อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 335 คำก็บ่าวสองคำก็บ่าว
ตอนที่ 335 คำก็บ่าวสองคำก็บ่าว
ตอนที่ 335 คำก็บ่าวสองคำก็บ่าว
“อุปราชพูดหยอกล้อเก่งจริง ๆ” เย่ซิวตู๋พูดซ้ำอีกหน นัยน์ตาลึกล้ำนั้นทอดมองซ่างกวนจิ่นที่นั่งเยื้องอยู่ฝั่งตรงข้าม กล่าวอย่างเนิบช้าว่า “เสี่ยวลั่วจื่อผู้นี้แม้แต่เปลี่ยนเสื้อให้อุปราชยังทำไม่ได้ ให้คนโง่เขลาเช่นนี้ไปด้วย มิเท่ากับหาที่ตายให้ตนเองรึ?”
ซ่างกวนจิ่นหรี่ตาลง เขารู้อยู่แล้วว่าเย่ซิวตู๋เป็นตัวละครที่รับมือได้ยากคนหนึ่ง
“หากอุปราชขาดคนปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด กระหม่อมหาคนไปปรนนิบัติดูแลอุปราชได้” หลีจื่อฟานรีบส่งเสียงกล่าว สายตาที่อ่อนโยนตวัดมองไปที่อวี้ชิงลั่ว ก่อนจะดึงกลับมาภายในพริบตาเดียว
อุทยานอวี้ฮวามีขนาดใหญ่ เป็นเพราะคนสองคนที่ฮ่องเต้ของอาณาจักรเฟิงชางให้ความสำคัญมากที่สุดเอ่ยปากกล่าว ดังนั้นเสียงของคนอื่น ๆ จึงเงียบสงัดลง
สายตาของคนบางคนย่อมมองมาที่อวี้ชิงลั่ว นัยน์ตานั้นแฝงด้วยการสำรวจจาง ๆ
ยังดีที่คนส่วนใหญ่ต่างก็คิดว่า ท่านอ๋องซิวและอุปราชไม่ลงรอยกัน จึงได้อาศัยบางเรื่องเพื่อแสดงความคิดเห็นที่แท้จริงและถกเถียงกันอย่างดุเดือด ทำให้ไม่ได้สนใจอวี้ชิงลั่วเท่าไรนัก ก็แค่ขันทีคนหนึ่งเท่านั้น
อวี๋จั้วหลินที่นั่งเกือบปลายแถวช้อนสายตาขึ้นเล็กน้อย มองไปยังสีหน้าของเย่ซิวตู๋
เขาตัดสินใจว่าจะพึ่งพาเย่ซิวตู๋ ทุกคนต่างรู้ดีว่ารัชทายาทเป็นพวกไม่เอาถ่าน แม้ว่าองค์ชายแต่ละคนจะจับจ้องตำแหน่งนั้น แต่คนที่อยู่ในพระทัยของฮ่องเต้คือท่านอ๋องซิว
หากในภายภาคหน้าท่านอ๋องซิวได้ขึ้นครองบัลลังก์ อวี๋จั้วหลินอย่างเขาก็คงเป็นเรือที่ทะยานขึ้นสูงไปตามน้ำ
อีกอย่าง ตอนนี้เขาเห็นเสนาบดีฝั่งขวาที่เป็นปฏิปักษ์กับตนเองคอยช่วยเย่ซิวตู๋เช่นนี้ ท่าทางที่ดูเป็นมิตรทำให้เขาแอบหงุดหงิดในใจ
ซ่างกวนจิ่นหันมองเสนาบดีฝั่งขวาซึ่งเป็นหัวหน้าขุนนางหนุ่มผู้นั้นด้วยสายตาเหนือความคาดหมาย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงแค่นเสียงยิ้มเยาะ “เสนาบดีฝั่งขวาพูดอะไรเช่นนั้น? เรามิได้ขาดคนคอยปรนนิบัติ แค่หวังว่าจะมีคนคุ้นตามายืนข้าง ๆ เราก็คงรู้สึกมีความสุขขึ้นอีกหน่อย”
“งั้นรึ?” เย่ซิวตู๋ยิ้ม ก่อนจะหันมาถามอวี้ชิงลั่ว “เสี่ยวลั่วจื่อ อุปราชพูดขนาดนี้แล้ว เจ้าอยากไปหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วคุกเข่าดัง ‘ตุบ’ ลงกับพื้น รีบก้มหน้าตอบกลับเสียงทุ้มต่ำว่า “อุปราชเห็นความสำคัญเช่นนี้ บ่าวรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้รับความโปรดปรานพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่บ่าวเป็นคนสะเพร่า ไม่รู้กฎเกณฑ์ของอาณาจักรจิงเหลย ต่อให้ยืนอยู่ข้าง ๆ อุปราช ก็คงทำให้ขุ่นเคืองเพราะทำความผิดโดยไม่ทันได้ระวัง ถึงเวลานั้น บ่าวคงทำให้อาณาจักรเฟิงชางอับอาย ความผิดนี้ต่อให้ตายหมื่นหนก็ยากเกินกว่าจะลบล้าง”
ระหว่างที่พูด นางช้อนสายตามองซ่างกวนจิ่นเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าแข็งทื่อที่ดูเหมือนจะโกรธอย่างมาก จึงรีบลุกขึ้นยืนเพื่อถือโอกาสแสดงความคิดเห็น
อวี้ชิงลั่วรีบพูดต่อไปว่า “แน่นอนว่าอุปราชเห็นความสำคัญของบ่าว หากบ่าวทำลายเจตนาดีของอุปราชโดยไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ชีวิตของบ่าวคงบางราวกระดาษ ตายไปก็ไม่เสียดาย หากอุปราชฆ่าบ่าว บ่าวไม่มีทางปริปากบ่นแม้แต่น้อย”
ซ่างกวนจิ่นถึงกับหัวเราะด้วยความโกรธเคืองเพราะคำพูดของนาง นางพ่นคำพูดออกมาเป็นชุดได้เช่นนี้ หรือว่าเป็นเพราะตอนนี้มีเย่ซิวตู๋คอยสนับสนุนอยู่ จึงไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแล้ว
“บ่าวรับใช้อย่างเจ้ากำลังจะบอกว่า เราเป็นคนจิตใจเหี้ยมโหดงั้นรึ?”
อวี้ชิงลั่วทำท่าตกใจ ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง น้ำตาเริ่มไหลซึมออกมา “ฮือ ๆ อุปราช บ่าวสมควรตาย บ่าวพูดจาโง่เขลา บ่าวพูดไปแค่สองประโยคก็กระตุ้นให้อุปราชรู้สึกลังเลจนเกรี้ยวกราดแล้ว หากบ่าวคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายอุปราชจริง ๆ บ่าวคงหัวหลุดจากบ่าภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเป็นแน่ บ่าวรู้ดีว่าอุปราชมิใช่คนจิตใจเหี้ยมโหด โปรดปล่อยบ่าวไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ บ่าวเป็นแค่คนที่มีชีวิตยากลำบากคนหนึ่ง บ่าว…”
“พอแล้ว เลิกคำก็บ่าวสองคำก็บ่าวเสียที” ซ่างกวนจิ่นมุมปากกระตุกวูบ ถลึงตาใส่นางด้วยท่าทีดุดัน
เย่ซิวตู๋จิบน้ำหนึ่งคำอย่างเงียบเชียบ มุมปากแอบเจือด้วยรอยยิ้ม เขารู้อยู่แล้วว่าสตรีผู้นี้มีความสามารถในการทำให้คนผู้อื่นโกรธจนเป็นบ้า ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยังกล้าพูดจาไร้สาระเป็นวรรคเป็นเวรโดยไม่สนใจอะไร
หลีจื่อฟานแอบส่ายหน้าเงียบ ๆ มองนางปราดหนึ่งราวกับจนปัญญา
ฉีหานเว่ยมองนางด้วยความสนใจ คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย หากเป็นขันทีหรือนางข้าหลวงโดยทั่วไป การเผชิญหน้ากับผู้มีพลังแข็งแกร่งอย่างซ่างกวนจิ่น เกรงว่าคงไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียงพูดเพียงคำเดียว ไม่ตกใจจนตายก็นับว่าโชคดีแล้ว
องค์ชายรองมองอวี้ชิงลั่วด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งตึง ก่อนจะพิงเข้ากับพนักพิงอย่างเกียจคร้าน
ฮ่องเต้ขมวดพระขนงเล็กน้อย หันกลับไปสบสายพระเนตรกับเหมียวเชียนชิว ความกล้าของขันทีผู้นี้…ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
ขุนนางภายในงานแอบเหลือบมองสายตาของอุปราช เย่ซิวตู๋และคนอื่น ๆ เพียงแต่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของอวี้ชิงลั่ว พวกเขากลับดูอึดอัด มีความรู้สึกอยากหัวเราะ
“ท่านอ๋อง ท่านดูสิ ทำให้ขันทีตกใจเสียแล้ว ท่านก็แค่อยากได้บ่าวรับใช้เพียงคนเดียวมิใช่รึ?” องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่รินสุราให้ตนเอง เอ่ยปากกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ท่านดู เขาร้องไห้จนกลายเป็นสภาพเช่นนี้แล้ว เหตุใดจึงต้องสร้างความลำบากใจให้เขาด้วยเล่า? เขาเป็นบ่าวรับใช้ก็มิใช่เรื่องง่ายแล้ว จริงหรือไม่?”
ซ่างกวนจิ่นกลับมานั่งที่ตำแหน่งเดิม หันไปยิ้มเยาะให้องค์ชายรองว่า “องค์ชายรองช่างมีเมตตาจริง ๆ ถึงได้ใจกว้างกับบ่าวรับใช้คนหนึ่งเช่นนี้”
ให้ตายเถอะ บอกให้ข้าเลิกพูดคำว่าบ่าวรับใช้ แต่พวกท่านกลับโปรดปรานคำว่า ‘บ่าว’ นี้เสียเหลือเกินนะ
อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะลอบถ่มน้ำลายเงียบ ๆ ในใจ ขาทั้งสองข้างยังคงคุกเข่าลงกับพื้น นางไม่คุ้นชินเอาเสียเลย ทั้งยังอยากลุกขึ้นยืนด้วย ทว่าตอนนี้นางกลายเป็นจุดสนใจแล้ว แค่ขยับตัวเพียงเล็กน้อย คนเหล่านั้นคงเริ่มวิจารณ์
ลำบากเสียเหลือเกิน ซ่างกวนจิ่นผู้นี้กัดนางไม่ปล่อย
องค์ชายรองมิได้กล่าวสิ่งใด เพียงแค่ยิ้มให้ราวกับไม่คิดจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับซ่างกวนจิ่น
เย่ซิวตู๋กลับแค่นเสียงเย็นยิ้มเยาะ พูดกับอวี้ชิงลั่วว่า “เสี่ยวลั่วจื่อ เจ้าลุกขึ้นมาแล้วถอยไปอยู่ข้าง ๆ ก่อน”
“พ่ะย่ะค่ะ” อวี้ชิงลั่วรีบลุกขึ้นยืนโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินเขย่งเท้าเก้าสั้น ๆ ไปยืนด้านข้าง ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ตรงหน้านางก็มีมือสองข้างขึ้นมาขวาง
อวี้ชิงลั่วชะงัก ครั้นเงยหน้าขึ้นก็พบว่าซ่างกวนจิ่นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้
ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนบัลลังก์ถึงกับปวดเศียร เดิมทีตอนที่ได้ยินว่าอุปราชลงมือทำเรื่องเหล่านั้นตอนเข้ามาในเมือง ก็ทำให้พระองค์รู้สึกได้แล้วว่าคนคนนี้เป็นบุคคลที่รับมือได้ยากยิ่ง ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน ตอนนี้ยังคิดจะจัดการกับขันทีตัวเล็ก ๆ ก็เพื่อจะเด็ดหนามบนตัวพระองค์
“เราให้คำมั่นสัญญา ไม่ว่าเจ้าจะทำผิดเรื่องใด เราจะไม่ลงโทษเจ้า เช่นนี้ เจ้าก็ตามไปปรนนิบัติที่เรือนรับรองเราได้แล้วใช่หรือไม่” เสียงของซ่างกวนจิ่นยังคงเย็นชา
อวี้ชิงลั่วได้ฟังกลับรู้สึกปวดหัว นี่เขาไม่คิดจะปล่อยนางจริง ๆ สินะ?
ตอนนี้อวี๋จั้วหลินนั่งอยู่ตำแหน่งข้าง ๆ พวกเขา ย่อมได้ยินคำพูดของซ่างกวนจิ่นชัดเจนที่สุด เขาเองก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน อุปราชผู้นี้ความคิดยากเกินกว่าที่จะโต้เถียงจริง ๆ
อวี๋จั้วหลินหันมองเย่ซิวตู๋ ก็พบว่าเขากำลังเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหันมองหลีจื่อฟาน ก็พบว่ามุมปากของอีกฝ่ายยกขึ้นเล็กน้อย ท่าทางราวกับกำลังจะพูดบางสิ่ง
เขาถึงกับใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ รับรู้ได้ว่าถึงเวลาที่ตนเองจะแสดงความจงรักภักดีแล้ว หากปล่อยโอกาสนี้ให้หลีจื่อฟานแย่งชิงไป เกรงว่าท่านอ๋องซิวคงยิ่งไม่โปรดปรานเขาเข้าไปใหญ่
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ชิงลั่วโดนของอะไรเข้าหรือเปล่าคะ ทำไมมีแต่เรื่องซวย ๆ เกิดกับตัวเองตลอด
กะจั๊วนี่คิดจะทำอะไร อยากเสนอหน้าสร้างความดีความชอบต่อท่านอ๋องซิวเหรอ
ไหหม่า(海馬)