อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 343 เหตุใดจึงได้ยากเย็นเช่นนั้น
ตอนที่ 343 เหตุใดจึงได้ยากเย็นเช่นนั้น
ตอนที่ 343 เหตุใดจึงได้ยากเย็นเช่นนั้น
“เข้าใจแล้ว ข้าจะรีบไป” เย่ซิวตู๋กลับทำแค่ตอบออกไปหนึ่งประโยค
เพียงไม่นานด้านนอกก็ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว เสียงฝีเท้าของเสิ่นอิงก็ห่างไกลออกไปด้วย
เย่ซิวตู๋กลับก้มหน้ามองอวี้ชิงลั่วครู่หนึ่ง ครั้นแลเห็นว่านางไม่กล่าวสิ่งใดแม้เพียงประโยคเดียว ก็เกิดความเศร้าใจ เขาเอื้อมมือออกไปดึงผ้าห่มคลุมตัวให้นาง ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา”
อวี้ชิงลั่วได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว นางจ้องมองแผ่นหลังของเย่ซิวตู๋ที่เดินออกไป เปล่งเสียงออกมาว่า “ห้ามไปรับ”
ฝีเท้าของเย่ซิวตู่ชะงัก รีบหันกลับมาพร้อมดวงตาเป็นประกาย มุมปากยกขึ้นเจือรอยยิ้มทันใด เอ่ยถามเสียงต่ำว่า “เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งงานกับสตรีอื่น?”
อวี้ชิงลั่วถึงกับสำลักไปครู่หนึ่ง ถูกเขาจ้องมองจึงพูดไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้พึมพำว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”
สีหน้าของเย่ซิวตู๋แข็งทื่อ แอบถอนหายใจอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงหมุนกายและสาวเท้าออกไปโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น เสียงปิดประตูนั้นแฝงด้วยความขุ่นเคือง อวี้ชิงลั่วถึงกับเบิกตากว้าง
เขาไปรับราชโองการแล้ว เขาไปรับราชโองการแล้ว
ราชโองการนั้นเป็นราชโองการสมรสเชียวนะ เขารับราชโองการ ก็คงทำได้เพียงแค่แต่งงานกับองค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ เรื่องระหว่างพวกเขาคงไม่มีอนาคตอะไรอีกแล้ว
อวี้ชิงลั่วรู้สึกวิงเวียน ปวดตุบ ๆ ในสมอง แม้แต่บาดแผลบนร่างกายก็ร้อนผ่าวขึ้นด้วย ราวกับมันกำลังลุกไหม้อย่างไรอย่างนั้น
อวี้ชิงลั่ว เจ้ายอมรับเสียเถิด เจ้าชอบเย่ซิวตู๋ เจ้าก็แค่เสแสร้ง เจ้าก็แค่ทำเป็นเล่นตัว
เขาเป็นคนในราชวงศ์แล้วจะทำไม? เขาเป็นทายาทผู้สืบบัลลังก์ที่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญแล้วจะทำไม? เขามิใช่คนที่เจ้าควบคุมได้แล้วจะทำไม?
เจ้าชอบเขาเข้าแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้จะกดไว้ได้อย่างไรกัน เดิมทีเย่ซิวตู๋ก็เป็นคนที่โดดเด่นมากคนหนึ่งอยู่แล้ว เขาปฏิบัติกับนางและหนานหนานเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เขาปกป้องและเป็นห่วงเป็นใยมาตั้งแต่ต้น บุรุษเช่นนี้ จะต้านทานได้อย่างไรกัน?
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย ทว่ากลับหาความเจ็บปวดที่เกิดจากบาดแผลไม่พบ เจ็บเจียนตายกลับไร้วิธีแก้
นางอยากลงจากเตียงแล้วพุ่งตัวออกไป อยากหยุดเย่ซิวตู๋ไม่ให้รับราชโองการนั้น
ทว่าบัดนี้ ต่อให้นางพยายามมากกว่านี้ ต่อให้ทรมานมากกว่านี้ ร่างกายของนางกลับนิ่งไม่ไหวติง ในที่สุดความแสบร้อนบริเวณนัยน์ตาก็ควบคุมไม่ได้อีกต่อไป ราวกับสูญเสียสิ่งสำคัญบางอย่าง ในที่สุดก็พ่ายแพ้อย่างย่อยยับพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน
เยว่ซินที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูได้ยินเสียงที่ถูกกลั้นไว้จากด้านใน ทว่าก่อนท่านอ๋องจะออกไปได้สั่งนางห้ามไม่ให้เข้าไป เยว่ซินจึงทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้ว ใช้หูแนบประตูเพื่อฟังเสียงที่อยู่ด้านในให้ชัดเจนขึ้นอีกสักหน่อย
ในเวลานี้ ภายในห้องโถงด้านหน้าของตำหนักอ๋อง เหมียวเชียนชิวกำลังอ่านราชโองการกับคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าซับซ้อน จนกระทั่งสิ้นสุดลงที่คำว่า ‘จบราชโองการ’ เขาจึงแอบถอนหายใจออกมา สายตาทอดมองไปยังหนานหนานที่กำลังยืนถลึงดวงตากลมโตราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
เด็กน้อยรับรู้ว่าสตรีอื่นกำลังจะกลายเป็นแม่ของเขา ย่อมต้องรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก
ทว่าเขาเองก็ทำอะไรไม่ได้ ท่านอ๋องซิวร้องขอกับฮ่องเต้ด้วยตนเองว่าต้องการให้อ่านราชโองการวันนี้ ดังนั้น ต่อให้ทนไม่ไหว เหมียวเชียนชิวก็ทำได้เพียงแค่เบือนสายตาไปทางอื่น แล้วยื่นราชโองการไปด้านหน้า “ท่านอ๋องซิว รับราชโองการเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เป็นเรื่องยากที่เย่ซิวตู๋จะกล่าวขอบพระทัยต่อพระมหากรุณาด้วยท่าทางจริงจังเช่นนี้ เขารับผ้าไหมทอสีเหลืองอร่ามผืนนั้น ก่อนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เหมียวเชียนชิวมองเห็นท่าทางที่ดูประหม่านี้ จึงรีบกล่าวว่ายังมีธุระ ก่อนจะหมุนกายเดินออกไป
หนานหนานถึงกับระเบิดอารมณ์ ยื่นมือแย่งราชโองการฉบับนั้นด้วยความโกรธ
“ท่านพ่อ ท่านจะแต่งงานกับองค์หญิงอะไรนั่นรึ?”
เย่ซิวตู๋ยกราชโองการขึ้นกลางอากาศ ทว่ากลับพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่”
“ท่าน…ท่าน…ท่าน…ท่านได้แล้วทิ้ง ท่านเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า ท่านทอดทิ้งภรรยาและลูก ท่านทอดทิ้งท่านแม่ของข้า ท่าน ท่านนี่มัน…” หนานหนานเอ่ยปากด่า ตอนที่อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กำลังจะหยุดหนานหนานด้วยท่าทีประหม่า จู่ ๆ หนานหนานก็หยุดลง เงยหน้าขมวดคิ้วถามเย่ซิวตู๋ว่า “คนที่ท่านจะแต่งงานด้วย…คือองค์หญิงแห่งอาณาจักรเทียนอวี่?”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว แค่นเสียงเบาหนึ่งเสียง “อือฮึ”
“อาณาจักรเทียนอวี่จริง ๆ รึ? อาณาจักรเทียนอวี่นั่นน่ะนะ?” หนานหนานเอียงศีรษะ ถามอีกครั้งด้วยความไม่มั่นใจ
เย่ซิวตู๋เก็บราชโองการไว้อย่างดี พลางแย้มยิ้มตอบ “ดูเหมือนว่าจะมีอาณาจักรเทียนอวี่เพียงแห่งเดียวนะ”
หนานหนานเม้มริมฝีปากแน่น มองพ่อของตนเองปราดหนึ่ง จากนั้นก็ก้มหน้าลงอีกหน ใบหน้าเล็ก ๆ ย่นจนกลายเป็นซาลาเปา
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็ตบหน้าขาตนเอง “ไม่ได้การล่ะ ข้าต้องไปที่เรือนรับรองของอาณาจักรเทียนอวี่”
โม่เสียนและคนอื่น ๆ ได้ยินก็ถึงกับตกใจ ควรตกใจสิ คราก่อนตอนที่ไปเรือนรับรองของอาณาจักรหลิวอวิ๋น ก็ถูกแม่นางอวี้ลงโทษไปแล้วมิใช่รึ? เหตุใดวันนี้เขากลับคิดจะไปเรือนรับรองของอาณาจักรเทียนอวี่?
หลังจากอวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงได้ฟังราชโองการจบ จึงเกิดความกังวลใจขึ้นมา ตอนได้ยินหนานหนานกล่าวเช่นนี้ พวกเขาก็จับมือหนานหนานไว้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลงทันที “ไม่ได้นะหนานหนาน ไปไม่ได้”
“ปล่อยให้เขาไปเถิด เสิ่นอิง โม่เสียน พวกเจ้าสองคนตามเขาไป ขอแค่คุ้มกันความปลอดภัยให้เขาก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นปล่อยให้เขาจัดการเถิด” จู่ ๆ เย่ซิวตู๋ก็เอ่ยขึ้นมา คำพูดประโยคนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงกันถ้วนหน้า
ทันทีที่อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงปล่อยมือ หนานหนานก็พุ่งตัวออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่
โม่เสียนและเสิ่นอิงหันสบตากัน ยังไม่มีเวลาได้ถามสถานการณ์ให้ชัดเจน ก็รีบหมุนกายตามเงาของหนานหนานที่ออกจากจวนซิวอ๋องไป
หลังจากเงาแผ่นหลังของพวกเขาหายไปแล้ว เย่ซิวตู๋จึงดึงสายตากลับมา มองราชโองการสีเหลืองอร่ามในมือ ทว่าดวงตากลับเจือด้วยรอยยิ้ม
อวี้เป่าเอ๋อร์ก็รู้สึกโกรธอยู่ภายในใจเช่นกัน เมื่อเห็นเย่ซิวตู๋กำลังแย้มยิ้ม เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น “ท่านทำแบบนี้…ท่านทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดต่อพี่สาวของข้าบ้างเลยรึ?”
“เป่าเอ๋อร์…” เย่หลานเฉิงรีบยื่นมือออกไปดึงอวี้เป่าเอ๋อร์ ทว่าสายตาคู่นั้นของเขาที่จ้องมองเย่ซิวตู๋ก็เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและความขุ่นเคืองเช่นกัน
ถึงอย่างไรทุกคนที่อยู่ในตำหนักอ๋องซิว ต่างก็เห็นอวี้ชิงลั่วเป็นนายหญิง เห็นนางเป็นภรรยาในภายภาคหน้าของเย่ซิวตู๋
ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ กลับมีองค์หญิงอะไรนั่นโผล่ออกมาอีกหนึ่งคนในเวลานี้ และดูเหมือนว่าท่านอ๋องซิวก็ดูมีความสุขที่จะได้แต่งงานกับองค์หญิงผู้นั้นด้วย อย่าว่าแต่พวกอวี้เป่าเอ๋อร์เลย แม้แต่เหวินเทียนและเผิงอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พากันขมวดคิ้วมุ่นไม่เอ่ยวาจาใดออกมาเช่นกัน
เย่ซิวตู๋กลับคร้านที่จะอธิบายกับพวกเขา จึงตรงไปที่เรือนของอวี้ชิงลั่วพร้อมกับราชโองการ
ครั้นมาถึงประตูห้อง ก็พบว่าเยว่ซินกำลังใช้หูแนบเข้ากับประตู นางเห็นเขาเดินเข้ามา จึงรีบถอยหลังไปสองสามก้าว กล่าวเสียงเบาว่า “ท่านอ๋อง”
เย่ซิวตู๋โบกมือให้นางออกไป ส่วนตนเองก็ผลักประตูเดินเข้าไปในห้อง
เขายังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย ก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงข้างเตียงแล้ว ทว่าเมื่อเดินเข้ามาใกล้ กลับพบว่าดวงตาคู่นั้นของนางบวมเป่งเป็นสีแดงก่ำ หางตายังคงมีหยาดน้ำตารินไหลออกมา
หัวใจเย่ซิวตู๋ถึงกับบีบรัด โยนราชโองการในมือทิ้งและพุ่งเข้าไปกอดนาง “เจ้า…นี่เจ้า…เฮ้อ เหตุใดการบังคับให้เจ้าเปิดเผยความในใจจึงได้ยากเย็นเช่นนี้นะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เล่นยาแรงมากท่านอ๋อง มาเดิมพันกับหัวใจชิงลั่วแบบนี้ได้ยังไง แล้วทำให้หนานหนานโมโหอีก…โกรธแล้ว…โป้ง
ไหหม่า(海馬)