหลินมายอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีจุดที่ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ยกตัวอย่างเช่น แผ่นหลัง รูปร่าง หรือกลิ่นที่คุ้นชิน หากสังเกตได้เพียงแค่เล็กน้อย ย่อมต้องมองออก เกรงว่าภายในงานเลี้ยงคงไม่ได้มีแค่ซ่างกวนจิ่นที่มองออก รัชทายาทของอาณาจักรหลิวอวิ๋นและองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่ก็คงจะมองออกแล้ว”
รวมถึงหลีจื่อฟานอีกคน บุรุษผู้นั้นใส่ใจอวี้ชิงลั่ว คราก่อนตอนที่เจอหน้ากันภายในวัง หากมิใช่เพราะเขาคิดว่าอวี้ชิงลั่วตายไปแล้ว เกรงว่าคงได้เกิดการรวมตัวครั้งใหญ่ไปแล้ว
ตอนนี้รู้ว่าอวี้ชิงลั่วยังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องสงสัยนางในทันที
อวี้ชิงลั่วถึงกับสำลักเพราะคำพูดของเขา ทว่าก็ยังถลึงตาใส่ด้วยความเกลียดชัง ปกติพูดน้อยมิใช่รึ? เหตุใดถึงได้สั่งสอนนางชุดแล้วชุดเล่า
ทว่าคนคนนี้นับวันก็ยิ่งทำให้คนระทึกขวัญมากขึ้นทุกที นางยังมิทันได้พูดอะไร เขาก็เดาความคิดของนางได้แล้ว น่ากลัวเกินไป น่ากลัวเกินไปแล้ว
เย่ซิวตู๋ดึงนางขึ้นมาจากเก้าอี้ เลิกคิ้วกล่าว “ช่วยเปลื้องชุดให้ข้า”
“เพราะอะไร?” เขาลากนางมาถึงที่นี่ ยังคิดจะให้นางเปลี่ยนชุดให้จริง ๆ รึ? เข้าใจอะไรผิดหรือไม่ นอกจากเปลี่ยนผ้าอ้อมให้หนานหนาน นางไม่เคยเปลี่ยนชุดให้บุรุษคนใดมาก่อน
เย่ซิวตู๋ยิ้มเยาะพลางตีปีกหมวกของนางแล้วกล่าวว่า “ก็เพราะเจ้าสวมใส่สิ่งนี้ไง ข้าสั่งให้เจ้ารอข้าอยู่ข้างนอกดี ๆ เจ้าก็ไม่ฟัง ยังปลอมตัวเป็นขันทีเข้ามาถึงอุทยานอวี้ฮวาอีก ในเมื่อตอนนี้เจ้ามีสถานะเป็นเสี่ยวลั่วจื่อ เช่นนั้นย่อมต้องทำเรื่องที่เสี่ยวลั่วจื่อพึงกระทำ”
ท่านสิเสี่ยวลั่วจื่อ ทั้งตระกูลท่านนั่นแหละเสี่ยวลั่วจื่อ
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ยื่นมือออกไปทำท่าจะหยิกเขาแรง ๆ
เย่ซิวตู๋หรี่ตา จู่ ๆ ก็กล่าวเสียงสูงขึ้นว่า “เสี่ยวลั่วจื่อ เร็วเข้า เสด็จพ่อกับคนอื่น ๆ ยังรออยู่” ครั้นกล่าวจบ จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูของนาง “ซ่างกวนจิ่นเดินมาทางนี้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วถึงกับตกใจ เย่ซิวตู๋มีกำลังภายใน เขาสามารถได้ยินแม้กระทั่งเสียงเบาเพียงเล็กน้อย
นางจึงไม่ได้สงสัยในตัวเขา รีบยื่นมือออกไปปลดเข็มขัดของเขาอย่างรวดเร็ว
เย่ซิวตู๋กางแขนออก ก้มหน้าหลุบตามองท่าทางรีบร้อนของนาง มุมปากพลันกระตุกเป็นรอยยิ้มพึงใจ อันที่จริงซ่างกวนจิ่นก็ยังมีประโยชน์อยู่เหมือนกัน
ดูสตรีผู้นี้สิ ยอมช่วยเขา ‘เปลื้อง’ ชุดอย่างเชื่อฟังแล้ว?
อวี้ชิงลั่วไม่ได้รับรู้ถึงความคิดไร้ยางอายเหล่านั้นที่อยู่ภายในใจของเย่ซิวตู๋ นางรู้สึกแค่ว่าในเมื่อตนเองแต่งเป็นขันที ก่อนที่ซ่างกวนจิ่นยังไม่ได้เปิดโปงนาง นางก็ยังต้องทำหน้าที่ของขันที เพื่อป้องกันไม่ให้เขาสร้างปัญหาให้ตนเอง
หลังจากเปลื้องชุดให้เย่ซิวตู๋เสร็จ นางจึงหมุนกายเดินไปหยิบชุดมาให้เขา
ใครจะไปคิดว่าตอนที่นางเพิ่งหมุนกาย หมวกที่อยู่บนศีรษะกลับหล่นลงบนพื้น ใบหน้าของนางซบเข้ากับหน้าอกที่มีแค่เสื้อด้านในเพียงตัวเดียวของเย่ซิวตู๋ ท้ายทอยถูกฝ่ามือของเขากดไว้ เสียงหัวใจที่ดังอยู่ในหูเต้นระรัว
อวี้ชิงลั่วใบหน้าแดงระเรื่อ ยื่นมือออกไปเพื่อผลักเขา “เย่ซิวตู๋ ท่านเป็นบ้าอะไร ปล่อยมือนะ”
“ชู่ หากพูดมากกว่านี้ ซ่างกวนจิ่นคงได้ยินแล้ว” เย่ซิวตู๋หลุบตาลงเล็กน้อย จ้องมองสีหน้าเขินอาย นัยน์ตาลึกล้ำขึ้น แม้แต่ร่างกายก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ
อวี้ชิงลั่วขบฟันแน่น แต่ก็กลัวว่าจะเคลื่อนไหวเอิกเกริกเกินไปจนทำให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน ถึงเวลานั้นการเข้าวังของนางคงสูญเปล่า
ทว่า เย่ซิวตู๋กลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยมือจากนาง เรือนกายของอวี้ชิงลั่วแนบชิดเข้ากับหน้าอกของเขา ทั่วสรรพางค์กายเริ่มร้อนรุ่ม
เย่ซิวตู๋กลับรู้สึกเพลิดเพลินอย่างมาก เมื่อครู่เขาแค่เกิดอาการจิตใจฟุ้งซ่านไปชั่วขณะหนึ่ง จึงมิอาจหักห้ามใจได้ ทว่าได้กอดนางไว้เช่นนี้ กลับทำให้เขาพึงใจอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะได้เห็นสตรีผู้นี้แสดงสีหน้าเขินอายที่พบเห็นได้ยากยิ่ง จู่ ๆ ก็แอบรู้สึกเสียใจในภายหลัง บางทีเขาควรทำเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว
“ท่านอ๋องซิว เสื้อของท่านมิได้ยุ่งยากเท่ากับชุดของเรา ต้องใช้เวลานานขนาดนี้เชียวรึ?” ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ด้านนอกแผงกั้นก็มีเสียงขึงขังน่ากลัวดังขึ้น
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องไร้ยางอายได้ทุกที่ทุกเวลาเลยนะคะ
ไหหม่า(海馬)