อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 342 ทำร้ายตนเอง
ตอนที่ 342 ทำร้ายตนเอง
ตอนที่ 342 ทำร้ายตนเอง
สายตาของเย่ซิวตู๋ในตอนนี้เพ่งไปที่รอยแส้สองเส้นนั้น
รอยแส้ที่อยู่บนเรือนกายของอวี้ชิงลั่ว เส้นหนึ่งอยู่บนแขน ส่วนอีกเส้นอยู่ที่เอว
รอยบนแขนค่อนข้างตื้น ทว่ารอยบนเอวกลับค่อนข้างลึก เย่ซิวตู๋เห็นบาดแผลเส้นนั้นพลันรู้สึกเกลียดตนเองขึ้นมาอีกหน
เขาพานางเข้าวัง ทว่ากลับมิอาจพานางออกมาได้อย่างปลอดภัย
บาดแผลสองเส้นบนเรือนกายของนาง ก็เหมือนกับมันกำลังกัดเซาะเนื้อของเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บยิ่งกว่านางเสียอีก
“ยาขวดไหน?” เย่ซิวตู๋เอ่ยถามขึ้นอีกหน เพียงแต่ครั้งนี้ น้ำเสียงของเขาต่ำลงทั้งยังแหบพร่า ราวกับว่าพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองอย่างสุดความสามารถ
อวี้ชิงลั่วชะงัก ช้อนสายตามองสีหน้าของเขา ทว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ นางกลับยิ่งไม่สบอารมณ์
เขากำลังจะแต่งงานกับสตรีอื่นแล้ว แต่ยังแสดงออกว่าเป็นห่วงนางเช่นนี้ไปเพื่ออะไรกัน? แบบนี้ยิ่งทำให้นางอึดอัดใจมิใช่รึ?
“ท่านออกไป ข้าจะจัดการเอง” อวี้ชิงลั่วเบือนหน้าไปทางอื่น ทว่านางกลับรู้สึกราวกับสมองกำลังจะระเบิดอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนและไม่เข้าใจนี้ทำให้นางคล้ายกับติดอยู่ในทางตัน จนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
เย่ซิวตู๋ได้ยินกลับลุกพรวดขึ้น ดึงมีดสั้นที่เสียบอยู่ด้านในของรองเท้าบูทออกมา
อวี้ชิงลั่วถึงกับตกใจ มองเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง วินาทีต่อมา นางก็พบว่าเขาใช้มีดสั้นกรีดลงบนแขนของตนเองแรง ๆ หนึ่งที
มีดสั้นเล่มนั้นมีความแหลมคมเป็นพิเศษ ครั้นใบมีดกรีดลงไป เลือดสีแดงสดพลันไหลทะลักออกมา
อวี้ชิงลั่วเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง “ท่านทำอะไร?”
“เจ้าไม่บอกว่ายาขวดไหน เช่นนั้นข้าก็จะลองดูทีละขวด” เย่ซิวตู๋โยนมีดสั้นลงบนพื้น ก่อนจะรื้อกล่องยาของอวี้ชิงลั่วอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงหยิบขวดสีแดงออกมาหนึ่งขวด
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ รู้สึกไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น “ท่านเป็นบ้าไปแล้วรึ? เหตุใดทุกเรื่องที่ท่านทำถึงได้กระตุ้นกันเช่นนี้ มีใครบ้างที่ใช้มีดกรีดตัวเอง ท่านนี่มัน…เป็นบ้าไปแล้ว”
เย่ซิวตู๋หัวเราะหนึ่งเสียง “ทำไมรึ ทำใจไม่ได้ที่เห็นข้าได้รับบาดเจ็บรึ?”
“ข้าอยากให้ท่านตายมากกว่า” ความโกรธของอวี้ชิงลั่วปะทุขึ้น นางโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง มิได้เปล่งเสียงใด ๆ แม้แต่ครึ่งประโยค ถึงช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เขากลับมีกะจิตกะใจพูดเช่นนี้
เลือดบนแขนของเขา เลือดนั้น…กระตุ้นจนทำให้ดวงตาของนางรู้สึกแสบร้อนไปหมด
ครั้นนางได้เห็นก็รู้สึกว่าหัวใจบีบรัดจนเกิดความเศร้าที่มิอาจเปล่งวาจาออกมาได้
รอยยิ้มมุมปากของเย่ซิวตู๋ลึกขึ้น ทว่าเมื่อได้สัมผัสบาดแผลจากแส้ที่อยู่บนเรือนกายของนาง เขาก็รีบเก็บอารมณ์ ใช้ฟันกัดฝาจุกขวดสีแดง ถามนางด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ใช่ขวดนี้หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ถลึงตาใส่เขาโดยไม่พูดอะไร
เย่ซิวตู๋ยักไหล่ เอียงปากขวดเทยาลงบนแขนของตนเอง
“หยุด นั่นยาพิษ ท่านอย่าทำตัวบ้า ๆ นะ” อวี้ชิงลั่วตกใจอย่างหนัก หนังตากระตุกวูบ หัวใจเต้นจนแทบจะทะลุออกมา
เย่ซิวตู๋ได้ยินเช่นนี้ กลับวางยาขวดนั้นไว้ข้าง ๆ ก่อนจะก้มหน้าเลือกยาอีกขวดหนึ่ง
สุดท้ายแล้วอวี้ชิงลั่วก็พ่ายแพ้ให้กับเขา นางรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขามาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะเขาที่ใช้วิธีบ้าบิ่นเช่นนี้ นางยิ่งทำใจเหี้ยมกับเขาไม่ลง
นางหลับตาลงเล็กน้อย ก่อนจะใช้ศีรษะพิงเข้ากับหมอนด้วยท่าทีเหนื่อยล้า กล่าวเสียงเบาว่า “ขวดสีน้ำตาล”
เย่ซิวตู๋รู้สึกมีความสุข หยิบยาขวดสีน้ำตาลออกมาพร้อมกับดึงฝาจุก กลิ่นหอมอ่อน ๆ สดชื่นพลันลอยออกมาจากขวด เพียงได้กลิ่นก็ทำให้รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นในบัดดล
“ท่านใส่ยาห้ามเลือดตัวเองก่อน” อวี้ชิงลั่วถลึงตาใส่เขาด้วยสีหน้าย่ำแย่ “เลือดจะได้ไม่ไหลเลอะเทอะไปทั่ว”
เย่ซิวตู๋ก็คิดเช่นนี้ จึงรีบนำผ้ามาซับเลือดโดยเร็ว จากนั้นจึงทายาลงบนบาดแผล ก่อนจะดึงผ้าพันแผลมาพันไว้สองรอบอย่างลวก ๆ แล้วจึงปล่อยแขนเสื้อ พร้อมกับใช้ดวงตาอันเร่าร้อนจับจ้องมาที่อวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วก็ไม่ได้ขัดขืนแล้ว บุรุษผู้นี้มีความตั้งใจอันแน่วแน่ไม่คิดอยู่ในมือของผู้ใด ตอนนี้นางถูกเขาสกัดจุดแล้ว จึงไม่สามารถขยับตัวได้ บาดแผลบนร่างกายก็มิอาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่านางจะรู้สึกเกลียดชังอยู่ภายในใจ ทว่าก็ยอมปิดตาอย่างเชื่อฟัง
เย่ซิวตู๋วางตัวนางลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ปล่อยให้นางนอนราบให้สบายกาย เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนลงมือทำความสะอาดบาดแผลให้นางอย่างระมัดระวังราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า จากนั้นจึงทายาลงบนบาดแผล
ยานั้นมีความเย็นเล็กน้อย มือที่อ่อนโยนและอบอุ่นของเขาสัมผัสลงบนผิวกายของนาง ส่งผลให้นางรู้สึกชาวูบวาบจนเกือบเปล่งเสียงครวญครางออกมา
“เจ็บหรือไม่?” เย่ซิวตู๋เห็นว่านางไม่พูดอะไร ทั้งยังไม่ส่งเสียงร้องว่าเจ็บ จึงยิ่งประหม่าและกังวล
อวี้ชิงลั่วตกใจเพราะน้ำเสียงกระซิบของเขาจึงได้สติกลับมา แอบด่าสาปส่งตนเองหนึ่งประโยค ในเวลาเช่นนี้ นางกลับยังบ้าผู้ชาย ไร้ยางอายยิ่งนัก
“นิ่ง ๆ” อวี้ชิงลั่วรีบแค่นเสียงเบา ดึงสมาธิทั้งหมดของตนเองกลับมา
เย่ซิวตู๋ทายาให้นางอย่างละเอียด จากนั้นจึงพันผ้าพันแผลให้นางด้วยท่าทางทุลักทุเล ผ้าแต่ละชั้นที่พันไว้ทำให้อวี้ชิงลั่วถึงกับคิ้วสั่นระริก ไม่พูดไม่จาอยู่ครู่หนึ่ง
จนกระทั่งบนร่างกายของนางมองไม่เห็นบาดแผลใด ๆ แล้ว เย่ซิวตู๋จึงนั่งลงที่ขอบเตียงด้วยความอ่อนล้า ราวกับผ่านการสู้รบมาหนึ่งสนาม
“สองวันนี้อย่าขยับตัวเชียว ห้ามออกไปข้างนอกด้วย นอนพักอยู่บนเตียงให้หายดี หากมีเรื่องอะไรก็มีคนรับใช้คอยช่วยเจ้าจัดการแล้ว อยากกินอะไรก็บอกเยว่ซิน ให้ทางครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้ากิน ต้องเปลี่ยนยาวันละครั้ง เอาเถอะ วันพรุ่งข้าค่อยมาช่วยเจ้าเปลี่ยนก็แล้วกัน ถึงอย่างไร…”
“ข้าต่างหากที่เป็นหมอ…” อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ พูดแทรกเขาด้วยท่าทางดุดัน
สถานการณ์ของนางเป็นเช่นไรนางจะไม่รู้รึ? แผลจากแส้นี้ไม่ต้องออกแรงมากมายอะไร ยาที่นางใช้ก็เป็นยาที่ดีที่สุด แค่พักผ่อนหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ทว่าคนคนนี้ ทั้ง ๆ ที่ตนเองมิใช่หมอ แต่กลับจู้จี้จุกจิกยิ่งกว่าหมอ สั่งกำชับเป็นชุดราวกับตนเองเป็นมืออาชีพยิ่งกว่านางเสียอีก
เย่ซิวตู๋ได้ยินนางพูดเช่นนี้ กลับพูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “มีประโยคที่กล่าวไว้ว่า ‘หมอรักษาผู้อื่นได้ แต่มิใช่กับตนเอง’ มิใช่รึ?”
“เหอะ นั่นมันคนอื่น” อย่าได้เหมารวมกับนาง
อวี้ชิงลั่วกลอกตาใส่เขา ทำท่าจะเบือนหน้าหนีไป
ในเวลานี้ ด้านนอกกลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงที่คุ้นเคยของเสิ่นอิง “ท่านอ๋อง มีราชโองการมาพ่ะย่ะค่ะ”
ราชโองการ?
อวี้ชิงลั่วเงยหน้ามองเย่ซิวตู๋ในทันที ราชโองการมาในเวลานี้ ต่อให้นางใช้เท้าเดาก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไร
เกรงว่าในราชโองการนั้นคงพูดถึงเรื่องงานแต่งของเย่ซิวตู๋และองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ เหตุใดถึงได้…รวดเร็วปานนี้?
‘ฟึบ’ สีหน้าของอวี้ชิงลั่วซีดขึ้นมาโดยพลัน ลมหายใจติดขัดราวกับว่ากำลังถูกบีบคอ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บ้าระห่ำมากท่านอ๋อง เล่นใช้วิธีนี้ใครจะสู้ท่านได้ล่ะเนี่ย
ไปจัดการเคลียร์ตัวเองด้วยนะท่านอ๋อง เล่นพูดว่าจะแต่งงานกับองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลขนาดนั้น
ไหหม่า(海馬)