อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 334 ดึงดูดความสนใจ
ตอนที่ 334 ดึงดูดความสนใจ
ตอนที่ 334 ดึงดูดความสนใจ
เย่ซิวตู๋ได้ยินเสียงนี้ คิ้วพลันขมวดมุ่นอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่รู้จักกาลเทศะจริง ๆ ในเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เช่นนั้นก็เดินออกไปเสียสิ ยังจะมาที่นี่เพื่ออะไร?
อวี้ชิงลั่วฉวยโอกาสนี้ถอยออกจากอ้อมกอดของเขา ทว่าใบหน้ายังคงร้อนผ่าว อุณหภูมิบนร่างกายไม่ลดไปชั่วขณะหนึ่ง นางจึงหันไปถลึงตาใส่เย่ซิวตู๋ด้วยสีหน้าดุดันปราดหนึ่ง
เพียงแต่สายตาคู่นั้นเป็นความอายระคนตำหนิ เย่ซิวตู๋ที่ไม่เคยเห็นสีหน้าเช่นนี้ของนาง ก็ถึงกับเกิดอาการเกร็งที่บริเวณท้องน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ รีบหมุนกายสูดหายใจเข้าลึก ๆ กล่าวเสียงขรึมว่า “ไปหยิบเสื้อมา”
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา ๆ เป็นเพราะกลัวว่าซ่างกวนจิ่นจะบุกเข้ามาเพราะรอไม่ไหว จึงรีบไปหยิบเสื้อมาใส่ให้เขา
รูปร่างเล็ก ๆ ที่ดูระมัดระวังนั้น ทำให้เย่ซิวตู๋เห็นก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เขารู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นดั่งสามีภรรยาแก่เฒ่า การกระทำดูสนิทสนมและคุ้นเคย
อวี้ชิงลั่วผูกสายรัดเอวชิ้นสุดท้ายให้เขา ใช้มือปัดเบา ๆ มองดูความเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า ครั้นแลเห็นเขากลับมาอยู่ในท่าทางสง่างามอีกครั้งแล้ว นางจึงถอนหายใจออกมาอย่างเนิบช้า ค้อมกายถอยออกมาจากแผงกั้น
ครั้นออกมาก็เห็นท่าทางหยิ่งผยองของซ่างกวนจิ่น ตอนที่นางออกมา เขากลับจ้องนางด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งตึง
อวี้ชิงลั่วถึงกับใจเต้นตึกตัก รีบเดินไปหลบอยู่ด้านหลังเย่ซิวตู๋ที่เดินตามออกมา
ซ่างกวนจิ่นหัวเราะเยาะหนึ่งเสียงด้วยท่าทีเย็นชาประชดประชัน ก่อนจะเดินนำออกไปด้านนอก
อวี้ชิงลั่วจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งออก ค้อมกายเดินตามหลังเย่ซิวตู๋อย่างระมัดระวัง แล้วออกจากห้องไปพร้อมกัน
อุทยานอวี้ฮวายังคงอยู่ในช่วงผลัดถ้วยคืนจอก ต่างฝ่ายต่างยกสุราให้กัน การแสดงท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติในตอนนี้ ได้เปลี่ยนเป็นการบรรเลงกู่เจิงแล้ว
เสียงดนตรีนั้นไพเราะสดชื่น ทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกสบายใจและมีความสุขชั่วขณะหนึ่ง
ซ่างกวนจิ่นและเย่ซิวตู๋กลับไปนั่งตำแหน่งเดิมแล้ว อวี้ชิงลั่วจึงใช้โอกาสนี้เพื่อไปจากที่นี่ ทว่าซ่างกวนจิ่นกลับใช้สายตามองมาที่นางตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มนั่ง สายตาคู่นั้นดูแสวงหาและเย้ยหยัน จ้องจนอวี้ชิงลั่วรู้สึกขนพองสยองเกล้าเหงื่อเย็นผุดซึมออกมา
เคลื่อนไหวแค่เพียงนิดเดียว สายตาคู่นั้นก็เปลี่ยนแล้ว นางจึงทำได้เพียงแค่ยืนนิ่งอยู่กับที่ ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น
สายตาของซ่างกวนจิ่นมุ่งมั่นเกินไป เพียงไม่นานก็ดึงดูดสายตาของคนส่วนหนึ่งที่ไม่ควรจะดึงดูด
เจ้าหน้าที่ของอาณาจักรเฟิงชางยังดี พูดคุยหัวเราะและเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง ทว่าฉีหานเว่ย องค์ชายรอง รัชทายาท องค์ชายสามของอาณาจักรเฟิงชางและคนอื่น ๆ กลับเอาแต่จ้องซ่างกวนจิ่นอยู่ตลอดเวลา
เพียงไม่นาน พวกเขาก็มองตามสายตาของซ่างกวนจิ่นมาบรรจบที่อวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วเริ่มรู้สึกชาหนังศีรษะแล้ว นางอยากให้ในมือของนางมีหอกสักเล่ม เจาะให้สมองของซ่างกวนจิ่นแตก นี่แหละถึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดี
“อุปราชคิดว่าขันทีคนนั้นมีปัญหาอะไรรึ?” ในที่สุด สายพระเนตรของฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนพระที่นั่งประธานก็ดูลึกล้ำขึ้น พระองค์ขมวดพระขนงพลางเหลือบมองเหมียวเชียนชิวที่อยู่ข้าง ๆ
เหมียวเชียนชิวถึงกับใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ รีบถอยไปด้านหลังอย่างระมัดระวัง เรียกขันทีผู้ดูแลมาถามถึงสถานะของขันทีผู้นั้น
ทว่าครั้นขันทีผู้ดูแลมองอวี้ชิงลั่ว กลับชะงักไป เนื้อตัวเริ่มสั่นระริก กระซิบตอบอย่างรีบร้อนว่า “เหมียว…เหมียวกงกง ข้าน้อยไม่รู้จักขันทีผู้นั้นขอรับ ไม่เคยเห็นเขาในวังด้วย เขา…เขาคงมิใช่…” แอบเข้ามาหรอกกระมัง
ครั้นเหมียวเชียนชิวได้ฟัง สีหน้าก็อึมครึมตามลงไปด้วย นี่ถือเป็นเรื่องที่แย่มาก หกาภายในวังมีคนไม่ดีแอบลักลอบเข้ามา ทั้งยังเป็นสถานการณ์ที่สำคัญเช่นนี้ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา คงได้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตจริง ๆ
เมื่อนึกเช่นนี้ เหมียวเชียนชิวจึงรีบเดินขึ้นบันไดพร้อมกับกระซิบข้างพระกรรณของฮ่องเต้สองสามประโยค
ทางฝั่งซ่างกวนจิ่น กลับดึงสายตากลับมาอย่างช้า ๆ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “เราก็แค่รู้สึกว่ารูปร่างของขันทีผู้นั้นดูคุ้นตา ราวกับเคยเจอที่ใดมาก่อน”
ฮ่องเต้ชะงัก คำตอบที่เหมียวเชียนชิวกระซิบข้างพระกรรณ ทำให้พระทัยของพระองค์หนักอึ้ง ทว่าภายนอกกลับตอบอุปราชสองสามคำด้วยรอยยิ้ม
ครั้นหันกลับมา จึงสั่งเหมียวเชียนชิวว่า “สั่งให้คนจับตาดูไว้ หากขันทีผู้นั้นตุกติกแม้เพียงเล็กน้อย ให้คนจับตัวทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ” เหมียวเชียนชิวพยักหน้า รีบสั่งคนให้ไปดำเนินการ
ทว่าทางฝั่งซ่างกวนจิ่นกลับพูดขึ้นว่า “เอ๋ ฝ่าบาท เราพอจะนึกขึ้นได้แล้ว ขันทีผู้นั้นคล้ายองครักษ์คนสนิทก่อนหน้านี้ตอนที่เราอยู่อาณาจักรจิงเหลยนี่เอง”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ ขันทีกับน้องเจ้าสิ
“ฝ่าบาท” ซ่างกวนจิ่นกลับลุกขึ้นยืน “เรามีคำขอที่อาจไม่สุภาพเท่าไรนัก แต่ก็หวังว่าฝ่าบาทจะช่วยให้บรรลุผลสมความปรารถนา”
“ในเมื่อรู้ว่าเป็นคำขอที่ไม่สุภาพ เช่นนั้นก็อย่าขอ” ยังไม่รอให้ฮ่องเต้ได้ตรัส เย่ซิวตู๋ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทำเอาขุนนางเหล่านั้นของอาณาจักรเฟิงชางตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่เสียงเพลงเหล่านั้นก็ไม่ฟังแล้ว
พวกเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นดินปืนฉุนกึกในอุทยานอวี้ฮวา เมื่อปะติดปะต่อกับเรื่องเหล่านั้นตอนที่อุปราชอาณาจักรจิงเหลยเข้าเมืองก่อนหน้านี้ เกรงว่าทั้งสองคนนี้คงแค้นเคืองกัน แม้จะพูดว่าตอนนั้นท่านอ๋องซิวช่วยระบายความโกรธให้อาณาจักรเฟิงชาง ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ มีเหตุผลอะไรที่ท่านอ๋องซิวต้องสร้างความขุ่นเคืองให้อุปราช?
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าอุปราชเป็นคนใจเหี้ยม หากเขาระเบิดอารมณ์ขึ้นมา คนที่ต้องทุกข์ทรมานก็คือพวกเขามิใช่รึ?
ฮ่องเต้กระแอมเบา ๆ ตวัดสายพระเนตรมองเย่ซิวตู๋ปราดหนึ่ง ทว่ากลับมิได้ตำนิอะไรมากมาย จากนั้นจึงหันกลับมาตรัสเคล้ารอยยิ้มกับซ่างกวนจิ่น “เชิญอุปราชเอ่ยมา”
“เรายังต้องอยู่ที่เมืองหลวงแห่งนี้อีกสักระยะหนึ่ง จนกว่าการแข่งขันสี่อาณาจักรจะสิ้นสุดลง เพียงแต่ข้างกายเราไม่มีคนคอยปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด อันที่จริงพอได้เห็นคนหน้าตาโทรม ๆ เหล่านั้น ก็กระตุ้นให้เราเกิดความลังเลใจจริง ๆ ในเมื่อขันทีผู้นั้นดูคล้ายกับองครักษ์คนก่อนของเรา สู้ให้เรายืมตัวเขาสักระยะหนึ่งคงจะดีกว่า รอเรากลับจากเมืองหลวง ค่อยคืนตัวเขาให้ท่านดีหรือไม่?”
ฮ่องเต้แอบตะลึงงันภายในพระทัย อุปราชผู้นี้มีท่าทีแปลก ๆ ต่อขันทีผู้นั้นจริง ๆ
พระองค์ต้องการกำจัดขันทีที่ไม่มีประวัติความเป็นมาผู้นั้นโดยเร็ว เพียงแต่ จะปล่อยให้เขาออกจากวังพร้อมซ่างกวนจิ่นไม่ได้โดยเด็ดขาด ใครจะไปรู้ว่าขันทีผู้นั้นเข้ามาในวังเพื่อมาทำอะไร หากกลับไปแล้วสร้างปัญหาให้ซ่างกวนจิ่น เช่นนั้นปลายหอกก็ต้องจ่อมาที่อาณาจักรเฟิงชางของพระองค์มิใช่รึ?
คิดหาวิธีเข้ามาในพระราชวังได้ ย่อมมิใช่คนธรรมดาทั่วไป เกรงว่าคงเป็นคนจากต่างอาณาจักรที่สั่งให้มาทำเรื่องไม่ดี แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนที่อาณาจักรจิงเหลยส่งมา นี่คือการที่โจรร้องให้จับโจรสินะ
เพียงแต่ สรุปแล้วพระองค์ปล่อยให้ขันทีผู้นี้ถูกซ่างกวนจิ่นนำตัวไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
อวี้ชิงลั่วแอบคร่ำครวญแทนตัวเองอย่างเงียบ ๆ นางคิดไว้อยู่แล้วเชียว ซ่างกวนจิ่นไม่มีทางปล่อยนางไปง่าย ๆ เช่นนี้ โดยเฉพาะเขาที่เอาแต่จ้องนางอยู่ครู่ใหญ่ จนดึงดูดความสนใจจากคนอื่น ๆ เห็นดวงตาคู่นั้นที่กลอกอยู่สองตลบ นางก็รู้แล้วว่าคงมีความคิดชั่วร้ายบางอย่าง ดูเหมือนว่า วันนี้แผนการทั้งหมดของนางคงสูญเปล่าแล้ว ประมาทจริง ๆ ปรากฏว่ามีคนจำนางได้เสียแล้ว
“ท่านอ๋องพูดหยอกล้อเก่งจริง ๆ” เย่ซิวตู๋หัวเราะพรืดเบา ๆ หนึ่งเสียง ท่าทียังดูเกียจคร้านเหมือนดั่งเคย
ฮ่องเต้รู้สึกมีความสุข ซิวเอ๋อร์เป็นคนฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร เขาย่อมมองเห็นเบาะแสบางอย่าง พระองค์จึงคิดอยากให้เขารีบปฏิเสธซ่างกวนจิ่น หลังจากจบงานค่อยสั่งให้คนจับตัวขันทีผู้นั้น
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อะไรเนี่ยอิอุปราช จะหาเรื่องอะไรชิงลั่วอีก ไปพัก
ไหหม่า(海馬)